ศึกลูกหนังยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2006/07 เมื่อคืนวันพุธ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเกมดวลแข้งรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก อีก 2 คู่สุดท้าย โดยที่สนามโอลิมปิก สเตเดียม ในกรุงโรม อิตาลี “หมาป่าเหลืองแดง” โรมา รองจ่าฝูงกัลโชซีรีเอ เปิดบ้านต้อนรับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
เกมนี้เจ้าถิ่นโรมาค่อนข้างฟูลทีม แม้ไม่มีดาวิด ปิซาร์โร ที่ติดโทษแบน แต่ 3 ขุนพลตัวเก่งในแนวรุกอย่างฟรานเชสโก ตอตติ, อเลสซานโดร มานชินี และโรดริโก ทัดเด ลงสนามกันพร้อมหน้า ส่วนผีแดงไม่มีทั้งแกรี เนวิลล์ และเนมานยา วีดิช ในแนวรับ แต่ได้ โอเล กุนนาร์ โซลชา ลงยืนหัวหอกคู่กับเวย์น รูนีย์
เปิดฉากเริ่มเกมเป็นเจ้าถิ่น โรมาที่บุกกระหน่ำใส่ทีมเยือน กระทั่งผ่านพ้น 20 นาทีแรกไปแล้ว แมนฯยู จึงเริ่มตั้งตัวได้ ทว่าพอล สโคลส์ กลับได้รับใบเหลืองแรกของเกม หลังจากไปเสียบหนักใส่คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน ในนาที 26 ทำให้สโคลส์อดลงเล่นในนัดหน้า เพราะมีใบเหลืองติดตัวครบ 2 ใบ หนำซ้ำนาที 34 สโคลส์ไปดักฟาวล์ตอตติบริเวณกลางสนาม เลยโดนกรรมการชักใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดง ถูกไล่ออกจากสนาม ทำให้ผีแดงเหลือผู้เล่นในสนามแค่ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก
จากนั้นโรมาฉวยโอกาสที่มีตัวผู้เล่นมากกว่า พังประตูขึ้นนำทีมเยือนไปก่อนจนได้ 1-0 ในนาที 44 เมื่อมานชินีพาบอลหลอกล่อกองหลังแมนฯยู ก่อนหักเรียดมาให้โรดริโก ทัดเด สอดเข้ามายิงแฉลบผู้เล่นผีแดงตุงตาข่าย ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง ผีแดงที่แม้จะเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่าแค่ 10 คน แต่กลับพังประตูตีเสมอสำเร็จ จากจังหวะที่ เวย์น รูนีย์ เอาอกพักบอลหลบกองหลังเจ้าถิ่น ก่อนวอลเลย์ตุงตาข่ายอย่างงดงาม นาที 60 แต่กองเชียร์ผีแดงดีใจได้แค่แป๊บเดียว ก็ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังทีมหมาป่าอีกครั้งในอีก 6 นาทีให้หลัง เมื่อมีร์โก วูชินิช หัวหอกมอนเตเนโกร ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาเล่นแทนวิลเฮล์มส์สันได้ไม่กี่นาที ก็จัดการตามซ้ำลูกยิงไกลที่ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดออกมาไม่ดีตุงตาข่ายให้โรมาออกนำอีกหน 2-1 ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเพิ่ม หมดเวลา โรมาเปิดรังพิชิตปิศาจแดงไปได้ก่อนในนัดแรก 2-1
หลังการแข่งขัน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือทีมปิศาจแดง ยังเชื่อว่าประตูอเวย์โกลที่เวย์น รูนีย์ ยิงได้ จะพาทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้ ซึ่งประตูนี้นับเป็นประตูแรกของรูนีย์ ที่ยิงได้ในศึกยุโรปในรอบ 2 ปีครึ่ง หลังจากทำแฮตทริกกับเฟเนร์บาห์เช เมื่อปี 2004 “เกมหน้าที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด เราจะได้รับโอกาสที่วิเศษสุด ดังนั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนั้น โดยรูปการณ์ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะพวกเขาชนะเราได้ก่อน แต่เราก็ได้ประตูที่จะเปลี่ยนแปลงเกม ถ้านัดหน้าเราได้ประตูนำ รูปเกมจะเปลี่ยนทันที และพวกเขาต้องเปิดเกมบุก และมันจะเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว”
