อยู่วงการเพลงมาหลายปี ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช นักร้องหนุ่มเสียงดี ศิลปินจากค่ายแกรมมี่ เพิ่งทำความฝันเป็นจริง ด้วยการมีคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิต ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจจนยอมหยุดรับงานต่างๆ ท่ามความต๊กกะใจที่ละเลิก “งก” ชั่วคราวก็เป็นด้วย!?!
คอนเสิร์ตรวมมิตรใส่น้ำแข็งเป็นยังไงบ้าง
“มันเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกครับ ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันว่าจะมีการจัดคอนเสิร์ต ชีวิตนักร้องนอกจากจะออกอัลบั้มแล้ว มีงานจ้าง แล้วกระบวนการสุดท้ายของการเป็นอาชีพนักร้องจริงๆคือ การได้มีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง ผมอยู่วงการเพลงมา 6 ปี มันก็เหมือนรอคอยที่จะมีเหมือนกันน่ะ ผู้ใหญ่ก็พูดคุยกันว่าลักษณะการเป็นนักร้องแบบไอซ์มันไม่ใช่แค่ยืนร้องเพลงเพราะๆ ให้คนฟัง ผมไม่ได้เสียงเพราะขนาดนั้นและตรึงทุกคนให้อยู่ได้ตลอดเวลา มันต้องมีอะไรที่วาไรตี้กว่านั้น ทีนี้ความวาไรตี้มันต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องใช้เวลานาน เพราะผมอยากมีเพลงฮิตที่จะร้องในคอนเสิร์ตเป็นของไอซ์เอง แล้วทุกเพลงที่ผมร้องมีคนร้องกลับมามันคือเพลงของผม มานั่งคุยกันจริงๆช่วงกลางปีที่แล้วหลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น”
ส่วนร่วมในคอนเสิร์ต
“ทุกอย่างๆ ฉาก แสง สี เสียง สคริปต์เพลงในคอนเสิร์ตแขกรับเชิญที่มาในงานไอซ์ ที่เห็นมี 5 คนอ่ะ ซึ่ง 5 คนนี้ ค่าตัวก็มากกว่าไอซ์แล้ว (หัวเราะ) แค่แขกรับเชิญ 5 คนมันก็ยิ่งใหญ่แล้ว ความกดดันมันก็มีเยอะขึ้น แต่ผมรอมานานกว่าจะได้มีคอนเสิร์ตครั้งนี้ มันอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากทำเต็มที่ ผมลงทุนมากกับตัวเอง ปกติเป็นคนงกงาน รับงานทุกอย่าง รับงานจ้างเดือนหนึ่งแบบไม่ต่ำกว่า 20 โชว์ เพราะว่ามันก็เป็นรายได้และส่วนหนึ่งมันก็เป็นการจ้าง แต่ว่าทันทีที่บอกว่ามีคอนเสิร์ต ผมหยุดรับงานเพื่อซ้อมคอนเสิร์ต ซึ่งทุกคนตกใจมาก เพราะไอซ์มันไม่เอาเงินอะไรอย่างนี้ (หัวเราะ)”
กลายเป็นเจ้าพ่อเพลงแดนซ์
“ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมไม่มีอะไรเลย ผมไม่เคยเรียนร้องเพลง ผมไม่เคยเรียนเต้น ทุกวันนี้ผมมายืนอยู่จุดตรงนี้ได้มันเกินฝัน คือนักร้องทุกวันนี้เรียนตั้งแต่เด็ก ฝึกกันมา คือกล้าพูดเลย ผมร้องเพลงในโอ่งจริงๆ ผมไม่ได้มีเงินเยอะ เต้นผมก็มาต่อท่าเต้นกับเค้า” ดวงมาไกลเกินฝัน “มากๆ ครับ ตอนนั้นฝันแค่เวทีประกวดเล็กๆ อยากร้องเพลง อยากเป็นนักร้องเพราะว่าเห็นพี่ เจ-เจตรินเต้นบนเวที เป็นคนที่ทำให้เราอยากเดินเข้ามาในวงการ เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งแค่รู้สึกว่าอยากขึ้นไปอยู่บนเวทีแล้วมีคนที่อยู่ข้างล่างร้องเพลงกับเรา ถ้าเราได้มีเพลงของเราจริงๆ แล้วมีคนร้องเพลงเรา”
