แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

เรือใบพลิกโซ้ยปืนโต1-0 ผีควงหงส์เก็บชัยหืด2-1 ( ข่าวกีฬา )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : เรือใบพลิกโซ้ยปืนโต1-0 ผีควงหงส์เก็บชัยหืด2-1

?เรือใบสีฟ้า? แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประเดิมชัยนัดแรกได้สำเร็จแล้ว หลังเปิดสังเวียนซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม พลิกล็อกโค่น ?ไอ้ปืนใหญ่? อาร์เซน่อล 1-0 โจอี้ บาร์ตัน สวมบทฮีโร่ซัดจุดโทษช่วยให้ทีมเก็บสามแต้มขยับรั้งอันดับ 8 ของตาราง ด้าน สเปอร์ส ฟอร์มสุดบู่โดน เอฟเวอร์ตัน ที่เหลือแค่ 10 ตัวบุกมาถอนขนคาเล้า 2-0 ขณะที่ ?หงส์แดง? ลิเวอร์พูล พลิกแซงชนะ เวสต์แฮม 2-1 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บชัยสามนัดติดหลังบุกไปเด็ดปีก วัตฟอร์ด 2-1 ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ แมนฯซิตี้ 1 - อาร์เซน่อล 0 ?เรือใบสีฟ้า? แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ ?ไอ้ปืนใหญ่? อาร์เซน่อล งานนี้ สจ๊วร์ต เพียร์ซ กุนซือจอมไซโคของเจ้าบ้านเลือกกองหน้าลงสนามทีเดียว 3 คนคือ ดาริอุส วาสเซลล์, พอล ดิ๊กคอฟ และ แบร์นาร์โด้ คอร์ราดี้ ที่พ้นโทษแบนกลับมา โดย จอร์กอส ซามาราส นั่นสำรอง ทางฝั่งทีมเยือน อาร์แซน เวนเกอร์ ให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ลงเป็นกองหน้าตัวจริงคู่กับ เธียร์รี่ อองรี โดย เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ นั่งสำรองเช่นเดียวกับ ธีโอ วัลคอตต์ ส่วน โทมัส โรซิคกี้ ผ่านความฟิตเป็นตัวจริง เกมในช่วง 10 นาทีแรกเป็นไปอย่างสูสี เจ้าถิ่นบีบเกมจน อาร์เซน่อล เองก็เล่นไม่ออก แต่ทีมเยือนได้ลุ้นจริงๆจังๆ น.13 เมื่อ อองรี หลุดไปยิงในกรอบโทษด้านซ้ายติดเซฟของ นิคกี้ วีเวอร์ น่าเสียดาย น.18 แมนฯซิตี้ น่าจะได้ประตูขึ้นนำเหลือเกินเมื่อ เทรเวอร์ ซินแคลร์ หลุดไปทางขวาจ่ายให้ โจอี้ บาร์ตัน วิ่งมาวางเท้ายิง 20 หลาบอลพุ่งเฉี่ยวเสาสองออกไปนิดเดียวเท่านั้น จากนั้นนาทีเดียว เดอะ กันเนอร์ส ก็น่าได้เช่นเดียวกันเมื่อ เชสก์ ฟาเบรกาส จ่ายบอลทะลุให้ อองรี หลุดไปยิงในกรอบโทษด้านขวา บอลหลุดเสาไกลไปไม่ถึง 2 ฟุต อีกครั้งที่ แมนฯซิตี้ ได้โอกาสยิงมาจากฟรีคิกที่โยนเข้าไปแล้ว เทรเวอร์ ซินแคลร์ วิ่งเข้าไปยิงจากแถวสอง บอลพุ่งแรงแต่โด่งข้ามคานออกไป ถึงครึ่งชั่วโมงเรือใบมีโอกาสทำประตูจากลูกเตะมุมที่ เทรเวอร์ ซินแคลร์ โยนให้ มิกาห์ ริชาร์ดส์ ขึ้นโหม่งหลุดกรอบออกไป จังหวะต่อมา ดิ๊กคอฟ โยนให้ คอร์ราดี้ โหม่งเต็มๆลงพื้น เลห์มันน์ พุ่งไปรับไว้ได้อย่างเหนือชั้น น.33 