พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เป็นประธานประชุมสมัชชาใหญ่สามัญประจำปี 2551 ที่ห้องบอลรูม บี รร.เรดิสัน เมื่อ 30 มี.ค. โดยมีวาระสำคัญในการเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ประจำปี 2552-2556 ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 43 จาก 46 คน
โดยที่ประชุมได้เลือกตั้งกรรมการบริหารจำนวน 23 คน ดังต่อไปนี้ พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา, พลเอก ชนินทร์ จันทรุเบกษา, พลเอกทวีป จันทรโรจน์, พลตรีจารึก อารีราชการัณย์, พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ, นายวรวีร์ มะกูดี, นายวิจิตร สิทธินาวิน, นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์, นางบุษบา ยอดบางเตย, นายสาโรจน์ คุณีพงษ์, น.พ.วารินทร์ ตัณฑศุภศิริ, ศ.เจริญ วรรธนะสิน, นายสมบัติ คุรุพันธ์, นายธนา ไชยประสิทธิ์, พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์, นายปองพล อดิเรกศาล, นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์, ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์, นายสงวน โฆษะวินฑะ, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ, พล.ต.ท.โกวิทย์ จิรชนานนท์, นายพงศ์โพยม วาศภูติ, รศ.ดร.พลสิทธิ์ หนูชูชัย ส่วนดร.ณัฐ อินทรปาณ ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (ไอโอซี), และเรือเอกหญิงเกษราภรณ์ สุตา ในฐานะอดีตนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ได้รับเลือกโดยอัตโนมัติ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 10 คน โดยทายาทมหาเศรษฐีอย่างนายปิติ ภิรมย์ภักดี ทายาทสิงห์คอร์เปอเรชั่น และ นายฐาปน ศิริวัฒนภักดี ทายาทไทยเบฟเวอเรจ ยังมีชื่อติดอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมี นายศักดิ์ชาย วงศ์มาลาสิทธิ์, พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง, นาย เรวัตร ฉ่ำเฉลิม, พลเอกวิชิต ยาทิพย์, ศ.สุพิตร สมาหิโต, นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์, พล.อ.บัญชา มรินทร์พงศ์ จากนั้นที่ประชุมมีการพิจารณาเพื่อเลือกประธานคณะกรรมการโอลิมปิค ผลปรากฏว่า พลเอกยุทธศักดิ์ได้รับการเทคะแนนให้ดำรงตำแหน่งประธานโอลิมปิคฯ สมัยที่ 3 จากนั้นพลเอกยุทธศักดิ์ได้เลือกให้พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ รั้งตำแหน่งรองประธานและเลขาธิการโอลิมปิค ซึ่งทำให้พลตรีจารึก นั่งเป็นเลขาธิการโอลิม ปิคมาแล้วเป็นสมัยที่ 7 หลังจากที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2528 ซึ่งเมื่อนั่งครบวาระจะรั้งตำแหน่งยาวนานถึง 28 ปี ส่วนตำแหน่งเหรัญญิกยังเป็น นายธนา ไชยประสิทธิ์ ต่อไป
ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พลเอกยุทธศักดิ์กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการปรับปรุงการแบ่งมอบงานของคณะกรรมการ โอลิมปิคฯ ออกเป็นกรรมาธิการคณะต่างๆ ให้เหมาะสม, ปรับปรุงแก้ไขธรรมนูญข้อบังคับคณะกรรมการโอลิมปิคฯ พ.ศ.2546 ให้ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สำหรับที่ปรึกษา 13 คน นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา และคนในวงการกีฬาอย่างนายปรีดา รอดโพธิ์ทอง, พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย, นายทินกร นำบุญจิตต์ ยังอยู่พร้อมหน้า
ทั้งนี้งบดุลประจำปี 2551 มีรายได้ 38,282,947 บาท รายจ่าย 30,278,423.62 บาท รวมมีรายได้มากกว่ารายจ่าย 8,004,550.38 บาท ขณะที่สินทรัพย์รวม 137,068,655.76 บาท
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์