ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2006/07 คู่แรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นเกมหยุดโลก “ศึกวันแดงเดือด” ภาค 2 ของฤดูกาลนี้ ซึ่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 3 เปิดสนามแอนฟิลด์ปะทะกับคู่อริตลอดกาล “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมนำจ่าฝูง โดยศึกวันแดงเดือดนัดแรกของฤดูกาล ผีแดงเป็นฝ่ายเปิดรังโอลด์แทรฟเฟิร์ดถลุงเด็ดปีกหงส์แดงพังพาบ 2-0
แมตช์นี้เจ้าถิ่นลิเวอร์พูลจัดทัพใหญ่ลงบู๊เต็มสูบ โดยมีเคร็ก เบลลามี ดาวยิงเลือดร้อนทีมชาติเวลส์ ลงล่าตาข่ายคู่กับเดิร์ก เคาต์ ศูนย์หน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ขณะที่แผงมิดฟิลด์มีสตีเวน เจอร์ราร์ด, ชาบี อลองโซ, โมโม ซิสโซโก และมาร์ก กอนซาเลซ ลงปั้นเกมแดนกลาง ด้านจ่าฝูงปิศาจแดงส่งเฮนริก ลาร์สสัน ศูนย์หน้าตัวเก๋าชาวสวีเดน ลงยืนเป็นหัวหอกคู่กับเวย์น รูนีย์ พร้อมกับมี คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมสับทีมชาติโปรตุเกส กลับมาทำเกมริมเส้น ขณะที่ไรอัน กิกส์ ปีกจอมเก๋าทีมชาติเวลส์ ทำสถิติลงเล่นเป็นนัดที่ 700 ให้ทีมปิศาจแดง
เกมดวลแข้งในครึ่งแรก เป็นทีมเยือนปิศาจแดงที่ทำเกมได้ดีกว่าในช่วงแรก โดยมีโอกาสทักทายได้ประตูก่อนในนาทีที่ 12 จากจังหวะที่พาทริก เอวรา แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศส โชว์ความขยันตามไปเอาบอลที่เกือบออกเส้นหลัง ก่อนหักเข้ากลางให้คริสเตียโน โรนัลโด กลับตัวยิงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว
จากนั้นเกมกลับมาเป็นของหงส์แดงบ้าง ถึงนาที 30 ลิเวอร์พูลน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุดจากลูกเปิดยาว เบลลามีเบียดแย่งบอลจากวีดิชได้ ก่อนเปิดเข้าไปกลางประตูให้เดิร์ก เคาต์ แต่เคาต์ถลำเลยบอลไปเลยไม่มีโอกาสสับไกยิง ก่อนเกม 45 นาทีแรกจบลงด้วยการที่ทั้งคู่ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอ 0-0
นาทีที่ 50 แฟนบอลหงส์แดงเฮเก้อ เมื่อเบลลามีจัดการตามซ้ำลูกยิงของเพื่อนร่วมทีมในระยะแค่ไม่กี่หลาตุงตาข่ายทีมแมนฯยูได้ แต่ไลน์แมนยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้าก่อน ต่อมานาที 73 รูนีย์เจ็บขาเล่นต่อไม่ไหว ทำให้เซอร์เฟอร์กี้ต้องส่งจอห์น โอเชีย ลงมาเล่นแทน เกมดำเนินกระทั่งนาที 86 แมนฯยูต้องเหลือผู้เล่นในสนามแค่สิบคน หลังจากพอล สโคลส์ โดนใบแดงไล่ออก เนื่องจากฟิวส์ขาดหลังถูกกองหลังหงส์แดงดึง ทำให้ไปทำท่าเงื้อหมัดใส่นักเตะฝ่ายตรงข้าม
