แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

?อิตาลี?แชมป์! เจ๊า1-1เกม 120น. ดวลโทษดับฝรั่งเศส 5-3 ( ข่าวกีฬา )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : ?อิตาลี?แชมป์! เจ๊า1-1เกม 120น. ดวลโทษดับฝรั่งเศส 5-3

?อิตาลี? ฟื้นคืนแชมป์! ชูถ้วย ฟีฟ่า เวลด์คัพ โทรฟี่ สมใจสมัย 4 หลังเจ๊าเกมเดือดกับ ?ฝรั่งเศส? 1-1 ใน 120 นาที ?ซีดาน? ซัดโทษ ก่อน ?มาเตรัสซี่? โขกตีเสมอ ตราไก่ระส่ำช่วงต่อเวลาพิเศษ ไร้ ?วิเอร่า-อองรี? แถม ?ซิซู? ออกลายอาละวาด-โดนไล่ท้ายเกม ยืดเยื้อถึงจุดโทษ ?5 อัซซูรี่? สุดเฉียบซัดเข้าทุกตุง ?เทรเซเกต์? พลาดเดี่ยว ฟุตบอลโลก 2006 นัดชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค. ที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน ในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เป็นการแข่งขันระหว่าง ?อัซซูรี่? อิตาลี กับ ?ตราไก่? ฝรั่งเศส เริ่มเกมครึ่งแรกได้เพียง 3 นาที เกมต้องชะงักชั่วครู่ เมื่อ เธียร์รี่ อองรี ของฝรั่งเศส ไปกระแทกกับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ผู้เล่นอิตาลี จน อองรี ล้มลงไปเจ็บกับพื้น ต้องออกไปทำการปฐมพยาบาลพักหนึ่งก่อนจะกลับลงสนามในเวลาต่อมา นาทีที่ 5 จิอันลูกา ซามบร็อตต้า เข้าสกัด พาทริก วิเอร่า จนล้มลง ผู้ตัดสินชูใบเหลืองแรกของเกมให้ ซามบร็อตต้า ทันที จากนั้นนาทีต่อมานาทีที่ 6 เป็นเกมบุกของฝรั่งเศส โดย ฟลอรองต์ มาลูด้า พักบอลหลุดเข้าไปถึงในเขตโทษ ก่อนโดน มาโค มาเตรัสซี่ เข้าไปเกี่ยวจากข้างหลัง มาลูด้า จนล้มลง ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกจุดโทษของฝรั่งเศสทันที และเป็น ซีเนอดีน ซีดาน ที่รับหน้าที่สังหาร โดยเลือกชิพนิ่ม ๆ ไปทางขวามือ บอลพุ่งย้อยไปชนใต้คานกระดอนข้ามเส้นเข้าไปเป็นประตู ชนิดที่บอลไม่ได้สัมผัสตาข่าย ขณะที่ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารอัซซูรี่ พุ่งไปผิดทางฝรั่งเศส นำอย่างรวดเร็ว 1-0 นาทีที่ 7 นาทีที่ 12 วิลลี่ ซาโยล ของฝรั่งเศส ได้รับใบเหลืองเป็นคนที่สองของเกม หลังจากไปทำฟาวล์ ฟาบิโอ กรอสโซ อิตาลี เริ่มทำเกมบุกได้มากขึ้น และก็มาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วนาทีที่ 19 จากจังหวะ อังเดร เปียโร่ เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวา ไปถึงเสาสอง มี มาเตรัสซี่ ขึ้นเบียดกับ วิเอร่า ก่อนได้โหม่งเต็ม ๆ ผ่านมือ ฟาเบียง บาร์กเตซ นายทวารตราไก่ เข้าไปตุงตาข่าย เป็น 1-1 จากนั้นเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 27 อิตาลี มีจังหวะลุ้นประตูจากจังหวะลูกเตะมุมของ เปียโร่ อีกครั้ง โดย มาเตรัสซี่ ขึ้นโขกแต่คราวนี้ไปติดบล็อกแผงหลังฝรั่งเศสที่เตะเคลียร์ออกไปได้ เกมบุกยังคงตกเป็นของอิตาลีที่บุกได้อย่างต่อเนื่อง และมีจังหวะหวาดเสียวอยู่สองครั้งติดกัน นาทีที่ 35 ลูก้า โทนี่ ได้บอลจากการแทงทะลุช่องเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ก็ถูก ลิลียง ตูราม กองหลังตราไก่แหย่สกัดออกหลังไปหวุดหวิด ก่อน เปียโร่ จะเป็นคนเตะมุมเปิดเข้าไปในเขตโทษ ถึง ลูก้า โทนี่ ที่ขึ้นเบียดชนะ ตูราม ได้โขกเดี่ยว ๆ หน้าปากประตู บอลพุ่งเสย บาร์กเตซ ไปชนคานกระดอนออกหลังไป อิตาลีพลาดประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากนั้น ทั้งสองทีมยังไม่มีจังหวะหวือหวา จบเกมครึ่งแรก เสมอกัน 1-1 เริ่มเกมในครึ่งหลัง เพียงนาทีที่ 46 อองรี ของฝรั่งเศส ก็มีโอกาสพาบอลผ่าแผงหลังอิตาลีเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ยิงไม่ถนัดบอลเลียดไปเข้ามือ บุฟฟ่อน ที่คุกเข่ารับไว้สบาย ฝรั่งเศส เริ่มทำเกมบุกได้อย่างน่ากลัว มีโอกาสพาบอลหลุดไปถึงในเขตโทษอยู่หลายครั้ง และมีจังหวะหวาดเสียว แต่ก็ยังไม่มีจังหวะยิง นาทีที่ 56 พาทริก วิเอร่า มีอาการบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่แพทย์สนามต้องลงมาปฐมพยาบาล ซึ่งเล่นต่อไม่ไหว ฝรั่งเศส จึงเปลี่ยนผู้เล่นสำรองเป็นคนแรก โดยถอดเอา วิเอร่า ออก และส่ง อาลัว ดิอาร์ร่า ลงไปแทน นาทีที่ 61 อิตาลี ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นสำรองทีเดียวถึง 2 คน โดยถอดเอา ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า และ ฟรานเชสโก ต็อตติ ที่ยังไม่ค่อยมีบทบาทในเกมออก และส่ง วินเซนโซ่ ไอควินต้า และ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ลงไปแทน จากนั้นนาทีเดียว นาทีที่ 62 กองเชียร์อัสซูรี่ดีใจกันเก้อ เมื่อ เด รอสซี่ ที่เพิ่งลงมา ได้โขกจากลูกเปิดจากแถวสองของ ลูก้า โทนี่ เข้าประตูไป แต่กลับเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน นาทีที่ 63 อองรี เลี้ยงจี้แผงหลังอิตาลี เข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจยิงด้วยขวา แต่ก็ถูก บุฟฟ่อน เซฟไว้ได้ นาทีที่ 76 อาลัว ดิอาร์ร่า ผู้เล่นสำรองของฝรั่งเศสได้รับใบเหลือง หลังไปทำฟาวล์ ลูก้า โทนี่ และไปเถียงผู้ตัดสิน ก่อน อังเดร เปียโร่ จะรับหน้าที่ยิงฟรีคิกระยะ 30 หลา ปั่นข้ามกำแพงเฉียดเสาออกหลังไปอย่างได้ลุ้นประตู นาทีที่ 86 อิตาลี เปลี่ยนผู้เล่นสำรองคนสุดท้าย โดยส่ง อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ลงมาแทน เมาโร คัมโมราเนซี่ ช่วงท้ายเกม ฝรั่งเศส ครองบอลได้มากกว่า แต่เกมของทั้งสองทีมดูเนือย ๆ ลงไม่เปิดเกมบุก หรือไล่บอลกันเหมือนช่วงต้นครึ่งหลัง ก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ทั้งคู่ยังเสมอกัน 1-1 