“เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร จูงมือ “เอ๋” ชญานิศวร์ พิริยศุภกานจน์ เข้าประตูวิวาห์ต้นเดือนมิถุนา ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังใช้ชีวิตร่วมกันกว่าสามปี เผยไม่จดทะเบียนสมรส เพราะเกรงจะสร้างปัญหาเหมือนครั้งก่อน
ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยไปสาธิตการปรุงอาหารและเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งงานแบบฉบับไทยแท้ในงาน Thailand Grand Invitation 2009 ถึงกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียทั้งที พี่ใหญ่ของวงการอย่าง”เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร จึงถือโอกาสจูงมือว่าที่เจ้าสาวคนสวย “เอ๋” ชญานิศวร์ พิริยศุภกานจน์ เข้าสู่ประตูวิวาห์ที่กรุงเวียนนาพร้อมๆ กับคู่รักชาวออสเตรียอีกกว่าสิบหกคู่ ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ทราบข่าวจากทั้งคู่ในงานแถลงข่าวซึ่งแจกแจงให้ฟัง
“จริงๆ แล้ว คือเขาเชิญให้ไปทำอาหารไทยที่กรุงเวียนนา แต่บังเอิญมีเรื่องของการแต่งงานเข้ามาด้วย ทางผู้จัดงานก็เลยบอกเรา ว่าไหนๆ ไปแล้ว เลยให้เราไปเป็นทูตวัฒนธรรมด้วย งานนี้จะมีแต่คู่ทางเวียนนาเขาแต่งกัน แต่ของเราสองคนเป็นคนไทยคู่เดียวที่จะไป ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่ดีงามในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่” นักแสดงรุ่นใหญ่แจกแจง
เมื่อถามว่าเตรียมความพร้อมสำหรับการแต่งงานไปถึงไหนแล้ว เอ๋ (ไพโรจน์) กล่าวว่า ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะอยู่ด้วยกันมา 3-4 ปีแล้ว และเรื่องคดีความกับอดีตภรรยาก็จบลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นอะไรที่ดี ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไร
หันมาถามทางว่าที่เจ้าสาวบ้างว่ารู้สึกอย่างไรบ้างตื่นเต้นไหม ได้คำตอบ ว่าไม่ตื่นเต้นแต่เป็นความรู้สึกดีๆ เพราะถ้าได้แต่งกับคนที่รู้สึกดีหรือรักเขา เราก็จะโอเค
”แต่ว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องแต่งงาน อันนี้เป็นผลพลอยได้ถือเป็นโอกาสไปทำงานแล้วก็มีโอกาสนี้”
ถามต่อว่า จะมีการจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ซึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่บอก ว่าการมีทะเบียนสมรสบางที มันก็เป็นตัวก่อทำให้เกิดปัญหา
”เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราคิดว่าความรู้สึกจริงๆ มันอยู่ที่ใจของเรามากกว่า ถ้ามีคำว่ากฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชีวิตคู่ มันเหมือนเป็นข้อต่อรอง มีทั้งดีและทั้งเสีย เราคิดว่าถ้าเราเอาใจผูกกันไว้ได้มันจะไม่มีอะไรเสีย” นักแสดงรุ่นใหญ่กล่าวสรุป
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์