เกมทำท่าลงเอยด้วยผลเสมอ แต่แล้วช่วงทดเจ็บ แมนฯยูได้ฟรีคิกริมกรอบโทษ ไรอัน กิกส์ เปิดเข้าไปกลางประตู โฮเซ เรนา ชกบอลออกมาไม่ดี บอลมาถึงจอห์น โอเชีย ซัดเปรี้ยงเดียวแค่ไม่กี่หลาเสยเพดานตาข่ายเข้าไป ซึ่งประตูนี้กลายเป็นประตูชัยช่วยให้ 10 คนของแมนฯยูบุกมาซิวชัยย้ำแค้นหงส์แดงได้ 1-0 ทำให้แมนฯยูโกยคะแนนหนีห่างเชลซีไปไกลเป็น 12 คะแนนชั่วคราวแล้ว แต่แข่งมากกว่าเชลซีอยู่ 2 นัด โดยผีแดงเล่นไป 29 นัด มี 72 คะแนน ส่วนลิเวอร์พูลมี 53 แต้ม จาก 29 เกม ยืนที่ 3 ต่อไป
ส่วนโปรแกรมซุปเปอร์ซันเดย์ คืนนี้ (อาทิตย์ 4 มี.ค.) มีเกมดวลแข้งรวม 2 คู่ โดยคู่แรกที่เริ่มเตะตรงกับเวลาไทย 20.30 น. “เดอะทร็อตเตอร์ส” โบลตัน วอนเดอเรอร์ส ทีมอันดับ 4 จะเปิดบ้านรีบ็อกสเตเดียมต้อนรับ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งคู่นี้จะมีการถ่าย ทอดสดให้ชมทางทรูวิชั่นส์อีเอสพีเอ็น 65 ส่วนคู่ต่อมาเป็นเกมคู่เอกและลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ระหว่าง “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ทีมรองบ๊วยอันดับ 19 ที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น เปิดสนามอัพตันพาร์กดวลกับคู่อริร่วมกรุงลอนดอน “ไก่ เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมอันดับ 9 ซึ่งคู่นี้จะมีถ่ายทอดสดให้ชมทางทรูวิชั่นส์อีเอสพีเอ็น 65 เริ่ม 5 ทุ่มตรง
เกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ที่อัพตันพาร์ก เจ้าถิ่นทีมขุนค้อน เวสต์แฮม ของกุนซืออลัน เคอร์บิชลีย์ ต้องการทุกคะแนนเพื่อหนีตกชั้นให้ได้ แต่สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ย่ำแย่สุดๆ เนื่องจากแพ้ติดต่อกันมาหลายนัดแล้ว โดยเฉพาะเกมล่าสุดนั้นก็เพิ่งบุกไปโดนชาร์ลตันถล่มพ่ายเละมาถึง 0-4 ทำให้โอกาสอยู่รอดเหลือน้อยเต็มที แถมนักเตะแนวรับที่เพิ่งซื้อตัวมาเสริมทัพอย่างลูคัส นีลล์ และแมทธิว อัพสัน ก็นัดกันเดี้ยง ลงเล่นไม่ได้ทั้งคู่
ผิดกับทีมเยือน “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่ฟอร์มช่วงนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเกมนี้พวกเขาจะขาดร็อบบี้ คีนศูนย์หน้าทีมชาติไอร์แลนด์ ที่หมดสิทธิ์ลงเล่นแน่นอน เพราะติดโทษแบน อย่างไรก็ตาม เกมนี้สเปอร์สยังคงได้ ขุนพลพระกาฬในแนวรุกที่จัดจ้านอันตรายอย่าง ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ, เจอร์เมน เดโฟ, สตีด มัลบรองก์, เจอร์เมน จีนาส รวมไปถึงอารอน เลนนอน ปีกดาวรุ่งตัวจิ๊ด ลงบู๊ กันครบพร้อมหน้า นอกจากนี้ สเปอร์สยังต้องการ 3 คะแนนเต็มในนัดนี้ เพื่อลุ้นพื้นที่ไปเล่นบอลยุโรปฤดูกาลหน้า เทียบฟอร์มกันแล้ว ขุนค้อนได้เปรียบทีมเยือนเพียงอย่างเดียวคือได้เล่นในบ้านตัวเอง นอกนั้นสเปอร์สกินขาดหมดดังนั้น ทีมไก่เดือยทองจึงไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวงที่จะบุกมาถล่มขุนค้อนพังพาบคาถิ่น
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์