ศึกฟุตบอลถ้วยน็อกเอาต์ ?เอฟเอ คัพ อังกฤษ? 2006/07 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นเกมดวลแข้งรอบ 3 อีก 4 คู่สุดท้ายที่เหลือ ปรากฏผลดังนี้ ?ปิศาจแดง? แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ ลีกและแชมป์ถ้วยนี้สูงสุด 11 สมัย ได้ลงเล่นในสนามโอลด์แทรฟเฟิร์ดของตัวเอง แย่งตั๋วเข้ารอบ 4 ดวลกับคู่ปรับร่วมพรีเมียร์ลีกอย่าง ?สิงห์ผงาด? แอสตัน วิลลา เกมนี้ผีแดงส่งเฮนริก ลาร์สสัน ศูนย์หน้าอดีตทีมชาติสวีเดน ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมช่วงกลางซีซั่น ลงประเดิมสนามเป็นตัวจริง โดยยืนเป็นหัวหอกคู่กับเวย์น รูนีย์ นอกจากนี้ ยังมีคริสเตียโน โรนัลโด และไรอัน กิกส์ ลงทำเกมทางริมเส้น ส่วนวิลลาของกุนซือมาร์ติน โอนีล จัดชุดดีที่สุดลงสนาม นำทัพโดยแกเร็ธ แบร์รี, สติลิยัน เปตรอฟ และฮวน พาโบล อังเคล เปิดฉากเริ่มเกมเป็นเจ้าถิ่นปิศาจแดงที่ครองบอลบุกได้มากกว่า นาที 15 เฮนริก ลาร์สสัน ได้จังหวะยิงเป็น ครั้งแรก แต่ดันซัดในกรอบโทษไปตรงตัวกาบอร์ คิราย นายทวารวิลลา จากนั้นลาร์สสันได้โอกาสทองฝังเพชรอีกครั้ง เมื่อมีจังหวะหลุดเดี่ยว แต่ยิงไปติดขานายทวารวิลลาอีกครั้ง นาที 37 ทำให้จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์เสมอ 0-0 หลังจากเขี่ยบอลเริ่มครึ่งหลังได้เพียงสิบนาที กองเชียร์เจ้าถิ่นก็ได้เฮกันลั่น เมื่อเวย์น รูนีย์ ไหลบอลไปในเขตโทษให้เฮนริก ลาร์สสัน โชว์ความเก๋างัดบอลขึ้นแล้วซัดด้วยขวาตูมเดียวตุงตาข่าย เป็นการทำประตูแรกของเขาได้ทันทีตั้งแต่ลงประเดิมสนามนัดแรกให้ แมนฯยู ผีแดงขึ้นนำ 1-0 นาที 55 หลังเสียประตู วิลลาทำเกมบุกได้ดีขึ้น และมีโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างน้อย 2 ครั้ง จากแกรี เคฮิลล์ และอิไซอาห์ ออสบอร์น กระทั่งนาที 74 ความพยายามของทีมเยือนก็สัมฤทธิผล เมื่อมิลาน บารอส ดาวยิงตัวสำรอง จัดการกระทุ้งผ่านมือโทมัส คุซแซ็ก นายทวารผีแดงตุงตาข่าย เป็นประตูตีเสมอ 1-1 ให้วิลลา จากนั้นเกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมออยู่รอมร่อ แต่แล้วช่วงทดเจ็บ โอเล กุนนาร์ โซลชา ศูนย์หน้าตัวเก๋าชาวนอร์เวย์ ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ก็แผลงฤทธิ์เป็นฮีโร่ซุปเปอร์ซับของผีแดง ด้วยการหลุดเข้าไปในกรอบโทษด้านขวาก่อนสับไกเต็มแรง บอลพุ่งลอดตัวคิรายตุงตาข่าย ในนาทีแรกของช่วงทดเจ็บ เป็นประตูชัยให้ผีแดง แมนฯยูเปิดบ้านเฉือนชนะวิลลาแบบหืดขึ้นคอ 2-1 ทะยานเข้าสู่รอบ 4 ต่อไปตามฟอร์ม ขณะที่ ?ทอฟฟี่?? เอฟเวอร์ตัน โบกมือลาศึกเอฟเอคัพฤดูกาลนี้แค่รอบ 3 ทั้งที่เล่นในบ้านกูดิสันพาร์กของตัวเองแท้ๆ แต่กลับโดน ?กุหลาบไฟ? แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส บุกมาถล่มเจ๊งยับคาถิ่น 4-1 โดยแบล็กเบิร์นได้ประตูนำห่างก่อนถึง 3-0 จากแมตต์ ดาร์บีเชียร์ นาที 5, มอร์เทน กัมสท์ พีเดอร์เซน นาที 20 และพอล กัลลาเกอร์ น.38 ก่อนที่เจ้าถิ่นจะทวงคืนมาได้เม็ดเดียว จากลูกยิงจุดโทษของแอนดี จอห์นสัน น.68 ทำให้แบล็กเบิร์นผ่านเข้ารอบ 4 ต่อไป ด้าน ?เรือใบสีฟ้า? แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชวดคว้าชัยอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่อุตส่าห์บุกไปยิงนำ ?