อาร์เซน่อล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตู เมื่อ โรซิคกี้ หลุดไปในเขตโทษถึงเส้นหลังผ่านเข้าไปให้ จิลแบร์โต้ ซิลวา ยิงเหน่งๆ แต่ดันติดเซฟกองหลัง แมนฯซิตี้ จากนั้นอีก 2 นาที อาร์เซน่อล ได้ลุ้นอีกเมื่อ ซิลแว็ง ดิสแต็ง จับบอลไม่อยู่ทำให้ อองรี หลุดไปยิงแต่ก็ติดเซฟ นิคกี้ วีเวอร์ อีก เดอะ กันเนอร์ส เกือบได้อีก น.39 เมื่อ อเล็กซานเดอร์ เคล็บ จ่ายทะลุให้ ฟาน เพอร์ซี่ ยิงชนเสาดังโครม จังหวะต่อมา แมนฯซิตี้ ได้จุดโทษเมื่อ เทรเวอร์ ซินแคลร์ โดน จัสติน ฮอยต์ วิ่งเข้าไปขวางทางจนล้มในเขต งานนี้ โจอี้ บาร์ตัน รับหน้าที่สังหารยิงโดนคานกระดอนลงพื้นเข้าประตูไป แมนฯซิตี้ นำ 1-0 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก อาร์เซน่อล โชคร้ายอีกเมื่อได้เตะมุม ฟาเบรกาส ตักให้ ตูเร่ โหม่งเสยจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ อุสมาน ดาโบ โหม่งเคลียร์ออกมาจากบนเส้น หมดครึ่งแรก แมนฯซิตี้ นำ 1-0 ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น เดอะ กันเนอร์ส ครองบอลบุกได้มากกว่า แต่เป็น แมนฯซิตี้ ที่ได้ยิงก่อนจาก พอล ดิ๊กคอฟ ทว่าตรงตัวของ เยนส์ เลห์มันน์ น.56 ทีมเยือนได้ส่องอีกครั้ง เมื่อ ฟาเบรกาส ได้บอลทางซ้ายม้วนหาจังหวะยิง 25 หลา แต่บอลหลุดกรอบออกไปไกล หลังจากนั้นนาทีเดียว สตีเว่น จอร์แดน เกือบทำเม็ดที่ 2 ให้เจ้าถิ่นได้เมื่อได้บอลส้มหล่นทางซ้าย ก่อนจะยิงโด่งข้ามคานออกไป ผ่านไปถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง อาร์เซน่อล ได้ฟรีคิก 25 หลาเยื้องมาจากทางซ้าย อองรี รับหน้าที่ยิงชนกำแพงกระดอนออกมา อีกครั้ง ฟาเบรกาส จ่ายให้ ฟาน เพอร์ซี่ ยิงหักข้อในกรอบโทษด้านซ้าย แต่หักมากไปหน่อยบอลหลุดกรอบออกไปอีก เวนเกอร์ ต้องทำการเปลี่ยนตัว น.65 โดยเอา โทมัส โรซิคกี้ ออกแล้วก็เป็น ธีโอ วัลคอตต์ ตัวรุกดาวรุ่งที่ลงไปแทน เดอะ กันเนอร์ส ขึงเกมรุกอยู่ฝ่ายเดียวชนิดพับสนามบุก แต่ก็หาจังหวะทำประตูเหน่งๆไม่ได้ ขณะที่ แมนฯซิตี้ ก็พยายามตั้งรับอย่างเหนียวแน่น เหลืออีก 15 นาที อาร์เซน่อล ได้ฟรีคิกทางซ้าย เธียร์รี่ อองรี เจ้าเก่ารับหน้าที่ยิงแต่ข้ามคานออกไป เวนเกอร์ เปลี่ยนตัวอีก โดย เคล็บ ออก แล้ว เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ได้ลงแทน วัลคอตต์ มีลุ้นทำประตูตีเสมอให้ อาร์เซน่อล เมื่อรับบอลจาก ฟาเบรกาส ก่อนจะยิงข้ามคานออกไป แมนฯซิตี้ เปลี่ยนตัวเอา วาสเซลล์ ออกแล้วส่ง แดนนี่ มิลล์ส หลังจากนั้น เดอะ กันเนอร์ส พยายามเดินเครื่องเพื่อตีเสมอให้ได้ แต่ แมนฯซิตี้ รับไว้ได้หมด จบเกมแมนฯซิตี้ พลิกล็อกชนะ 1-0 เก็บ 3 แต้มเต็มสำเร็จ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม