?ชาคริต? ทุ่มสุดตัว เจอบทหิน ?ฝาแฝด? ปะทะ ?บี? สลัดภาพนางเอกใสเล่นร้าย ( ข่าวบันเทิง )

หมายมั่นปั้นมือเป็นละครที่เตรียมเรียกกระแสเรตติ้งจากแฟนละครอีกครั้ง สำหรับผลงานของ ค่ายซิเนริโอ เรื่อง “แสงสูรย์” ซึ่งเพิ่งลงจอไปหมาด ๆ ก็มีเสียงตอบรับชื่นชมจากแฟนละครแล้ว อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นความตั้งใจในการถ่ายทอดบทประพันธ์สุดคลาสสิกของ จินตะหรา ออกมาเป็นละครแนวพีเรียดย้อนยุคได้อย่างงดงามตระการตา ทั้งฉากและเครื่องแต่งกาย ที่สำคัญยังรวมเอานักแสดงชั้นนำมาประชันบทบาทกันอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น ชาคริต แย้มนาม, น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, พิชญา ศรีเทพย์, มารุต ยุปานันท์ ฯลฯ 
 
นอกจากนี้ “แสงสูรย์” ยังได้ ฐา-นวดี สถิตยุทธการ มารับหน้าที่เขียน  บทโทรทัศน์ด้วย โดยเป็นผล   งานการกำกับการแสดงของ วิศเวท บูรณวิทยาวุฒิ งานนี้นักแสดงและทีมงาน ทุกคนตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยุคสมัย เสื้อผ้า หน้าผม และสถานที่ถ่ายทำ เพื่อให้ละครเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดและเต็มไปด้วยความงดงามตระการตา รวมถึงแฟนละครยังจะได้เต็มอิ่มไปกับละคร และเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากกิเลส ความรัก โลภ โกรธ หลง และความอยากจะได้ อยากจะมี และความอยากคิดจะครอบครอง “วังแสงสูรย์”

มาถึงคำบอกเล่าในการทำงานของนักแสดงนำในเรื่องกันเลย เริ่มที่พระเอกหนุ่ม ชาคริต แย้มนาม ที่มาในบทอินเทรนด์ รับบทเป็น 2 คาแรกเตอร์ เป็นฝาแฝดเป็นครั้งแรก เจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากว่าหนักและเหนื่อยมากเลยทีเดียว
 
“ผมรับบทเป็นฝาแฝดทายาทแห่งวังแสงสูรย์ แต่ถูกแยกกันเลี้ยง จึงทำให้ทั้งคู่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แฝดคนพี่ (ไอศูรย์) เป็นคนดียอมเสียสละเพื่อน้องได้ทุกอย่าง ผิดกับแฝดคนน้อง (ภาสวร) เอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ ฉะนั้นการบ้านในส่วนผมก็คิดว่าจะต้องทำยังไงให้คนดูเห็นถึงความแตกต่างของตัวละครแฝดทั้งสองตัวอย่างชัดเจน ซึ่งถือว่ายากและท้าทายมาก ๆ แต่ผมก็อยากพิสูจน์ฝีมือตัวเองจึงตัดสินใจรับเล่น ตอนถ่ายทำช่วงแรก ๆ ผมยอมรับมี  งง ๆ อยู่บ้าง เพราะยังจับทางไม่ได้ว่าตัวไหนต้องเล่นยังไง ต้องคอยดูชุดที่ใส่เอา แต่พอจับทางได้แล้ว ก็ดันมีบทให้แฝดคนน้องปลอมเป็นแฝดคนพี่อีก คือแฝดซ้อนแฝดนั่นเอง ทำเอาผมมึนตึ้บเลยคราวนี้ ก่อนหน้านี้ต่อให้เจอบทหนัก ๆ กี่เรื่อง ๆ ไม่เคยท้อ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้เรื่องเดียวยอมรับเลยครับว่าหนักและเหนื่อยมากครับ” หนุ่มคริตกล่าว
 
ด้านนางเอกของเรื่องอย่าง สาวบี-น้ำทิพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ พลิกบทมารับบทนางเอกร้ายเป็นครั้งแรก โดยรับบทเป็น “ติรกา” เด็กสาวบ้านนอก แต่บังเอิญมีคุณน้า (เจี๊ยบ-ปวีณา) เป็นท่านผู้หญิงแห่งวังแสงสูรย์ เราก็เลยได้อาศัยใบบุญเข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็เลยทะเยอทะยานอยากเป็นท่านผู้หญิงบ้าง ก็เลยต้องเข้ามาพัวพันกับพี่น้องฝาแฝด (ชาคริต แย้มนาม) ของหม่อมน้า เพราะเป็น ทายาทแห่งวังแสงสูรย์ 
 