ยืดเยื้อถึงการแข่งขันในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที เกมครึ่งแรกต่อเวลาพิเศษ รูปเกมส่วนใหญ่ เป็น ฝรั่งเศส ที่ครองบอลได้มากกว่า ในขณะที่ อิตาลี ลงไปตั้งรับในแดนตัวเอง นาทีที่ 99 ฝรั่งเศส ได้ลุ้นประตูข้ำนำ จากจังหวะชิ่งหนึ่งสองไปถึง แฟรงค์ ริเบอรี่ ที่หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ แต่ยิงหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อน ริเบอรี่ จะถูกเปลี่ยนออก โดยฝรั่งเศสส่ง ดาวิด เทรเซเกต์ ลงมาล่าตาข่าย นาทีที่ 104 ฝรั่งเศส น่าได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะลูกเปิดจากแถวสองของ วิลลี่ ซาโยล ที่วางบอลเข้าไปในเขตโทษเข้าศีรษะ ซีดาน ที่ขึ้นสะบัดโขกเดี่ยว ๆ กลางประตู แต่ไม่ผ่านมือ บุฟฟ่อน ที่กระโดดปัดข้ามคานออกไปอย่างสวยงาม จบครึ่งแรกช่วงต่อเวลาพิเศษ ยังเสมอกัน 1-1 เริ่มครึ่งช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 107 ฝรั่งเศส เปลี่ยนผู้เล่นสำรองคนสุดท้ายโดยถอด อองรี ออก และส่ง ซิลแวง วิลตอรด์ ลงมาแทน แต่แล้วเหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้นนาทีที่ 110 เมื่อ ซีเนอดีน ซีดาน เล่นนอกเกม เดินเอาศีรษะเข้าไปโหม่งเข้าที่อกของ มาเตรัสซี่ จนล้มลงไปนอนจุกอยู่กลางสนาม หลังมีการต่อล้อต่อเถียงกันเล็กน้อย โฮราซิโอ เอลิซอนโด ผู้ตัดสินชาวอาร์เจนฯ เป่าหยุดเกม ซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงใช้เวลาครู่เดียวเข้าไปไต่ถามผู้กำกับเส้น ก่อนจะเดินกลับไปหา ซีดาน พร้อมกับใบแดงไล่ ซีดาน ออกจากสนามไป ฝรั่งเศส ต้องเสียเปรียบ เมื่อเหลือผู้เล่น 10 คนในสนาม ฝรั่งเศส ต้องขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง วิเอร่า, ซีดาน, อองรี และ ริเบอรี่ ทำให้เกมรุกขาดความต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีจังหวะพาบอลไปถึงหน้าประตูอิตาลีก็ตาม จนจบเกม 120 นาที ทั้งคู่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินหาทีมแชมป์ด้วยการดวลยิงลูกจุดโทษ อิตาลี ได้ยิงก่อน - เปียโร่ O(อิตาลี 1-0), วิลตอรด์ O(ฝรั่งเศส 1-1), มาเตรัสซี่ O(อิตาลี 2-1), เทรเซเกต์ X(ฝรั่งเศส 1-2), เด รอสซี่ O(อิตาลี 3-1), อาบิดาล O(ฝรั่งเศส 2-3), เดล ปิเอโร่ O(อิตาลี 4-2), วิลลี่ ซาโยล O(ฝรั่งเศส 3-4), ฟาบิโอ กรอสโซ่ O(อิตาลี 5-3) ผลปรากฏว่า อิตาลี ยิงได้ดีกว่าเอาชนะ ฝรั่งเศส ไป 5-3 ผลประตูรวมชนะไป 6-4 ทำให้อิตาลี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี และเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ของอิตาลี ปิดฉากฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันไปอย่างยิ่งใหญ่.

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215