จากอดีตบาร์เทนเดอร์ ที่เคยยืนชงเหล้าอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ในร้านโยนโบว์ลิ่งแถวฮอลลีวู้ด ชื่อว่า ลัคกี้ สไตรค์ เลนส์ (Lucky Strike Lanes) ตอนนี้ แบรนดอน เราธ์ หนุ่มหน้าหยกจากเมืองนอร์วอล์ก รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา รอเพียง ซุปเปอร์แมน รีเทิร์นส์ (Superman Returns) ออกฉายเท่านั้น เราก็อาจจะรู้จักหนุ่มหล่อวัย 26 ในฐานะใหม่ พระเอกดาวรุ่งที่จะมาเป็น ?ซุปเปอร์แมน? ผู้กำหัวใจของสาวๆ อยู่หมัด!!! ที่ว่าอย่างนั้น ก็เพราะขณะนี้บรรดานักข่าวบันเทิงที่อเมริกา เขาต่างพูด ต่างเขียนกันทำนองนี้ทั้งนั้น หลังจากได้ชมการกลับมาของหนังซุปเปอร์แมน ที่ได้แบรนดอน นักแสดงหน้าใหม่ โนเนม ผู้เคยผ่านงานถ่ายมิวสิกวิดีโอ และงานหนังทีวีมาไม่กี่เรื่อง มารับบทคลาร์ก เคนท์ ที่เคยสร้างชื่อให้ คริสโตเฟอร์ รีฟ มาแล้ว ขณะที่ซุปเปอร์แมน รีเทิร์นส์ มีกำหนดลงโรงฉายที่สหรัฐอเมริกาวันพุธที่ 28 มิถุนายนนี้ แต่บรรดานักวิจารณ์ที่มีโอกาสชมหนังฟอร์มใหญ่ ด้วยทุนสร้างถึง 200 ดอลลาร์ (ราว 7,600 ล้านบาท) ก่อนใคร ต่างชมเปาะถึงเนื้อหาและบทบาทการแสดงของแบรนดอนกันเกรียวกราว ถึงขนาดว่า ในหนังสือ 11 ฉบับ จะมีเขียนวิจารณ์ชื่นชมหนังซุปเปอร์แมนจากฝีมือกำกับฯของไบรอัน ซิงเกอร์ ผู้กำกับฯวัย 46 ถึง 10 ฉบับ!!! แบรนดอนมีก้าวแรกในการก้าวเข้ามารับบทซุปเปอร์แมน ?พระเอกซุปเปอร์ฮีโร่? คล้ายๆ กับคริสโตเฟอร์ รีฟ ที่เริ่มต้นจากผู้กำกับฯต้องการหานักแสดงหน้าใหม่ ไร้ชื่อเสียง มารับบทนี้ และได้เล่นเป็นซุปเปอร์แมนตอนอายุ 26 เท่ากัน ก่อนจะมาได้บทพระเอกซุปเปอร์ฮีโร่ ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกการ์ตูน โลกภาพยนตร์ แบรนดอนเคยตั้งใจอยากเป็นนักเขียน แต่เมื่อได้งานแสดงเล็กๆ น้อยๆ ประปราย เขาก็เริ่มอยากลองเสี่ยงโชคทางการแสดงดูก่อน แล้วถ้าไม่ประสบความสำเร็จจริงๆ ก็ค่อยกลับไปเริ่มต้นเป็นนักเขียนใหม่ โดยตั้งใจจะกลับไปเรียนหนังสือต่อในมหาวิทยาลัย หลังจากที่เขาเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยไอโอวาอยู่ปีหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจออกมาเสี่ยงโชค เอาดีด้านการแสดงที่นิวยอร์ก แล้วย้ายมาที่ลอสแองเจลิส เขาเป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน มีแม่เป็นครู พ่อเป็นช่างไม้ แต่ด้วยความที่พ่อแม่เป็นคนรักดนตรี และเล่นดนตรีเป็นด้วยกันทั้งคู่ ทำให้แบรนดอน ได้ซึมซับความรักในดนตรีมาด้วย เขาเล่นเปียโนได้ เป่าทรัมเป็ต ร้องเพลงก็พอได้ แล้วทำยังไงแบรนดอนจึงไปพิชิตบทซุปเปอร์ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่นี้มาได้ แบรนดอนเล่าว่า เป็นเพราะไบรอัน ผู้กำกับฯ ได้ไปเห็นเทปออดิชั่นที่เขาเคยไปแคสติ้งบทซุปเปอร์แมนไว้ก่อนหน้านั้นกับผู้กำกับคนก่อน แล้วเกิดสะดุดตา จึงเรียกเขามาพบ ?