สาวบีเผยว่า “ดีใจมากที่ได้รับบทนี้ค่ะ ถือเป็นเรื่องแรกที่บีเล่นร้ายในละคร “แสงสูรย์” ก่อนหน้านี้บีเคยเล่นแต่บทนางเอ๊ก นางเอก เป็นคนดีมาตลอด แต่พอมาเล่นเรื่องนี้รู้เลยว่าตัวร้ายมีอะไรให้เล่นเยอะมาก ถ้ารู้ว่าเล่นแล้วสนุกอย่างนี้ บีเล่นมานานแล้ว เล่นเป็นนางเอกเบื่อแล้ว อยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง ซึ่งพอเล่นไปก็ชอบมากเลย แต่เรื่องนี้บีจะเล่นร้ายแบบผู้ดี ฉลาด ใช้สมอง ใช้ความคิดมากกว่า ไม่ได้ร้ายแบบกรี๊ดกร๊าด ส่วนเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม เรื่องนี้สวยมาก บีชอบมากถึงจะใช้เวลาแต่งตัวนานหลายชั่วโมงก็ยอมค่ะ”
 
มาถึงนักแสดงสาวอีกคนหนึ่งที่ได้เข้ามาอยู่ในวังแสงสูรย์โดยบังเอิญ ฟาง-พิชญา รับบทเป็น “โชติรส” หญิงสาวหน้าตาธรรมดาอายุ 19 ปี โชติรส มาจากครอบครัวข้าราชการผู้มีอันจะกินในจังหวัดสุโขทัย เธอถูกส่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก โชติรสแตกต่างกับติรกาค่อนข้างมาก ในแง่ที่เธอไม่ได้มีจริตหญิงเหมือนติรกา เธอเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง เปิดเผย เป็นมิตรกับทุกคน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น รักความถูกต้องและไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเธอเป็นอันขาด “คาแรกเตอร์โชติรสนี้จะค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวเอง จะออกแนวสดใสร่าเริง สนุกสนาน ฉลาด ทันคน แต่ฟางจะมีปัญหาเรื่องภาษาโบราณ แรก ๆ ก็จะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ เพราะภาษาที่ใช้บางคำจะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนเรื่องผมนี้จะชอบมากเพราะได้ไว้ผมหน้าม้า และชุดที่ใส่ก็สวย น่ารัก สีสดใส”

ปิดท้ายด้วยนักแสดงน้องใหม่ บอล-มารุต แสดงเป็น ร้อยตำรวจเอกยศไกร นายตำรวจหนุ่มอายุ 23 ปี เพื่อนสนิทของโชติรส ยศไกรเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รักสนุก แต่ก็มีรักแท้ให้กับโชติรส ทั้งที่รู้ว่าความหวังนั้นริบหรี่  แต่เขาก็พร้อมที่จะเสียสละเพื่อให้คนรักมีความสุข “ในเรื่องผมจะเป็นคนน่าสงสารเสียสละทุกอย่างได้เพื่อความรัก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นละครยาวเรื่องแรกของผม ก็รู้สึกตื่นเต้น พยายามทำการบ้านก่อนมาเข้าฉากทุกวัน ส่วนบทตำรวจในเรื่องนี้ผมชอบนะได้ใส่เครื่องแบบด้วย รู้สึกเท่ดีครับ”
 
ส่วนเบื้องหลังการถ่ายทำ เรื่องนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำนานข้ามปีเลยทีเดียวเพราะทุกฝ่ายพิถีพิถันและใส่ใจความละเอียดทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโลเกชั่น การออกแบบเสื้อผ้า หน้า ผม รวมถึงนักแสดงทุกคนที่มีความอดทนและตั้งใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพระเอกชาคริต แย้มนาม ที่ทุ่มเทกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่
 
ติดตามชมละครเข้มข้น ระทึกใจ พร้อมเพลิดเพลินกับความเป็นพีเรียดสวยงามของเรื่องนี้ได้ ทุกคืนวันจันทร์-พฤหัสบดี หลังข่าวภาคค่ำ 20.25 น. ททบ.5.

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์