แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

สิงคโปร์ถึงไทย รปภ.เข้ม! ยอมรับงงได้โทษ ( ข่าวกีฬา )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : สิงคโปร์ถึงไทย รปภ.เข้ม! ยอมรับงงได้โทษ

หลังจากที่ขุนพลนักเตะทีมชาติไทยถูกทีมชาติสิงคโปร์ปล้นชัยชนะ ด้วยสกอร์ 1-2 จากการตัดสินอันไม่เป็นธรรมของ ราวีจันดราน ผู้ตัดสินชาวมาเลเซีย ในศึกลูกหนังอาเซียนแชมเปียนชิพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามฟุตบอลแห่งชาติสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ปีเตอร์ ชาน เจอร์ ฮิง เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย พร้อมด้วย ดะโต๊ะพอล โมนี ซามูเอล เลขาธิการสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย “เอเอฟซี” และเลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน “เอเอฟเอฟ” ได้เข้าหารือกับผู้บริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำโดย “บิ๊กวีเจ” นายวิจิตร เกตุแก้ว นายกสมาคมฯ และ “บิ๊กแน็ต” นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ สภานายกกิตติมศักดิ์ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถึงการเตรียมการรักษาความปลอดภัยในรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 ก.พ.นี้ เวลา 19.00 น. ที่สนามศุภชลาศัย เนื่องจากหวั่นใจว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นได้ โดยบรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศมารอทำข่าวอย่างมากมาย โดยผู้สื่อข่าวต่างประเทศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ประเทศไทย กับสิงคโปร์มีปัญหาเกี่ยวกับการเมือง และเกมในรอบชิงชนะเลิศนัดแรกก็เกิดเรื่องวุ่นวาย จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า เกมนัด 2 จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกหรือไม่ 

หลังการประชุมหารือ “บิ๊กแน็ต” ในฐานะการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในแมตช์นี้กล่าวว่า เราได้ยืนยันกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วว่าจะไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เราจะจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีแขกวีไอพีของวงการฟุตบอลอาเซียนมากมาย อาทิ เจ้าชายรัฐปาหัง ประเทศมาเลเซีย, ผช.ศ.โฮ เป็ง ฮี รัฐมนตรีแห่งรัฐกระทรวงกฎหมาย และกระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์ ฯลฯ นอกจากนี้ ในวันแข่งขัน พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ จะเสด็จทอดพระเนตรการแข่งขันที่สนามศุภชลาศัยด้วย ส่วนแผนรองรับแฟนบอลไทยที่ไม่สามารถเข้าไปชมภายในสนามศุภชลาศัยได้นั้น ก็ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะมีการถ่ายทอดสดผ่านจอโปรเจกเตอร์ขนาดยักษ์จำนวน 6 จอ เพื่อให้แฟนบอลได้ชมเกมไปพร้อมกันกับภายในสนามด้วย ที่สนามจินดารักษ์ (สนามต้นโพธิ์) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้ ทางสมาคมฟุตบอลฯยังได้ติดต่อ “หรั่ง ร็อคเคสตรา” นักร้องชื่อดังมาร้องเพลงปลุกใจกองเชียร์ภายในสนามตอนเวลาพักครึ่งอีกด้วย 

บิ๊กแน็ตกล่าวต่อไปว่า ในนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 นี้ ทางสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน “เอเอฟเอฟ” ได้กำหนดให้ผู้ตัดสินชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้เคยลงทำหน้าที่ในรอบรองชนะเลิศที่ทีมชาติไทยบุกไปเอาชนะเวียดนามได้ถึง 2-0 ลงทำหน้าที่ จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยที่จะเข้ามาชมในสนามพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเข้ามาเชียร์ด้วย เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวของชาวไทย จากนั้น “บิ๊กแน็ต” ได้นำดะโต๊ะพอล และนายปีเตอร์ ชาน เดินสำรวจสนามแข่งขัน ซึ่งได้กันที่นั่งบล็อก เอ, บี, ซี สำหรับแฟนบอลสิงคโปร์จำนวน 2,500 คน แยกจากกองเชียร์ไทย โดยช่วงว่างทางเดินระหว่างแฟนบอลไทยกับสิงคโปร์ ก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งขั้นกลางด้านซ้าย 33 นาย และด้านขวา 30 นายด้วย

วันเดียวกัน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ถึงการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่างทีมไทยกับทีมสิงคโปร์ ณ สนามศุภชลาศัย วันที่ 4 ก.พ.นี้ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปราบจลาจล บก.ตปพ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ปทุมวันและใกล้เคียง ควบคุมเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังจะติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดและเครื่องตรวจหาโลหะเข้ามาติดตั้งทางเข้าสนาม เพื่อตรวจกระเป๋าแฟนบอลก่อนเข้าชมฟุตบอล หากเกิดความวุ่นวายขึ้น เจ้าหน้าที่ก็พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่ทันที มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบดูแลความปลอดภัยให้กับคณะผู้จัดการแข่งขัน คณะกรรมการ นักฟุตบอล ทั้ง 2 ทีม โดยเฉพาะทีมสิงคโปร์ และฝากขอร้องแฟนบอลชาวไทย จะทำอะไรให้นึกถึงหน้าตาของประเทศบ้าง อย่าทำอะไรที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ หากผู้ใดฝ่าฝืนกระทำรุนแรงผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด แต่โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

ด้านความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ทั้งหมดได้ตบเท้าเข้าแคมป์เพื่อฝึกซ้อมต่อกันอย่างครบครัน ที่สนามฟุตบอลหนอกจอก โดย “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือทีมชาติไทย กล่าวว่า ในเกมนัดสุดท้ายนี้ ต้องขอรอเช็กสภาพร่างกายของนักเตะก่อน เพราะหลายคนยังคงมีอาการบาดเจ็บติดตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สุเชาว์ นุชนุ่ม ที่เย็บศีรษะ 4 เข็ม, ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ และ ดัสกร ทองเหลา ซึ่งทั้งหมดต้องขอรอเช็กจนวินาทีสุดท้าย ส่วนนิรุจน์ สุระเสียง ซึ่งทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ หมดสิทธิ์ลงสนามแน่นอนแล้ว เพราะโดน 2 ใบเหลืองจนติดโทษแบน คงต้องพิจารณาว่าจะให้พิชิตพงษ์ เฉยฉิว หรือ หัตฐพร สุวรรณ ลงเล่นแทน ขณะที่ตำแหน่งอื่น เบื้องต้นยังจะยึดชุดเดิมก่อน ซึ่งกองหน้าคงจะเป็น “โจ้ห้าหลา” ศรายุทธ ชัยคำดี กับพิพัฒน์ ต้นกันยา เหมือนเดิม ส่วน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เจ็บ และมีข่าวว่าอาจจะฉีดยาลงเล่นได้ แต่ก็ต้องอยู่ที่การลงความเห็นของแพทย์ 

นัดนี้เราไม่มีทางเลือก จะต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้น ซึ่งการเล่นเกมบุกก็เป็นสไตล์ที่เราถนัดอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องระวังคือการโยนลูกโด่งเข้ามาของเขาอย่างเดียว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ มาถึงตอนนี้ขวัญกำลังใจของนักเตะเราดีมาก แต่ต้องกำชับให้ระวังเรื่องของการควบคุมอารมณ์ อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่าเราจะสามารเอาชนะและคว้าแชมป์สมัยที่ 4 มาครองได้สำเร็จแน่ ส่วนเรื่องผู้ตัดสินที่จะให้ผู้ตัดสินชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นคนที่ตัดสินรอบรองชนะเลิศ และให้จุดโทษกับเวียดนามในนัดนั้น เชื่อว่าไม่น่ามีการโกงเกิดขึ้นอีก เพราะเราได้เล่นในบ้านของตัวเอง พร้อมกันนี้ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการบริษัทไทยเบฟเวอเรจส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (เบียร์ช้าง) ซึ่งได้เดินทางมาชมการฝึกซ้อมของนักเตะไทย ได้ประกาศจะมอบเงินอัดฉีดจำนวน 2 ล้านบาทให้ทีมชาติไทย หากสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จด้วย

เที่ยงของวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา นักเตะทีมชาติสิงคโปร์ ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายนาย ก่อนจะเดินทางไปเก็บข้าวของที่ รร.เรดิสัน และได้ไปลงซ้อมมื้อแรก ที่สนามของ รพ.สิรินธร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่นักเตะและเจ้าหน้าที่ของสิงคโปร์อยู่ที่ประเทศไทย จะมีตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด ราดอจโก อบราโมวิช กุนซือชาวเซิร์บ ของสิงคโปร์กล่าวว่า ตนและลูกทีมไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร จะเล่นตามเกม เกมที่ผ่านมาถือว่าจบไปแล้ว มาเริ่มกันใหม่ในนัดสอง มั่นใจว่าจะนำทีมโชว์ฟอร์มเก่ง คว้าแชมป์ไว้ได้ ด้าน นอห์ อลัม ซาห์ ศูนย์หน้าลอดช่อง ที่ทำให้เกิดปัญหาลูกโทษที่จุดโทษขึ้น กล่าวว่า ก็ไม่หวาดกลัวอะไร และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหากับคนดูอย่างแน่นอน ส่วนนักเตะไทยก็เป็นเพื่อนกันรู้จักกันทุกคนอยู่แล้ว รวมทั้งมั่นใจว่ากรรมการผู้ตัดสินจะทำหน้าที่อย่างเป็นธรรม

สำหรับกรณีที่ทีมชาติไทยจะถูกสั่งลงโทษจากคำสั่งของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน “เอเอฟเอฟ” หรือไม่นั้น ล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยคาดว่าน่าจะรู้คำตอบเกี่ยวกันกรณีดังกล่าว ภายในวันที่ 4 ก.พ. ในการประชุมของ “เอเอฟเอฟ” ซึ่งจะขึ้นที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานข่าวว่า กองเชียร์ของทีมสิงคโปร์ได้มีการขอยกเลิกการซื้อบัตรเข้าชมในแมตช์นี้กว่า 300 คน เนื่องจากวิตกกังวลต่อความปลอดภัยของตัวเองด้วย ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์สเตรตส์ ไทม์ส ของสิงคโปร์ ได้ตีพิมพ์คำ สัมภาษณ์ของ นอห์ อลัม ซาห์ ศูนย์หน้าของสิงคโปร์ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดจุดโทษเจ้าปัญหาว่า ตอนนั้นที่ตนล้มลง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกทำฟาวล์และเตรียมลุกที่จะมาเล่นต่อ แถมยังกลัวว่า กรรมการจะเดินมาให้ใบเหลืองตัวเองด้วย แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษ ด้านชาห์รีล อิสฮัค ผู้เล่นของสิงคโปร์อีกคนกล่าวว่า จังหวะนั้น ตนเตรียมวิ่งกลับไปแดนของตัวเองแล้ว เพราะเห็นว่าไม่น่าจะได้จุดโทษ และทีมไทยก็ออกบอลไปไกลแล้วด้วย จึงตั้งใจจะวิ่งกลับแดนของตัวเองเพื่อป้องกันประตู แต่ผู้ตัดสินกลับเป่าจุดโทษให้กับทีมของตัวเอง 

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215