ไม่พลิก ?ตราไก่? เข้าชิงดวล ?อัซซูรี่? อาทิตย์นี้ หลังเฉือน โปรตุเกส สุดหวิว 1-0 ลูกโทษประตูชัย ?ซีดาน? สังหาร ฝอยทองขาอ่อนล้มกันแหลก ถึงแพ้แต่ได้ชิงที่ 3 ชนเจ้าภาพเยอรมันเสาร์นี้ ฟุตบอลโลก 2006 รอบรองชนะเลิศ นัดประจำวันพุธที่ 5 ก.ค. ที่สนามฟีฟ่า เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน เป็นการแข่งขันระหว่าง โปรตุเกส กับ ฝรั่งเศส เริ่มเกมได้เพียงนาทีเดียว ฝรั่งเศส ทักทายก่อนด้วยการมีโอกาสยิงจาก ฟลอรอง มาลูดา ที่ได้บอลหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้าย แต่ยิงหักมากไปออกเสาสองไปไกล จากนั้นเกมตกเป็นของโปรตุเกส ที่ทำเกมรุกได้ชัดเจนกว่า มีโอกาสพาบอลขึ้นไปยิงได้ถึงสองสามครั้ง นาทีที่ 4 เดโก ได้จังหวะสับไกหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งเลียดไปถึง ฟาเบียง บาร์เตซ ที่ปัดกระฉอกเกือบจะเข้าทาง เปาเลต้า ที่สอดขึ้นมาจะซ้ำ แต่ วิลลี่ ซายอล แผงหลังฝรั่งเศสก็เบียดและเตะเคลียร์ออกไปหวุดหวิด นาทีที่ 9 โปรตุเกส ได้โอกาสอีกครั้ง เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด วิ่งหลอกก่อนเขี่ยส่งหลังให้ มานิช ยิงระยะ 25 หลา บอลพุ่งเฉียดคานออกไปอย่างได้ลุ้น นาทีที่ 16 หลุยส์ ฟิโก จอมทัพโปรตุเกส พาบอลขึ้นไปยิงหน้ากรอบเขตโทษด้วยซ้าย แต่ บาร์เตซ ก็ล้มตัวรับไว้ได้ติดมือ เกมดำเนินไปจนถึงนาทีที่ 32 เป็นจังหวะเกมบุกของฝรั่งเศส และก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เมื่อ ริคาร์โด คาร์วัลโญ ผู้เล่นโปรตุเกสเข้าสกัดบอลจากเท้า เธียร์รี่ อองรี พลาดในจังหวะแรก ก่อนทำฟาล์วด้วยการเตะข้อเท้า อองรี จนล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกจุดโทษของฝรั่งเศสทันที และเป็น ซีเนอดีน ซีดาน ที่รับหน้าที่สังหารที่เลือกยิงไปทางซ้ายมือเข้าไปตุงตาข่าย แม้ ริคาร์โด นายทวารโปรตุเกสจะพุ่งถูกทางก็ตาม ฝรั่งเศส ขึ้นนำโปรตุเกส 1-0 นาทีที่ 33 แต่หลังจากเสียประตู โปรตุเกส ก็ยังเป็นฝ่ายทำเกมบุกได้มากกว่า นาทีที่ 36 มานิช ได้จังหวะยิงจากระยะ 25 หลา แต่ บาร์เตซ ก็รับไว้ได้ นาทีที่ 39 โรนัลโด กระชากบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้ากลางมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนซัดด้วยซ้ายข้ามคานออกไป ถึงแม้ โปรตุเกส จะบุกได้มากกว่า แต่ก็ยังเจาะประตูของฝรั่งเศสไม่ได้ จบครึ่งแรก ฝรั่งเศส นำ 1-0 เริ่มเกมครึ่งหลัง ฝรั่งเศส เริ่มทำเกมบุกเข้าใส่โปรตุเกสทันที ชนิดได้ลุ้นประตู นาทีที่ 48 อองรี โชว์ทักษะกระชากบอลเบียดแผงหลังโปรตุเกสเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ไปติดท้องแขนของ ริคาร์โด ที่ล้มตัวพยายามจะเซฟ บอลปลิ้นเฉียดโคนเสาแรกออกหลังไปชนิดซี้ดปาก