เจ้านกฮูก? เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทีมจากลีกวัน ที่ถิ่นฮิลส์โบโรก่อน 1-0 จากการยิงจุดโทษของจอร์จอส ซามาราส ศูนย์หน้าทีมชาติกรีซ นาที 76 แต่เจ้าถิ่นเชฟฯเวนส์ตามตีเสมอทันควันในอีก 2 นาทีต่อมา จากสตีเวน แมคลีน จบเกมจึงเสมอกันไป 1-1 ทำให้ทั้งคู่ต้องไปสู้กันต่อในนัดรีเพลย์ ที่บ้านของแมนฯซิตี้ สำหรับคู่สุดท้าย ?ไก่เดือยทอง? ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมในพรีเมียร์ลีก โชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก เมื่อบุกไปเจ๊าคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมจากเดอะแชมเปียนชิพ ชนิดจืดชืดไม่มีสกอร์ 0-0 ทั้งที่เป็นต่อทั้งชื่อชั้นและตัวผู้เล่น ทำให้ต้องย้ายวิกไปเตะนัดรีเพลย์ที่ไวท์ฮาร์ทเลนบ้านของสเปอร์สอีกครั้งต่อไป หลังเกมดวลแข้งรอบ 3 เมื่อวันอาทิตย์จบลง ล่าสุดฟุตบอลเอฟเอคัพ อังกฤษ ก็ได้ประกบคู่รอบ 4 (หรือรอบ 32 ทีม) ออกมาแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า 3 ทีมบิ๊กเนมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และอาร์เซนอล ต่างล้วนแล้วแต่จะได้เล่นในบ้านตัวเองในรอบ 4 โดย ?ผีแดง? แมนฯยู เจ้าของแชมป์ถ้วยนี้สูงสุด 11 สมัย ได้คู่ต่อกรเป็นทีมร่วมพรีเมียร์ลีกอีกแล้ว หลังเพิ่งเปิดรังเฉือนชนะแอสตัน วิลลา 2-1 มาสดๆร้อนๆในการเล่นรอบ 3 เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเที่ยวนี้แมนฯยูจะได้เฝ้าบ้านโอลด์แทรฟเฟิร์ดอีกครั้ง รับการมาเยือนของ ?ปอมปีย์? พอร์ตสมัธ ขณะที่ ?ไอ้ปืนใหญ่? อาร์เซนอล ที่เพิ่งน็อกแชมป์เก่า ?หงส์แดง? ลิเวอร์พูล กระเด็นตกรอบ 3 ไปหมาดๆ เจอศึกหนัก เมื่อจะต้องโคจรมาเจอกับโบลตัน วอนเดอเรอร์ส ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก ที่พวกเขามักแพ้ทางมาตลอด แม้เกมนี้โบลตันจะต้องบุกมาเยือนอาร์เซนอลที่ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม ก็ตาม ส่วน ?สิงโตน้ำเงินคราม? เชลซี เจองานเบากว่าใครเพื่อน เมื่อจะได้เฝ้าบ้านสแตมฟอร์ดบริดจ์ ดวลกับคู่ปรับจากลีกต่ำชั้นกว่าอีกครั้ง นั่นคือ ?เจ้าป่า? นอตติงแฮม ทีมจากลีกวัน สรุปผลประกบคู่เอฟเอคัพ รอบ 4 (รอบ 32 ทีม) รวม 16 คู่ (ชื่อแรกเป็นเจ้าบ้าน) ดังนี้ อาร์เซนอล พบ โบลตัน, เวสต์แฮม พบ วัตฟอร์ด, บริสตอล ซิตี้ หรือโคเวนตรี พบ ฮัลล์ หรือมิดเดิลสโบรช์, เชลซี พบ นอตติงแฮม ฟอเรสต์, เชสเตอร์ ซิตี้ หรืออิปสวิช พบ สวอนซี, คาร์ดิฟฟ์ หรือทอตแนม ฮอตสเปอร์ พบ เซาท์เอนด์ หรือบาร์นสลีย์, บาร์เนตต์ หรือโคลเชสเตอร์ พบ ปีเตอร์โบโร หรือพลีมัธ เบอร์มิงแฮม หรือนิวคาสเซิล พบ เรดดิ้ง หรือเบิร์นลีย์, ดาร์บี้ พบ บริสตอล โรเวอร์ส, เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ หรือแมนฯซิตี้ พบ เซาแธมป์ตัน, คริสตัล พาเลซ พบ เพรสตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ พอร์ตสมัธ, แบล็กพูล พบ นอริช, ควีนสพาร์ก เรนเจอร์ส หรือลูตัน พบ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส, วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือโอลแดม พบ เวสต์บรอมวิช และเลสเตอร์ หรือฟูแลม พบ สโต๊ก ซิตี้ ซึ่งทุกคู่มีกำหนดฟาดแข้งในวันที่ 27 และ 28 มกราคมนี้
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์