อย่างไรก็ดี เซอร์เฟอร์กี้ยอมรับไม่ค่อยแฮปปี้กับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเฮอร์เบิร์ต ฟานเดล ในเกมนี้แต่ก็ไม่ขอวิจารณ์กรณีที่พอล สโคลส์ โดนใบแดง “ผมคิดว่าเราเหมือนเล่น 10 คนสู้กับ 12 คนนานร่วมชั่วโมง แต่นับเป็นผลแข่งขันที่ดีสำหรับเรา และประตูอเวย์โกลอาจจะช่วยตัดสินชี้ขาดให้เราผ่านเข้ารอบ ผมเคยพูดก่อนเริ่มเกมนี้แล้วว่า ถ้าเรามายิงประตูได้ เราก็จะมีโอกาสที่ดี ซึ่งเราก็ทำสำเร็จ คืนนี้เป็นเกมที่ยากสำหรับเรา ผมไม่คิดว่าเราได้รับคำตัดสินที่เข้าข้างเราในเกมนี้ แต่นั่นคือเกมฟุตบอลยุโรปที่ผมกลัว ทว่าผมไม่ขอวิจารณ์การโดนไล่ออกของพอล สโคลส์ ซึ่งผมคิดว่ามันสมควรเป็นใบเหลืองทั้ง 2 ครั้ง พอลชอบการแท็กเกิล ซึ่งนั่นไม่มีคำถาม แต่โชคร้ายที่ในยุโรปเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้”
ทว่าเกมนี้ยังมีเหตุวุ่นวายในสนามเกิดขึ้น เมื่อแฟนบอลปิศาจแดง แมนฯยู เปิดศึกตะลุมบอนกับกองเชียร์โรมา ระหว่างช่วงพักครึ่งแรก โดยมีรายงานว่า แฟนบอลผีแดงไม่พอใจที่ถูกแฟนบอลเจ้าถิ่นทีมหมาป่ายั่วยุ ทำให้เหล่าสาวกเรด อาร์มี บนอัฒจันทร์กลุ่มหนึ่ง ที่คาดว่าจะเมาได้ที่แล้ว เกิดอาการฟิวส์ขาด ด่าทอกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย และมีการขว้างปาสิ่งของ รวมถึงมีการพยายามที่จะฝ่ารั้วเหล็กกั้นระหว่างกองเชียร์ของทั้ง 2 ทีม จนเกิดความวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง
นอกจากนั้น มีรายงานว่า สาวกปิศาจแดงรายหนึ่งถูกตีด้วยกระบองเข้าที่ศีรษะจนถึงกับเลือดอาบ ส่งผลให้แฟนบอลแมนฯยู 18 ราย ได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นในเวลาต่อมา โดยมี 16 รายที่เจ็บไม่มาก ถูกปล่อยตัวกลับบ้านแล้ว ส่วนอีก 2 รายยังต้องรอดูอาการอยู่ที่ รพ.ต่อไป แต่อาการไม่รุนแรงจนน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ มีแฟนบอลโรมา 2 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.เช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป “ยูฟ่า” ยืนยันว่ากำลังรอรายงานจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการแข่งขัน เพื่อเตรียมสอบสวนเอาผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
ส่วนผลอีกคู่นั้น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ดบริดจ์ดวลกับ “ค้างคาว” บาเลนเซีย ทีมแกร่งจากสเปน ปรากฏว่า บาเลนเซียที่ขาดผู้เล่นตัวสำคัญหลายคน กลับเป็นฝ่ายบุกมาลูบคมยิงนำเชลซีก่อน 1-0 จากลูกยิงไกลสุดสวยของดาวิด ซิลวา นาที 30 ส่วนเชลซีมาตามตีเสมอได้ในครึ่งหลัง จากการโหม่งของดิดิเยร์ ดร็อกบา นาที 53 ช่วงเวลาที่เหลือ แม้ทีมสิงห์บลูจะบี้หนักแต่ก็ทำประตูชัยไม่ได้ หมดเวลาเชลซีได้แค่เสมอบาเลนเซีย 1-1 ทำให้เจองานหนักในการบุกไปเยือนทีมค้างคาวในนัด 2 ที่ถิ่นเมสตายา
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์