การแข่งขันศึกเทนนิสแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้า “วิมเบิลดัน” ซึ่งเป็นรายการแกรนด์สแลมที่ 3 ของฤดูกาล ที่ออลอิงแลนด์ ลอนเทนนิส คลับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันกันในประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “เฟดเอ็กซ์” โรเจอร์ เฟเดเรอร์ นักหวดมือ 1 ของโลกและเต็ง 1 ของรายการจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ 5 สมัยล่าสุดติดต่อกัน (ปี 2003-2007) พบกับ “ราฟา” ราฟาเอล นาดาล มือวางอันดับที่ 2 ของรายการจากสเปน ที่เข้าชิงรายการนี้มา 2 ปีล่าสุด แต่ก็ต้องอกหักได้แค่รองแชมป์ทั้ง 2 ปี
สำหรับสถิติการพบกันของทั้งคู่ เฟเดเรอร์เจอกับ นาดาลมาแล้วทั้งหมด 17 ครั้ง โดยนาดาลเป็นฝ่ายเอาชนะได้ถึง 11 ครั้ง ส่วนเฟเดเรอร์เป็นฝ่ายชนะแค่ 6 ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ “วิมเบิลดัน” 2 ปีล่าสุด (ปี 2006-2007) มือ 1 ของโลก จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า โดยเป็นฝ่ายเอาชนะและคว้าแชมป์ไปได้ทั้ง 2 ครั้ง หากในปีนี้ เฟเดเรอร์สามารถคว้าแชมป์ได้อีกสมัย จะทำให้เขาทำสถิติแซงหน้าบียอร์น บอร์ก ตำนานนักหวดชาวสวีดิช ด้วยการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติตลอดกาลเทียบเท่ากับวิลเลียม เรนชอว์ ยอดนักหวดลูกสักหลาดชาวอังกฤษ ที่ทำได้ระหว่างปี 1881-1886 หรือกว่า 122 ปีมาแล้ว ขณะที่นาดาล หากคว้าแชมป์ได้ก็จะเป็นการสัมผัสกับแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกของเขา
การแข่งขันแมตช์นี้มีฝนตกลงมารบกวนถึง 2 ครั้ง ระหว่างแข่งขัน ไม่นับก่อนเริ่มแข่ง ซึ่งทำให้การ แข่งขันเริ่มล่าช้ากว่ากำหนดด้วย ซึ่งผลปรากฏว่า ราฟาเอล นาดาล เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 2-0 เซต แต่เฟเดเรอร์ ก็โชว์ฟอร์มสมฉายา “ราชาคอร์ตหญ้า” ไล่ตามมาตีเสมอเป็น 2-2 เซต ด้วยการเล่นไทเบรก ต้องตัดสินกันในเซตที่ 5 และก็เป็นนาดาลที่อึดกว่าเป็นฝ่ายได้เซตนี้ไป สรุป ราฟาเอล นาดาล ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 48 นาที เป็นฝ่ายเอาชนะ โรเจอร์ เฟเดเรอร์ ไปแบบสนุกตื่นเต้น 3-2 เซต ด้วยสกอร์ 6-4, 6-4, 6-7 (5), 6-7 (8), 9-7 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้เป็นครั้งแรกในชีวิต พร้อมกับรับเงินรางวัลไป 750,000 ปอนด์ หรือประมาณ 49 ล้านบาท ส่วนเฟเดเรอร์ต้องหยุดสถิติบนคอร์ตหญ้าติดต่อกันไว้ที่ 65 แมตช์ และรับเงินรางวัลปลอบใจไป 375,000 ปอนด์ หรือประมาณ 24.4 ล้านบาท
