ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ “สิงห์สำอาง” เชลซี โดยเกมนัดแรก ลิเวอร์พูล แพ้มาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0
เริ่มเขี่ยลูกเป็นเจ้าถิ่นที่เปิดฉากบุกอยู่ข้างเดียว และมาได้ประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 22 จากการเติมขึ้นมายิงของปราการหลังแดนโคนม ดาเนียล แอกเกอร์ หลังเสียประตู เชลซี รูปเกมดีขึ้น มีโอกาสทำประตูแก้คืน เมื่อ ดิดิเยร์ ดรอกบา โขกบอลไปกระทบไหล่ มิชาเอล เอสเซียง เปลี่ยนทางหลุดกรอบออกไปหวุดหวิด
ครึ่งหลัง เป็นหงส์แดงที่ได้ลุ้นก่อน เมื่อ เดิร์ค เคาต์ ได้โขกเต็ม ๆ แต่บอลพุ่งไปชนคาน ลิเวอร์พูลชวดขึ้นนำ 2-0 อย่างน่าเสียดาย เชลซี มีลุ้นบ้าง เมื่อ ดรอกบา หลุดกับดักเช็กล้ำหน้าของลิเวอร์พูลเข้าไป แต่ โฮเซ เรนา พุ่งออกมาคว้าบอลได้ทันอย่างหวุดหวิด ท้ายเกม หงส์ได้โอกาสอีกครั้ง โบโล เซนเดน กดเต็มเหนี่ยว แต่ ปีเตอร์ เช็ก เซฟไว้ได้ ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
การแข่งขันในช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่องหวังพิชิตประตูชัย ในนาทีที่ 103 เหล่ากองเชียร์เดอะค็อบได้เฮกันเก้อ เมื่อ อลอนโซ ซักบอลจากแถวสอง ไปโดน เช็ก ทุบมาเข้าทาง เดิร์ค เคาต์ ที่วิ่งเข้าซ้ำจังหวะสองส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่ผู้กำกับเส้นยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้า ก่อนจบเกม 120 นาที ผลประตูรวมยังเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินชี้ชะตาด้วยการดวลจุดโทษ
ผลปรากฏว่า การดวลจุดโทษ ลิเวอร์พูล ยิงได้ชัดเจนกว่า เป็นฝ่ายเอาชนะเชลซี ไปในที่สุดด้วยสกอร์ 4-1 โดย ลิเวอร์พูล ได้ประตูจุดโทษจาก เบาเดอไวน์ เซนเดน, อลอนโซ, เจอร์ราร์ด และปิดท้ายที่ เดิร์ค เคาต์ ส่วนเชลซีได้ประตูจุดโทษจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด ขณะที่ อาร์เยน ร็อบเบน และ เฌเรมี่ เอ็นฌิตัป ลงมายิงแต่โดน เรน่า เซฟไว้ได้ถึง 2 ประตู
จบเกม ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเข้ารอบชิงชนะเลิศต่อไปในที่สุด ซึ่งจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เอซี มิลาน ที่จะแข่งขันในวันนี้.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์