แมนฯ ซิตี้: นิคกี้ วีเวอร์ - มิก้าห์ ริชาร์ดส์, ริชาร์ด ดันน์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, สตีเฟ่น จอร์แดน - เทรเวอร์ ซินแคลร์, โจอี้ บาร์ตัน, อุสมัน ดาโบ - จอร์จอส ซามาราส, แบร์นาร์โด้ คอร์ราดี้, ดาริอุส วาสเซลล์ สำรอง: โจ ฮาร์ท, แดนนี่ มิลล์ส, จอร์จอส ซามาราส, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, อิชมาเอล มิลเลอร์ อาร์เซน่อล (4-4-2) : เยนส์ เลห์มันน์ - เอมานูเอล เอบูเอ้, โคโล ตูเร่, โยฮัน ฌูรู, จัสติน ฮอยต์ - อเล็กซานเดอร์ คเล็บ, ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส, จิลแบร์โต้ ซิลวา, โทมัส โรซิคกี้ - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เธียร์รี่ อองรี สำรอง: มานูเอล อัลมูเนีย, ปาสกาล ซีก็อง, มาติเยอ ฟลามินี่, เอมานูเอล อเดบายอร์, ธีโอ วัลคอตต์ สเปอร์ส 0 - เอฟเวอร์ตัน 2 ?ไก่เดือยทอง? ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เปิดรัง ไวท์ ฮาร์ท เลน รับมือ ?ทอฟฟี่สีน้ำเงิน? เอฟเวอร์ตัน งานนี้ มาร์ติน โยล กุนซือเจ้าถิ่นส่งผู้เล่นชุดเดิมที่ปราบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์ลงสนามอีกครั้ง โดย ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เจอร์เมน จีนาส 2 ผู้ทำประตูเกมนั้นผ่านความฟิตลงเล่นได้ เบอร์บาตอฟ ยืนหน้าคู่กับ ร็อบบี้ คีน ทำให้เจอร์เมน เดโฟ และ ดีดิ เย่ร์ โซโกร่า ยังนั่งสำรอง เกมเป็นไปอย่างสูสีกันช่วง 10 นาทีแรกของเกมมีโอกาสลุ้นทำประตูกันแค่ครั้งเดียวใน น.5 จากลูกยิง 25 หลาของ ลีออน ออสแมน แต่หลุดกรอบออกไป รูปเกมยังเหมือนเดิม สเปอร์ส ครองบอลได้ดีกว่านิดๆ แต่เกมของ เอฟเวอร์ตัน ตื๊อเหลือเกินไล่บี้จน ไก่เดือยทอง ทำอะไรไม่ถูก สเปอร์ส ได้ลุ้น น.24 เมื่อได้ลูกทุ่ม ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ พลิกตัวยิงบอลกระดอนพื้น แกรี่ เนย์สมิธ เตะเคลียร์ข้ามคานตนเองไปอย่างน่าหวาดเสียว จากนั้น 3 นาที สเปอร์ส ได้ลุ้นจากฟรีคิกทางขวา ร็อบบี้ คีน ตักเข้าไปในเขตโทษให้ ตีมู เตนิโอ โหม่งข้ามคานออกไป น.32 เอฟเวอร์ตัน ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเมื่อ เควิน คิลบาน ที่โดนใบเหลืองไปก่อนหน้านั้นไปรวบ ลี ยอง-เพียว ในจังหวะที่จะทะลุขึ้นไปทางขวา เป็นใบเหลืองที่ 2 โดนไล่ออก จากสนามไปตามระเบียบ แต่แม้จะเหลือ 10 คน ทอฟฟี่ ก็ยังทำได้ดี น.38 ได้ฟรีคิกทางซ้าย มิเกล อาร์เตต้า โยนเข้าไปให้ โจลีออน เลสคอตต์ โหม่งที่เสาสองไม่เข้ากรอบ จากนั้นนาทีเดียว สเปอร์ส ได้ลุ้นเมื่อ จีนาส ได้บอลจาก ร็อบบี้ คีน ก่อนจะจัดการยิงไกลทันที แต่โดนไม่ดี บอลไม่เข้ากรอบ จากนั้น เอฟเวอร์ตัน ยันไว้เหนียวแน่นดึงผลเสมอใน 45 นาทีแรก 0-0 เอาไว้ได้ ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม สเปอร์ส ทักทายก่อน น.46 จากลูกเตะมุมที่ ไมเคิ่ล ดอว์สัน ได้ขึ้นโหม่งข้ามคานออกไป เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นหลังจากนั้น 2 นาทีเมื่อได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษระยะ 20 หลา มิเกล อาร์เตต้า ซัดข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น กลายเป็น ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน น.53 เมื่อได้ฟรีคิกทางขวา มิเกล อาร์เตต้า โยนเข้าไปในเขตโทษ คัลลั่ม ดาเวนพอร์ต โดน โจเซฟ โยโบ กดดันจนทำให้ ดาเวนพอร์ต สกัดบอลเข้าประตูตัวเองไปเฉย เอฟเวอร์ตัน นำ 1-0 หลังจากขึ้นนำ ทอฟฟี่ ยังต่อบอลได้ดีเล่นชิ่งกันเร็วจนเจ้าบ้านหาลูกไม่เจอ ทำให้ มาร์ติน โยล ต้องส่ง เจอร์เมน เดโฟ ลงไปแทน ลี ยอง เพียว แต่ ไก่เดือยทอง ก็มีลุ้น น.65 เมื่อ แอรอน เลนน่อน จ่ายจากด้านขวากลับหลังมาให้ จีนาส ยิงเต็มๆจากนอกเขต แต่วางเท้าไม่ดีบอลข้ามคานออกไป จากนั้นอีกแค่นาทีเดียวเป็นทีมเยือนที่ได้อีกเม็ด เมื่อ ฟิล เนวิลล์ เปิดบอลจากด้านขวาให้ แอนดี้ จอห์นสัน ชาร์จที่เสาแรกตุงตาข่ายสะใจ เอฟเวอร์ตัน นำ 2-0 สเปอร์ส เดินหน้าหมายเอาคืนให้ได้ น.77 จากลูกเตะมุม เบอร์บาตอฟ ได้ขึ้นโหม่งข้ามคานออกไปแบบมีเสียว อีกครั้งที่ ไก่ มีลุ้นจากฟรีคิกของ เดโฟ ที่ซัดไปโดนกำแพงกระฉอกออกหลังไป ไก่ พยายามบุกแต่ไม่อาจจะเจาะเกมรับอันเหนียวแน่นของ ทอฟฟี่ เข้าไปได้เลย แถมยังโดนโต้สวยๆในบางจังหวะอีกด้วย นาทีสุดท้าย ไก่ เกือบตีไข่แตกเมื่อ เลนน่อน หลุดไปทางขวาเปิดเข้ากลางให้ ร็อบบี้ คีน ยิงเหน่งๆแต่ แต่ คีน ดันเลือกที่จะยิงเหนือชั้นด้วยการไขว้เท้าทำให้โดนเหลี่ยมไม่ดีบอลหลุดกรอบไปไม่น่าเชื่อ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เลนน่อน จ่ายจากด้านขวาให้ เดโฟ ยิง 16 หลาด้วยอีซ้าย แต่บอลโด่งข้ามคานออกไปอีก จังหวะต่อมา เบอร์บาตอฟ ได้โหม่งเต็มๆไปเข้ามือ โฮเวิร์ด จบเกม เอฟเวอร์ตัน ชนะ 2-0 ทั้งที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม สเปอร์ส : พอล โรบินสัน, ลี ยอง-เพียว, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, คัลลั่ม ดาเวนพอร์ต, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้, แอรอน เลนน่อน, เจอร์เมน จีนาส, เอ๊ดการ์ ดาวิดส์, ตีมู เตนิโอ, ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ, ร็อบบี้ คีน เอฟเวอร์ตัน : ทิม โฮเวิร์ด, ฟิล เนวิลล์, โจเซฟ โยโบ, โจลีออน เลสคอตต์, แกรี่ เนย์สมิธ, ลีออน ออสแมน, ลี คาร์สลี่ย์, มิเกล อาร์เตต้า, เควิน คิลบาน, ทิม เคฮิลล์, แอนดี้ จอห์น สัน ลิเวอร์พูล 2 - เวสต์แฮม 1 ?