ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2006/07 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเกม 2 คู่แรกเป็นการลงสนามของ 2 ทีมที่กำลังไล่บี้แย่งแชมป์กันคือ “ผีแดง” แมนฯยู จ่าฝูง และ “สิงห์บลู” เชลซี รองจ่าฝูง ซึ่งทั้งคู่ลงเล่นพร้อมกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ผลปรากฏดังนี้
จ่าฝูง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกพลบุกไปเยือน “ทอฟฟี่” เอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 5 ที่สนามกูดิสันพาร์ก เกมนี้จ่าฝูงทีมปิศาจแดงยังคงไม่มีทั้ง แกรี เนวิลล์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในแนวรับเหมือนเดิม ขณะที่ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกทีมชาติโปรตุเกส เจ้าของ 2 รางวัลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง ก่อนแข่งนัดนี้ นักเตะทั้ง 2 ทีมต่างสวมปลอกแขนดำไว้ทุกข์ต่อการจากไปของ อลัน บอลล์ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ชุดแชมป์โลก 1966 ที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ขณะมีวัย 61 ปี นอกจากนี้ แฟนบอลทั้งสนามยังปรบมือไว้อาลัยให้บอลล์ด้วย
เกมเปิดฉากเริ่มได้แค่ 12 นาที กองเชียร์ทอฟฟี่ก็ได้เฮก่อน เมื่อ อลัน สตับบ์ ตะบันฟรีคิกนอกเขตโทษไปแฉลบขาไมเคิล คาร์ริก ตุงตาข่าย ให้เอฟเวอร์ตันออกนำก่อน 1-0 แถมเจ้าถิ่นทอฟฟี่ยังช็อกจ่าฝูงผีแดง ด้วยการหนีห่างเป็น 2-0 ได้อีก หลังเปิดฉากครึ่งเวลาหลังได้เพียง 5 นาที จากลูกยิงเต็มข้อของมานูเอล เฟอร์นันเดซ นาที 50
หลังจากนั้น แมนฯยูส่งคริสเตียโน โรนัลโดลงสนาม และสามารถถล่มตาข่ายเจ้าถิ่นทอฟฟี่ได้ถึง 4 ประตูรวด โดย จอห์น โอเชีย ยิงตีไข่แตกไล่เป็น 1-2 นาที 61 จากนั้น ฟิล เนวิลล์ เด็กเก่าผีแดง ทำเข้าประตู ตัวเอง นาที 68 ให้ผีแดงตีเสมอ 2-2 ก่อนที่ เวย์น รูนีย์ จะตะบันประตูทีมเก่าของตัวเอง ให้แมนฯยูแซงนำ 3-2 นาที 79 และคริส อีเกิลส์ ศูนย์หน้าดาวรุ่ง ซัดปิดกล่อง นาที 93 จบเกมแมนฯยูบุกมาถล่มแซงชนะเอฟเวอร์ตันสุดมันเหลือเชื่อ 4-2 คว้า 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
ขณะที่ “สิงโตพันล้าน” เชลซี ทีมรองจ่าฝูง เปิดรังสแตมฟอร์ดบริดจ์ ทำได้แค่เสมอกับโบลตัน วอนเดอเรอร์ส 2-2 ทั้งที่โบลตันนำก่อน 1-0 จากลูโบเมียร์ มิคาลิก นาที 19 แต่ซาโลมอน กาลู โหม่งตีเสมอ 1-1 ให้สิงห์บลู นาที 22 จากนั้นกาลูก็โหม่งไปชนคานแล้วบอลหล่นมาโดนยาสเคไลเนนตุงตาข่าย เป็นประตูแซงนำ 2-1 ของเชลซี นาที 34 ทว่าครึ่งหลัง เควิน เดวีส์ ซัดตีเสมอให้โบลตันสำเร็จเป็น 2-2 นาที 54 ส่งผลให้เชลซีชวดชัยเก็บได้แค่แต้มเดียว