เรานัดพบดื่มกาแฟกันที่ร้านคอฟฟี่ บีน บนถนนซันเซท ใช้เวลาคุยกันประมาณชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่ไบรอันจะออกเดินทางไปตระเวนดูสถานที่ถ่ายทำที่ออสเตรเลีย ซึ่งเขาได้เล่าถึงบทภาพยนตร์ให้ผมฟัง แล้วเราก็ได้พูดคุยกันถึงตัวละครคลาร์ก เคนท์ ในเชิงลึก แล้วก็ประวัติ ความเป็นมาของผม ทำให้เราเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แล้วหลังจากนั้นผมก็ถูกเรียกตัวไปอ่านบทที่ออฟฟิศของวอร์เนอร์ บราเธอร์ 2 ครั้ง จากนั้นผมก็ถูกตามตัวไปเทสต์หน้ากล้อง แต่ผมรู้สึกว่า เหมือนมีผมคนเดียวที่ถูกเรียกไปเทสต์หน้ากล้อง และทีมงานทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ต่างพูดคะยั้นคะยอให้ผมเชื่อมั่นว่า ผมต้องทำได้? แล้วเรื่องนี้ก็มีคำตอบจากปากของไบรอันในเวลาต่อมาว่า เป็นเพราะ ?หลังจากได้พบกัน ผมก็รู้ว่าผมตัดสินใจได้แล้ว? ก่อนจะเล่าว่า หลังจากได้เห็นแบรนดอน เขาก็รู้ว่า เด็กหนุ่มคนนี้คือคลาร์ก เคนท์ ที่เขาต้องการมีส่วนผสมผสานหลายสิ่ง หลายอย่างที่เขาต้องการ ทั้งความนุ่มนวล สุภาพ และความมั่นใจ หลังจากรู้ว่าได้รับเลือกแล้ว แบรนดอนเล่าว่า เขาต้องใช้เวลาออกกำลังกายฟิตหุ่น เพิ่มกล้ามเนื้อภายใต้การควบคุมของเทรนเนอร์อยู่ที่ออสเตรเลียถึง 2 เดือนเต็ม กระทั่งได้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมา 22 ปอนด์ (ราว 13 กิโลกรัม) โดยเขาต้องฝึกเล่นยกตุ้มน้ำหนัก เล่นโยคะ และคาราเต้ พระเอกหนุ่มคนใหม่ของวงการบันเทิงที่ทำท่าจะมาแรง เล่าถึงความรู้สึกต่อการได้รับบทซุปเปอร์แมนว่า ?มีแต่คนมาถามคุณถึงความรู้สึกกดดันที่ต้องเล่นบทนี้ สิ่งที่ผมคิดไว้แต่แรกก็คือ ผมจะไม่ฟังสิ่งเหล่านั้น เพราะมันไม่มีทางที่ผมจะแสดงได้เลยถ้าหากผมมัวแต่คิดกังวลมากไป? เมื่อถูกถามว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อได้สวมชุดซุปเปอร์แมนครั้งแรก แบรนดอนเล่าว่า ?จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับความรู้สึกข้างในของเราล้วนๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไรกับตัวของเราขณะที่เรากำลังสวมชุดนั้นอยู่ เพราะว่าชุดนี้จะดูโดดเด่น สง่างามก็ต่อเมื่อเราสวมมันด้วยความมั่นใจ ซึ่งผมคิดว่า ตอนที่ผมใส่ชุดครั้งแรก ผมยังไม่มีความมั่นใจมาก ผมยังไม่ได้รับการฝึกซ้อม ยังไม่ได้อ่านบท และยังไม่ได้ศึกษาตัวละครนี้มาก แต่ยิ่งนานวันหลังจากได้เข้าใจบท ผ่านการฝึกซ้อมต่างๆ มา ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสวมชุดนี้? แบรนดอนยังเล่าด้วยว่า ระหว่างถ่ายทำไปราวครึ่งเรื่อง เขาเคยได้รับโน้ตจากดาน่า รีฟ ภรรยาของคริสโตเฟอร์ รีฟ เขียนมาให้กำลังใจ และอวยพรให้เขาและทีมงานทำงานนี้สำเร็จด้วยดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาประทับใจมาก เพราะคริสโตเฟอร์ รีฟ ก็คือซุปเปอร์แมนในดวงใจของเขา หลังจากที่เขาเคยดูหนังซุปเปอร์แมนที่รีฟเล่นไว้ เมื่อตอนเขาอายุ 5-6 ขวบ
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์