แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช เปิดใจอีกครั้งกับนิตยสารชื่อดังว่า ยังหอมหวนกลิ่นวงการบันเทิง และอยากหวลกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้ง เพราะยังอยากทำงาน และหากผู้ชมต้องการดูผลงานก็เต็มใจ ส่วนปัญหากับพี่หนูแหม่ม-สุริวิภานั้นเตรียมพร้อมเข้าไปพูดคุยด้วยตัวเอง อีกครั้งสำหรับแหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช ที่หลังเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา และจัดพิธีแต่งงานในหมู่ญาติและเพื่อนสนิท ที่หัวหินเป็นที่เรียบร้อย นิตยสารLIPSLUXE(ลิปส์ลุคซ์) นิตยสารรายสามเดือนก็จับแหม่มมาขึ้นปกอีกครั้ง พร้อมเรื่องราวสัมภาษณ์ ตลอดจนภาพงานแต่งงานที่จัดขึ้น ณ บ้านคัทลียา หัวหิน โดยเรื่องราวการสัมภาษณ์ของแหม่ม-คัทลียาในครั้งนี้ มีการเปิดใจถึงเรื่องน้องแมคลูกชายเป็นหลัก โดยแหม่มเล่าว่าลูกชายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลาเล่นก็เล่น ถึงเวลานอนก็นอน มีร้องนิดหน่อยตอนที่หิวหรือง่วงนอนมากๆ จึงนับเป็นโชคของคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกชายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ทานเก่ง โดยตอนนี้แมคมีอายุ 7เดือน วันที่เกิดคือ 29 กันยายน ตอนที่เกิดตัวเล็กมากน้ำหนักเพียง 2600-2700 กรัมเท่านั้น ส่วนเรื่องการดูแลลูกชายนั้นแหม่มเล่าด้วยว่า ทุกคนรอบข้างช่วยกันเลี้ยง ไม่เว้นแม้แต่บีบี๋-สงกรานต์ ก็ช่วยเลี้ยงลูก ส่วนลูกชายนั้นติดแม่และแม่ก็ติดลูกมาก เวลาออกไปทำธุระนอกบ้านก็ต้องโทรเช็คกับแม่บ้านว่าแมคเป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไรอยู่ มีวันหนึ่งที่แมคไม่ยอมกินนมแล้วคนเลี้ยงโทรมาบอก ก็ต้องทิ้งทุกอย่างแล้วขับรถกลับบ้านไปให้นมลูก เรียกว่าทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อเขาก็ติดลูก จะชอบเล่นกับลูก เอาลูกเข้านอน หรือคุณปู่ คุณย่า คุณยาย คุณลุง คุณอา ติดหลานกันหมด ยิ่งลุงวิลลี่นี่ยิ่งหลงหลานมาก เพราะแมคเขาจะยิ้มให้คุณลุงทุกครั้งซึ่งลุงก็จะดีใจมาก เพราะแมคเป็นเด็กฝากเนื้อฝากตัวเจอใครก็ยิ้มให้หมด เขาเลยเป็นหัวใจของทั้งสองครอบครัว อย่างไรก็ตามแหม่ม-คัทลียายังเล่าถึงการทำงานในวงการบันเทิงของตัวเองด้วยว่า รักงานวงการบันเทิง เพราะทำมาเกือบ20 ปี แหม่มยินดีถ้าใครติดต่อมา ไม่ว่าจะเป็นงานละคร งานพิธีกร งานถ่ายแบบ เพราะอยากทำงานกับทุกคนเหมือนเดิม บอกตามตรงว่าไม่ได้หยิ่ง ไม่ได้เล่นตัว แต่สำคัญที่สุดก็อยู่ที่คนดูด้วยว่า ยังอยากดูแหม่มเล่นละครอยู่หรือเปล่า ยังอยากดูพิธีกรคนนี้จัดรายการอยู่หรือเปล่า หรือยังอยากดูผู้หญิงคนนี้ถ่ายแบบอยู่หรือเปล่า ถ้ายังอยากดูก็ยินดีทำ แต่ถ้าทำก็ต้องทยอยทำ เพราะลูกยังเล็กมาก คงไม่สามารถไปถ่ายละคร 4 วันใน1สัปดาห์ได้ หรือว่าไปแต่เช้ากลับ 4ทุ่มได้ ถ้าทำอย่างนั้นก็เอาเปรียบลูก แต่ถ้าขอไปสายกลับเร็วก็คงจะเอาเปรียบผู้ร่วมงานเหมือนกัน ซึ่งถ้ารอลูกโตแล้วคงไม่มีปัญหา ตอนหนึ่งของการเปิดใจของแหม่ม-คัทลียาในครั้งนี้ ยังได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างแหม่มกับพี่หนูแหม่มจนเรียกได้ว่าไม่ขอญาติดีต่อกันนั้น แหม่มกล่าวว่า คงเข้าไปคุยกับพี่หนูแหม่มด้วยตัวเอง จะไม่คุยผ่านกันไป ผ่านกันมา เพราะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่ถึงอย่างไรตัวเองก็ยังรู้สึกดี รักและเคารพพี่หนูแหม่มเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ บางกอก ทูเดย์