เมื่อผลทั้งสองคู่ออกมาเช่นนี้ ทำให้ “ผีแดง” แมนฯยู โกยคะแนนหนีห่างเชลซีไปไกลเป็น 5 คะแนนแล้ว ขณะเหลือการแข่งขันอีก 3 นัดเท่ากันทั้งคู่ โดยสถานการณ์ของตารางคะแนนล่าสุดหลังแข่งไปแล้ว 35 เกมเท่ากัน ปรากฏว่า แมนฯยูยังนำจ่าฝูงต่อไป มี 85 คะแนน ตามด้วยเชลซี 80 คะแนน
ขณะที่ผลอีก 6 คู่ที่เหลือในวันเดียวกัน มีดังนี้ แบล็กเบิร์น ชนะ ชาร์ลตัน 4-1, มิดเดิลสโบรช์ แพ้ สเปอร์ส 2-3, พอร์ตสมัธ ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1, แมนฯซิตี้ แพ้ แอสตัน วิลลา 0-2, วีแกน แพ้ เวสต์แฮม 0-3 และ เชฟฯยู ชนะ วัตฟอร์ด 1-0
ส่วนนัดซุปเปอร์ซันเดย์ คืนนี้ (อาทิตย์ 29 เม.ย.) มีเกมดวลแข้งคู่เดียวโดดๆ โดย “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ทีมอันดับ 4 จะเปิดสนามเอมิเรตส์สเตเดียมของตัวเอง ทำศึกลอนดอนดาร์บี้แมตช์กับ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม ทีมในโซนท้ายตารางที่ยังไม่ปลอดภัยนัก ซึ่งคู่นี้จะมีการถ่ายทอดสดให้ชมทางทรูวิชั่นส์ 65 อีเอสพีเอ็น เริ่มตั้งแต่ 22.00 น.เป็นต้นไป
เกมนี้อาร์เซนอลยังคงขาดศูนย์หน้าอันดับ 1 และ 2 ของทีมอย่าง เธียร์รี อองรี และโรบิน ฟาน เพอร์ซี เหมือนเดิม เนื่องจากโดนอาการเดี้ยงเล่นงานอยู่ทั้งคู่ ทำให้เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ยังคงยืนเป็นหัวหอกตัวหลัก แต่แดนกลางยังคงปึ้กเพราะตัวหลักอยู่กันครบ ทั้งจิลแบร์โต ซิลวา, เชส ฟาเบรกัส, โทมัส โรซิคกี และอเล็กซานเดอร์คเล็บ ส่วนแนวรับไม่มีปัญหาตัวหลักอยู่ครบเช่นกัน คือวิลเลียม กัลลาส, กาเอล กลิชี, เอบูเอ และโคโล ตูเร
ส่วนทีมเยือนฟูแลมก็ตั้งเป้าคว้าชัยให้ได้เป็นนัดแรก ภายใต้การคุมทีมของลอรี ซานเชซ กุนซือขัดตาทัพที่จะคุมทีมจนกระทั่งจบซีซั่นนี้เท่านั้น ฟูแลมมีตัวรุกที่อันตรายอย่าง ไบรอัน แมคไบรด์, ปาปา ดิยอป และวินเซนโซ มอนเตลลา ที่แนวรับปืนใหญ่จะประมาทไม่ได้ นอกจากนี้ฟูแลมยังไม่ปลอดภัยจากการตกชั้นซะทีเดียวด้วย จึงต้องการทุกแต้มจากทุกนัดที่เหลือ แนวโน้มเกมเชื่อว่า แม้ปืนใหญ่ฟอร์มจะตะกุกตะกัก สามวันดีสี่วันไข้ แต่ฟอร์มโดยรวมแล้วยังคงเฉียบขาดกว่าทีมเยือนแถมยังเล่นในบ้านอีกต่างหาก ดังนั้นเชื่อว่าปืนใหญ่จะยิงสลุตเบียดชนะฟูแลมได้
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์