ศึกฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามมิลเลนเนียม สเตเดี้ยม กรุงคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ “สิงห์สำอาง” เชลซี ปะทะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เกมนัดนี้ อาร์เซน เวนเกอร์ นายใหญ่แดนน้ำหอม ยังคงส่งทีมนักเตะชุดสองลงเล่น แม้จะเป็นรอบตัดสินแชมป์ ส่วน เชลซี มีเซอร์ไพร้ส์ได้ จอห์น เทอร์รี ปราการหลังกัปตันทีมคนสำคัญหายเจ็บคืนสนาม เริ่มเกมเป็นอาร์เซนอลที่คึกคักกว่า เปิดเกมรุกเข้าใส่เชลซีเป็นชุด ก่อนขึ้นนำไปก่อนจาก ธีโอ วัลคอตต์ ที่เปิดบริสุทธิ์ประตูแรกของเขาในสีเสื้อปืนโต โดนนำไปก่อน แต่เชลซียังไม่หวั่นไหว ใช้เวลาอีกแค่ 8 นาทีต่อมา ก็ตามตีเสมอได้สำเร็จจาก ดีดิเยร์ ดรอกบา กองหน้าตัวเก่ง จากนั้นเกมกลับมาสูสีก้ำกึ่งกัน
ในครึ่งเวลาหลัง เกิดเหตุการณ์ช็อก!! คนดูขึ้น เมื่อ จอห์น เทอร์รี ที่หมายจะโถมเข้าโหม่งพังประตู ถูก อาบู ดิอาบี เตะสูงเข้าเต็มปลายคางอย่างแรง จน เทอร์รี น็อคกลางอากาสร่วงลงไปนอนกองกลับพื้น มีอากาศชัก ทีมแพทย์ต้องรีบเข้ามาปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ท้ายเกมนาทีที่ 84 เชลซี มาได้ประตูชัย เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน โยนบอลอย่างเหมาะเหม็งให้ ดรอกบา โขกเข้าไปอย่างเฉียบขาด ส่งเชลซีขึ้นนำ 2-1 ช่วงทดเวลาเจ็บ 7 นาที เกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนขึ้นจนเกือบเกิดมวยหมู่ ทำให้ผู้ตัดสิน โฮเวิร์ด เว็บบ์ ต้องแจกใบแดง 3 ผู้เล่น จอห์น โอบี มิเกล ของฝั่งเชลซี, โคโล ตูเร และเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ของฝั่งอาร์เซนอล และ 2 ใบเหลืองของ แฟรงค์ แลมพาร์ด และเชส ฟาเบรกาส หมดเวลา เชลซี ชนะ 2-1 คว้าแชมป์ไปครองท่ามกลางเกมที่ดุเดือดเลือดพล่าน ถือเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ของเชลซีในรอบ 3 ฤดูกาลหลังสุด
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์