หงส์แดง? ลิเวอร์พูล เปิดสนาม แอนฟิลด์ ลงเตะเป็นคู่แรกของวันเสาร์ พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเกมนี้เจ้าบ้านไม่มี ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ โมโม่ ซิสโซโก้ ที่ เจ็บ นอกจากนั้นเป็นชุดใหญ่ทั้งหมด มี เคร็ก เบลลามี่ จับคู่กับ ปีเตอร์ เคร้าช์ ในแดนหน้า ส่วนทีมเยือนจากกรุงลอนดอน จัดผู้เล่นชุดเดิมลงบู๊ โดยมี มาร์ลอน แฮร์วู้ด กับ บ็อบบี้ ซาโมร่า ศูนย์หน้าฟอร์มแรง จับคู่กันล่าตาข่าย สิ้นเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน หงส์แดงลุยเข้าใส่อย่างหนักทันที และได้ทักทายก่อนตั้งแต่นาทีที่ 4 จากจังหวะที่ หลุยส์ การ์เซีย พาบอลป้วนเปี้ยนในเขตโทษ บอลทะลักออกมาหน้า เขต สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งเข้าอัดด้วยซ้ายจากระยะ 20 หลาหลุดเสาออกไป เจ้าบ้านยังขึงเกมรุกใส่ทีมเยือนอยู่ข้างเดียว และได้โอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 9 เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา ออเรลิโอ ปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด บอลทำท่าจะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ พอล คอนเชสกี้ ตัดสินใจวิ่งลงมาโหม่งทิ้งจากเส้นประตูไปได้อย่างหวุดหวิด กลับกลายเป็น เวสต์แฮม ที่ได้โอกาสแรกแล้วไม่พลาดขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 12 เมื่อ ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ ไหลบอลออกทางกราบขวาให้ บ็อบบี้ ซาโมร่า ตวัดกลับมาหน้าประตูทันที แต่ บอลผิดเหลี่ยมเสียบเสาแรกเข้าไปชนิดที่ โฆเซ่ เรน่า คาดไม่ถึง เป็นประตูที่ 4 จาก 3 นัดของ ซาโมร่า ในฤดูกาลนี้ด้วย ลิเวอร์พูล เกือบเสียท่าไปกันใหญ่ในนาทีต่อมา เมื่อปล่อยให้ มาร์ลอน แฮร์วู้ด หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แต่กลับซัดบอลหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย กระทั่งช่วงก่อนจบครึ่งแรก 3 นาที ลิเวอร์พูล ก็ตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ลุยขึ้นมาจากกลางสนาม และไม่มีนักเตะทีมเยือนเข้ามาประกบ เลย ตัดสินใจกดด้วยเท้าซ้ายจากระยะ 25 หลาทันที บอลพุ่งไซด์ก้อยเสียบสามเหลี่ยมมุมบนเข้าไปอย่างงามหยด เท่านั้นไม่พอ หงส์แดง ยังพลิกขึ้นนำได้อีกในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เมื่อ การ์เซีย พาบอลตัดเข้ากลางแล้วแทงบอลทะลุช่องให้ เคร้าช์ แตะหลบ คาร์โรลล์ ก่อนยิงเข้าไปอย่าง เหนือชั้น เจ้าบ้านพลิกนำ 2-1 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ ครึ่งหลังผ่านไป 7 นาที ราฟาเอล เบนิเตซ ส่ง เดียร์ค ไคท์ กองหน้าคนใหม่ลงสนามเป็นนัดแรก โดยถอด ปีเตอร์ เคร้าช์ ออกจากสนาม และเพียงแค่สัมผัสแรกของ ไคท์ ก็ได้สับไกระยะ 25 หลาทันที บอลพุ่งไซด์ก้อยผ่านเสาสองออกไปอย่างน่าหวาดเสียว ขุนค้อนเริ่มมีโอกาสลุ้นในนาทีที่ 55 ยอสซี่ เบนายูน ลากตัดเข้าเท้าซ้าย แล้วสับไกจากหน้าเขตโทษทันที แต่บอลหลุดเสาแรกออกไป เกมมาถึง 1 ชั่วโมงเต็ม เจ้าถิ่นเปลี่ยนผู้เล่นเป็นคนที่สอง โดยส่ง มาร์ค กอนซาเลซ ลงมาแทน หลุยส์ การ์เซีย ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่ 3 อีกในนาทีที่ 67 เมื่อ ไคท์ ไหลบอลให้ เบลลามี่ หลุดเข้าไปชิพบอลข้ามตัว คาร์โรลล์ เข้าไป แต่ผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว เวสต์แฮม แก้เกมในช่วง 18 นาทีสุดท้ายด้วยการส่ง คาร์ลตัน โคล ลงมาแทน มาร์ลอน แฮร์วู้ด แต่เกมรุกของทีมเยือนดูจะไร้ประสิทธิภาพ และเกือบเสียประตูที่ 3 อีกในนาทีที่ 77 ไคท์ ลากบอลถึงระยะ 20 หลา แล้วกดเต็มเท้า แต่ คาร์โรลล์ พุ่งปัดออกหลังไปได้หวุด หวิด ถึงนาทีที่ 80 เป็นโอกาสทองของเวสต์แฮม จอห์น เพนท์ซิล เปิดบอลจากกราบขวา บอลหลุดมาถึง ลี โบว์เยอร์ แต่กลับแปบอลเช็ดเสาออกไปไม่น่าเชื่อ ก่อนหมดเวลา 2 นาที เป็นโอกาสได้เสียวของทีมเยือนอีกครั้ง เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะ 30 หลา เท็ดดี้ เชอริงแฮม ตัวสำรอง ชิพบอลเข้าไปในเขตโทษ จังหวะสุดท้ายเป็น โคล ได้ซัด แต่ไปติด เรน่า ที่บล็อคเอาไว้ได้หมด จบเกม ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 2-1 มี 4 คะแนนเท่ากับขุนค้อน แต่เตะน้อยกว่า 1 นัด รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, ซามี่ ฮูเปีย, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เจอร์เมน เพนแนนท์, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, หลุยส์ การ์เซีย, เคร็ก เบล ลามี่, ปีเตอร์ เคร้าช์ เวสต์แฮม : รอย คาร์โรลล์, จอห์น เพนท์ซิล, แอนตัน เฟอร์ดินานด์, ดาเนี่ยล แก็บบิดอน, พอล คอนเชสกี้, ลี โบว์เยอร์, เฮย์เด้น มัลลินส์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ยอสซี่ เบนายูน, มา ร์ลอน แฮร์วู้ด, บ็อบบี้ ซาโมร่า สรุปผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2546 ลิเวอร์พูล ชนะ เวสต์แฮม 2-1 ชาร์ลตัน ชนะ โบลตัน 2-0 ฟูแล่ม ชนะ เชฟฯยูไนเต็ด 1-0 สเปอร์ส แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 วัตฟอร์ด แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-2 วีแกน ชนะ เรดดิ้ง 1-0

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215