ด้วยความที่เป็นคนช่างคิด ช่างจินตนาการ ผนวกกับมุมมอง ความรู้สึกที่ช่างฝันของ บัวชมพู ฟอร์ด ที่มีมาตลอด ทำให้กลายเป็นที่มาของอัลบั้ม ?ไบรท์ไซด์? งานเพลงชุดที่ 4 ของเธอ ภายใต้สังกัด ?มิวสิค ครีม? ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อัลบั้มนี้นอกจาก บัวชมพู จะรับหน้าที่ถ่ายทอดเสียงร้องแล้ว เธอยังได้ร่วมเขียนเนื้อเพลงอย่างเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก และได้รับความไว้วางใจให้เป็น ?โค-ไลริคส์ ไดเรกเตอร์? ของอัลบั้มอีกด้วย โดยถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นของตัวเธอ หลังว่างเว้นจากการทำงานอัลบั้มเดี่ยวมา 2 ปีเต็ม บัวชมพู เล่าให้ฟังถึงที่มาของตำแหน่ง ?โค-ไลริคส์ ไดเรกเตอร์? ซึ่งหากพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ช่วยดูแลด้านเนื้อร้อง ให้ฟังว่า เริ่มต้นจากวันหนึ่งเธอได้รับเนื้อเพลงให้ไปฝึกร้องก่อนเข้าห้องอัดเสียง แต่หลังจากได้อ่านกลับเกิดความไม่เข้าใจ จึงขอลงมือเขียนเนื้อหาใหม่เสียเอง ซึ่งปรากฏว่า เมื่อเขียนมาแล้ว ทีมงานทุกคนพอใจ ฟังแล้วเข้าใจง่าย จึงยกให้เธอเป็นหนึ่งในทีมเขียนเนื้อ และได้ตำแหน่งนี้มา โดยเพลงที่เขียนไปครั้งนั้น คือ เพลงตัวละครในนิยาย ?จริงๆ แล้ว พี่ๆ ทีมงานเขาพยายามให้บัวหัดแต่งเพลงเองมานานแล้ว บัวก็เคยลองในอัลบั้มที่แล้ว (บิวตี้ฟูล โมเมนท์) แต่มันยาก เลยทำไม่ได้ตอนนั้น ซึ่งบัวก็คิดนะ ว่าแต่ละคนก็คงมีวิธีคิดต่างกัน สำหรับบัว ยังมองว่า ยังไงมืออาชีพที่ทำงานด้านนี้ ก็ย่อมจะเขียนแล้วดูสวยงามกว่าในเรื่องของคำ ทุกวันนี้บัวจะยังไม่เก่งถึงขั้นแต่งเพลงได้เองทั้งหมด จะเป็นการให้คอนเซ็ปต์ไปมากกว่า อัลบั้มนี้ต่างจากอัลบั้มที่แล้วตรงที่เข้มข้นขึ้น หนักขึ้น แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นวาไรตี้ ป๊อปอยู่ อาจจะแปลกไปตรงที่มีกลิ่นของดนตรีร็อค และเฮ้าส์ด้วย ซึ่งพอรู้ว่าจะได้ทำอัลบั้มใหม่ บัวก็จะเอาเพลงที่ชอบ คือ เพลงร็อคไปให้ทีมเพลงฟังเป็นแนวทาง พี่ๆ เขาก็ตกใจกันใหญ่ว่าทำไมหนักจัง และในที่สุดก็ทำให้ได้เพลงแสงที่ปลายอุโมงค์มา ส่วนเพลงกลิ่นอายตะวันออกในแบบของบัว อัลบั้มนี้ก็ยังมีอยู่ แต่อาจจะไม่ได้ใช้เป็นเพลงโปรโมทเท่านั้น ก็คือ เพลงปล่อยมือฉัน? มาดูที่เนื้อหาของเพลงกันบ้าง บัวชมพู บอกด้วยว่า แตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากมีเพลงที่มีความหมายแสดงถึงผู้หญิงเด็ดเดี่ยว ใจแข็ง เปรียบเสมือนว่าหากจะเลิกกันก็จะไม่คิดยื้อ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่หนักขึ้นจากเนื้อหาเพลงที่ผ่านมาของเธอจะดูอ่อนโยนมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม โดยรวมยังคงเป็นเนื้อหาในด้านสว่างดังเช่นชื่อของอัลบั้ม โดยอัลบั้มนี้ นอกจากความแตกต่างด้านเนื้อหาและทำนองเพลงแล้ว ทีมเพลงที่ทำให้งานก็เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งเธอเล่าว่า ?งานเพลงของบัวทุกอัลบั้มจะเปลี่ยนทีมใหม่ทุกครั้ง ซึ่งบัวก็มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้แนวเพลงฉีกไป เหมือนอัลบั้มนี้ก็ดูโตและพัฒนาขึ้น การที่ต้องเปลี่ยนแบบนี้ บัวคิดว่า ผู้ใหญ่ที่ค่ายคงกลัวซ้ำซาก แต่อีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกอัลบั้ม กว่าจะปรับตัวกับทีมใหม่ได้ก็ต้องใช้เวลา เรียกว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย? ย้อนกลับไปถึงความชอบในดนตรีแนวร็อค ซึ่งดูเหมือนจะขัดกับภาพลักษณ์ผู้หญิงหน้าหวาน ดูอ่อนโยนอย่างเธอ ซึ่งเมื่อได้ยินคำถามนี้ บัวชมพู ถึงกับยิ้มและหัวเราะ ?ส่วนตัวบัวชอบเพลงที่มีฟิลลิ่งจัดๆ ดนตรีหนักๆ ถ้าเลือกได้ก็อยากทำเพลงร็อค บัวก็เคยบอกทีมเพลงไปเหมือนกัน อัลบั้มที่แล้ว บัวก็เริ่มๆ ขยับมาบ้างจะเห็นได้ชัดในเพลงอย่าทำให้ฉันรักเธอ อัลบั้มนี้ก็เพิ่มสัดส่วนมาอีกนิด เป็นอย่างที่เราอยากได้มากขึ้น แต่จะให้เป็นร็อคหนักๆ ไปเลยมันก็คงไม่ใช่ คงต้องผสมผสานกัน ถามว่าอยากทำเหมือนใคร บัว ชอบมาดอนนา ชอบการเปลี่ยนแปลงของเขาที่มีอะไรใหม่ๆ มานำเสนอคนฟังทุกอัลบั้ม แต่ถ้าบัวทำคงไม่ใช่แดนซ์จัดขนาดนั้น คงจะเน้นฟิลลิ่ง แต่ไม่ได้จำกัดว่า จะต้องช้าหรือเร็วนะ จะเน้นไปที่บรรยากาศในเพลงแล้วสื่อออกมามากกว่า? สุดท้ายเมื่อถามถึงความคาดหวังในงานที่ออกมาเป็นอัลบั้มที่ 4 ว่าเป็นอย่างไร แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ได้ทำงานอัลบั้มแรกหรือไม่ บัว ตอบว่า ครั้งนี้จะเป็นความรู้สึกลุ้นมากกว่า เนื่องจากได้นำเสนอความเป็นตัวตนชัดเจนมากขึ้น เลยทำให้ลุ้นว่า คนฟังจะชอบหรือไม่
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์