สรุปสถิติที่น่าสนใจของเกมนี้ เฟเดเรอร์ได้เบรกพอยต์ถึง 13 ครั้ง แต่ทำได้ครั้งเดียว และพลาดโอกาสสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์ 6 สมัยติดต่อกันเท่ากับ วิลเลียม เรนชอว์ นักหวดชาวอังกฤษ ที่เคยทำไว้เมื่อปี 1881-1886 หรือเมื่อ 122 ปีก่อน นอกจากนี้ เขายังหยุดสถิติชนะรวดบนคอร์ตหญ้าเอาไว้ที่ 65 แมตช์ (เฉพาะในวิมเบิลดัน 40 แมตช์) และสถิติการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมของเฟเดเรอร์ยังคงหยุดที่ 12 แกรนด์สแลมเท่าเดิม ขณะที่นาดาลเอาชนะเฟเดเรอร์ได้ในรอบชิงวิมเบิลดันครั้งแรก หลังจากพ่ายแพ้มาตลอด 2 ปีหลังสุด เป็นนักหวดคนที่ 3 ที่คว้าแชมป์เฟรนช์โอเพ่น กับวิมเบิลดัน ในปีเดียวกัน และเป็นคนแรกนับตั้งแต่บียอร์น บอร์ก ทำได้เมื่อปี 1980 นอกจากนี้เขายังเป็นนักเทนนิสจากสเปนคนที่ 2 ต่อจาก มาโนโล ซานตานา ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ โดย ซานตานาเคยทำได้เมื่อปี 1966 ทั้งนี้ การดวลกันครั้งนี้ที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 48 นาที ยังทำสถิติเป็นการเล่นในรอบชิงชนะเลิศที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของวิมเบิลดันด้วย
ภายหลังจากสร้างตำนานการต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศวิมเบิลดันอย่างยิ่งใหญ่ ราฟาเอล นาดาล กล่าวถึงตำแหน่งแชมป์วิมเบิลดันครั้งแรกนี้ว่า “เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายความรู้สึกของผมในตอนนี้ บอกได้ แค่ว่าดีใจมากที่คว้าแชมป์ได้ สำหรับผมมันเป็นความฝันที่ได้เล่นในรายการนี้ แต่สำหรับชัยชนะผมไม่เคยคาดคิด ถึงชัยชนะแบบนี้มาก่อน”
ราฟาเอล นาดาล ยอมรับว่า ชัยชนะครั้งนี้เป็นชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด “เมื่อครั้งที่ได้แชมป์เฟรนช์โอเพ่นครั้งแรก มันก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อเช่นกัน ผมไม่ต้องการจะเอารายการแกรนด์สแลมมาเปรียบเทียบกัน แต่วิมเบิลดันเป็นรายการพิเศษของทุกคน ทั้งธรรมเนียมทุกๆสิ่ง สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ชนะที่นี่มากกว่าที่เฟรนช์ โอเพ่น” อย่างไรก็ตาม โรเจอร์เป็นนักเทนนิสที่เก่งที่สุดในโลกตอนนี้
ทางด้านโรเจอร์ เฟเดเรอร์ ผู้ซึ่งถูกหยุดสถิติชนะเลิศติดต่อกันไว้ที่ 5 ปีซ้อน กล่าวถึงการแข่งขันนัดนี้ว่า การแข่งขันซึ่งต้องเริ่มต้นช้ากว่ากำหนดเพราะฝนตก และยังต้องพักเพราะฝนลงมาอีก 2 หน น่าจะเลื่อนไปแข่งต่อในวันจันทร์ เพราะแสงสว่างไม่เพียงพอ อย่างไร ก็ตาม ราฟาสมควรเป็นผู้ชนะในเกมนี้ ซึ่งราฟาเอล นาดาล ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ว่า “ในเกมสุดท้าย ผมมองอะไรไม่ เห็น เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ผมคิดว่าเราต้องหยุดเล่นถ้าหากว่าผมเสียในเกมสุดท้าย เราคงต้องหยุดเล่น”
ขณะที่ จอห์น แมคเอนโร อดีตแชมป์วิมเบิลดัน 3 สมัยชาวอเมริกัน อดีตนักเทนนิสจอมโวย ซึ่งเป็นผู้ บรรยายทางทีวีสำหรับคู่ชิงชนะเลิศได้กล่าวชมทั้งคู่ว่า “นี่เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา”
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์