นาทีที่ 49 แฟรงค์ ลิเบรี่ สบโอกาสซัดเต็ม ๆ หน้ากรอบเขตโทษ ริคาร์โด ต้องออกแรงพุ่งเซฟไว้ได้ติดมือ นาทีที่ 53 โปรตุเกสมีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอ เมื่อ เปาเลต้า เบียดกับ ลิลียง ตูลาม แผงหลังฝรั่งเศสในเขตโทษ ก่อนมีจังหวะกลับตัวยิงด้วยขวา บอลพุ่งเข้าหน้าต่างเสาแรกเกือบเป็นประตู นาทีที่ 62 โปรตุเกส เปลี่ยนตัวสำรองเป็นคนแรกของเกม โดย มิเกวล มีอาการบาดเจ็บที่ขา และเล่นต่อไปไม่ไหว จึงเปลี่ยนเอา เปาโล เฟอร์ไรร่า ลงมาแทน ก่อนนาทีที่ 68 เปาเลต้า จะถูกเปลี่ยนออก และส่ง ซิเมา ซาโบรซา ลงมาแทน ด้านฝรั่งเศส ก็เปลี่ยนเอา ซิลแวง วิลตอร์ ลงมาแทน ฟลอรอง มาลูดา นาทีที่ 69 ก่อนนาทีที่ 72 จะเปลี่ยนเอา ลิเบรี่ ออก และส่ง ซิดนีย์ กูวู ลงมาแทน นาทีที่ 75 โปรตุเกส เปลี่ยนตัวสำรองคนที่สอง โดยเอา เฮลเดอร์ พอสติกา ลงมาแทน คอสตินญ่า โปรตุเกสมีโอกาสใกล้เคียงได้ประตูตีเสมออย่างที่สุด นาทีที่ 78 จากจังหวะยิงฟรีคิกระยะเกือบ 30 หลา ของ โรนัลโด ที่ยิงข้ามกำแพง บาร์เตซ ไม่ทันตั้งตัวผวารับด้วยท่าทางเหมือนเซตลูกวอลเลย์บอลลอยขึ้นมาหน้าปากประตู เป็น หลุยส์ ฟิโก ที่วิ่งเข้าไปขึ้นโขกเต็ม ๆ แต่โด่งข้ามคานไปตกลงบนหลังคาประตู โปรตุเกส พลาดประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 83 คาร์วัลโญ ได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังไปทำฟาล์ว วิลตอร์ ก่อนนาทีที่ 85 ฝรั่งเศสจะส่งผู้เล่นสำรองคนสุดท้ายลงมา โดยส่ง หลุยส์ ซาฮา ลงมาแทน อองรี หลังลงมาสัมผัสพื้นสนามได้เพียง 2 นาที ซาฮา ก็ได้รับใบเหลืองทันที หลังเข้าเสียบสกัด ฟิโก จนล้มกลิ้งนาทีที่ 87 เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที โปรตุเกส โหมบุกหนักหวังประตูตีเสมอ นาทีที่ 92 เฟร์นานโด เมย์ร่า ได้ยิงเต็ม ๆ ที่เส้นกรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกไปเยอะ ช่วง 2 นาทีสุดท้าย ริคาร์โด นายทวารโปรตุเกส ขึ้นมารอลูกเตะมุมถึง 2 ครั้งติดกัน หวังจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ยิง และนาทีสุดท้าย ฝรั่งเศส เกือบพลาด เมื่อแผงหลังให้บอลกันพลาดเอง ถูก ฟิโก โฉบบอลไป ก่อนจ่ายขึ้นหน้าให้ โรนัลโด หลุดไปในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินก็ยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว หมดเวลาการแข่งขัน ฝรั่งเศส เฉือนเอาชนะ โปรตุเกส ไป 1-0 ฝรั่งเศส สามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อิตาลี ในวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค.นี้ ขณะที่ โปรตุเกส มีโอกาสชิงที่ 3 กับ ทีมเจ้าภาพเยอรมัน ในวันเสาร์ที่ 8 ก.ค.นี้.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์