กัญจน์ ศิริวุฒิ ผู้สื่อข่าวกราวกีฬาไทยรัฐ รายงานจากกรุงซานโตโดมิงโก สาธารณรัฐโดมินิกัน ถึงความ เคลื่อนไหวของจอมพลังชายหญิงทีมชาติไทย ที่เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก ประจำปี 2549 (ชาย ครั้งที่ 75 และหญิง ครั้งที่ 18) ในระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-7 ต.ค.นี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับวันที่ 2 ต.ค. ตามเวลาไทย นักยกลูกเหล็กไทย ลงสนามชิงชัยอีก 3 คน ประกอบด้วย ปราโมทย์ เพ็ชรรัตน์ รุ่น 62 กก.ชาย กลุ่มซี และอารีย์ วิรัฐถาวร เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกเอเธนส์เกมส์ กับดาวรุ่ง ทิพอมร ภูปรื้ม รุ่น 48 กก.หญิง กลุ่มเอ เริ่มจากรุ่น 62 กก.ชาย มีนักกีฬาทั้งหมด 40 คน แบ่งเป็นกลุ่มเอ 10 คน กลุ่มบี 9 คน กลุ่มซี 12 คน และกลุ่มดี 9 คน ปราโมทย์ เพ็ชรรัตน์ จอมพลังหนุ่มไทย อยู่ในกลุ่มซี ท่าสแนตช์เรียกน้ำหนักครั้งแรก 120 กก. ยกไม่ผ่าน แต่มายกได้ครั้งที่ 2 ส่วนครั้งที่ 3 เรียก 125 กก. ยกไม่ผ่าน ดีที่สุดท่านี้อยู่ที่ 120 กก. เทียบสถิติทุกกลุ่มได้อันดับที่ 20 ขณะที่ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ปราโมทย์เรียกครั้งแรก 147 กก. ยกผ่านแบบทุลักทุเล เนื่องจากเป็นตะคริวที่เข่าขวา จากนั้นครั้งที่ 2 เรียก 152 กก. แต่อาการตะคริวยังไม่ฟื้นทำให้ยกไม่ขึ้น เช่นเดียวกับครั้งที่ 3 เรียกน้ำหนักเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวทนเจ็บไม่ไหวจึงไม่ออกมายก ดีที่สุดอยู่ที่ 147 กก. ได้อันดับที่ 20 ส่วนน้ำหนักรวมที่ทำได้ 267 กก. ได้อันดับที่ 18 สำหรับชิว เลอ ของจีน กวาดเหรียญทองในรุ่น 62 กก.ชายนี้ไปครองทั้ง 3 ท่า ท่าสแนตช์ยกได้ 140 กก. ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 168 กก. และน้ำหนักรวม 308 กก. จากนั้นรุ่น 48 กก.หญิง กลุ่มเอ ท่าสแนตช์ อารีย์ วิรัฐถาวร ของไทย ยกครั้งแรกได้ 80 กก. ครั้งที่ 2 ได้ 85 กก. ครั้งที่ 3 เรียก 87 กก. แต่ยกไม่ผ่าน ดีที่สุดอยู่ที่ 85 กก. ท่านี้อารีย์เข้าป้ายมาเป็นอันดับ 2 ได้เหรียญเงิน โดยสู้หยาง เหลียน ของจีน ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดไม่ไหว ซึ่งจอมพลังจีนยกครั้งแรก 90 กก. ผ่านสบาย ครั้งที่ 2 ยก 95 กก. ได้ฉลุย เช่นเดียวกับครั้งที่ 3 ที่น้ำหนัก 98 กก. ก็ไม่พลาด ได้เหรียญทองท่านี้ไปครอง พร้อมสร้างสถิติโลกใหม่ ทำลายสถิติโลกเดิม ที่ทาย์ลัน นูร์แคน จากตุรกี เคยทำไว้ที่ 97 กก. ขณะที่ทิพอมร ภูปรื้ม ยกครั้งแรก 72 กก.ผ่าน ครั้งที่ 2 ได้ 77 กก. แต่ครั้งที่ 3 เรียก 80 กก. ไม่ผ่าน ดีที่สุด 77 กก. ได้ที่ 7 ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ครั้งแรก อารีย์ยกได้ 103 กก. ผ่านสบาย แต่ครั้งที่ 2 เรียก 108 กก. ยกไม่ผ่าน พยายามใหม่ในครั้งที่ 3 และก็ยกได้สำเร็จ กรรมการให้ผ่าน แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน กรรมการฝ่ายเทคนิคกลับคำตัดสิน ไม่ให้การยกครั้งที่ 3 ผ่าน เนื่องจากยกผิดกติกา ศอกไปแตะเข่า ดีที่สุดจึงอยู่ที่ 103 กก. อันดับเลยรูดไปอยู่ที่ 5 ไม่มีเหรียญติดมือ ส่วนทิพอมรยกได้ 95 กก. 100 กก. และ 102 กก. ผ่านตามลำดับ ดีที่สุด 102 กก. สำหรับน้ำหนักรวม ผลปรากฏว่า อารีย์ได้ 188 กก. (85-103 กก.) ได้เหรียญเงินไปครอง ส่วนทิพอมรได้ 179 กก. (77-102 กก.) ได้ที่ 6 ด้านหยาง เหลียน ของจีน ได้ 217 กก. (98-119 กก.) ได้เหรียญทองไปครองอีกเป็นเหรียญที่ 3 และยังทำสถิติโลกใหม่ด้วย โดยทำลายสถิติเดิมที่หวัง หมิงฮวง ของจีน เคยทำไว้ที่ 213 กก. อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอารีย์จะทำได้ 2 เหรียญเงินจากท่าสแนตช์ กับน้ำหนักรวมแล้วก็ตาม แต่หลังรับเหรียญรางวัล เจ้าตัวก็ยังเสียใจ ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เนื่องจากมาพลาดได้เหรียญในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ไปอย่างน่าเสียดาย โดยอารีย์เผยทั้งน้ำตาเพียงสั้นๆ ว่า การยกท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ครั้งที่ 3 ที่น้ำหนัก 108 กก. ตนยกได้แล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมกรรมการมากลับคำตัดสิน ทางด้านเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติกำหนดไว้ว่า รายการชิงแชมป์โลก เหรียญเงิน ได้รับเงินเหรียญละ 5 แสนบาท
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์