ไอซ์ก็ดูแลที่บ้านอย่างเต็มที่
“ดูแลกันตามเรื่องตามราว บ้านผมก็เป็นครอบครัวฐานะปานกลาง แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่มีแนวความคิดมาตั้งแต่เล็ก ทุกคนถูกปลูกฝังมาว่าเราจะไม่ก่อหนี้เพราะฉะนั้นเราจะไม่สร้างหนี้ ไม่กู้ยืมมาเพื่อให้เกิดหนี้ เราก็เลยใช้เงินที่เรามีอยู่อย่างพอเพียง ทีนี้คำว่าพอเพียง รายได้ครู พ่อแม่ผมไม่ได้มีรายได้เยอะ ผมนับถือน้ำใจเค้ามาก ตอนผมเป็นเด็กพ่อแม่ผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยแม้แต่ครั้งเดียว วันหนึ่งที่ผมมีตังค์พอจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวได้ ประเทศแรกที่ผมให้ แม่ผมไปคืออเมริกา” กตัญญูทำให้ดวงเฮงตลอด “อืม! ไม่รู้ว่ามันใช่ความกตัญญูรึเปล่านะ แต่ผมอยากจะบอกว่าครอบครัวทุกครอบครัว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาได้ เพราะเลี้ยงดู และการดูแล พ่อแม่ผมดูแลผมดีมาก ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ”
ตอนนี้บ้านที่ซื้อเกือบ 10 ล้านอยู่กับใคร
“ไอซ์อยู่เองครับ ตอนนี้อยู่เองคนเดียวที่กรุงเทพฯ ก็จะมีพี่เลี้ยงดูแลเข้ามาอาทิตย์ละสองครั้ง แต่ผมรับผิดชอบเครื่องในของผมเอง อันนั้นให้เค้าดูแลไม่ได้” อยู่ คนเดียวไม่เหงาเหรอ “เหงาครับ แต่จริงๆ มันไม่ค่อยมีเวลานั้นนะ เพราะกลับไปบ้านก็พยายามออกกำลังกายแล้วมันก็ถึงเวลานอนแล้ว เช้าผมก็ตื่นมาสายๆ ออกไปข้างนอกทุกวัน ถ้าว่างจริงๆ ก็นัดกับเพื่อนที่มหา'ลัย แต่ว่าเพื่อนๆ ทุกคนทำงานชีวิตปกติ เข้างานเลิกงาน ผมชีวิตมันไม่ปกติ” มีไปเที่ยวบ้างมั้ย “ผมเป็นคนไม่เที่ยวกลางคืนเลยเชื่อป่ะ นอกจากไปงานจ้างในผับ ผมไม่เคยเที่ยวกลางคืนเลยไม่ใช่แนว”
ความรักล่ะมันดูไม่โดดเด่น
“มันดูไม่โดดเด่นเลย มันก็มีอยู่ประเด็นเดียว คือมันไม่มีความรักเลย ซึ่งมันไม่มีจริงๆ ผมไม่ได้มันมีแล้วมานั่งพูดว่าไม่มีอะไรอย่างนี้ ผมวางโทรศัพท์ไว้ให้พี่หนึ่งวันเนี่ยก็ไม่มีอะไรดังเลย เพราะผมไม่ได้เจอใคร ผมทำงานเสร็จกลับบ้าน” วันหยุดทำอะไร “ส่วนมากถ้าวันหยุดเลยจะมีเพื่อนสนิทอยู่ประมาณหนึ่ง ขับรถไปพัทยา ไปนั่งหาอะไรกิน บางทีก็ไปดูหนังหรือว่าวัดลานบุญ ตอนแรกคนที่วัดตื่นเต้นกับการไปของไอซ์ ทุกวันนี้ชินเพราะเหมือนเพื่อน ไปปล่อยนกปล่อยปลาแล้วผมก็จะมีเคล็ดของผม ถ้าปล่อยนกทำให้ชีวิตสูงขึ้น สิ่งที่ปล่อยเยอะที่สุดคือหอยขม เพราะเค้าบอกปล่อยหอยขมความรักจะไม่ขม ความรักจะดี ผมอยากมีนะความรัก แต่ไม่มี ผมก็ปล่อยหอยทุกวัน เอ่อเมื่อไหร่จะมีอะไรอย่างเนี้ย (หัวเราะ)”
มีคนคุยๆอยู่มั้ย
“ไม่มี เอาโทรศัพท์ไปเปิดดูเลย อยากมีแต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้ ทุกวันนี้ผมทำงานก็มีเป้าหมายอยากเก็บเงินก่อน เพราะว่าที่ผ่านมาผมทำงานทำเงินก็หมดไปกับอสังหาริมทรัพย์พอสมควร ก่อนหน้านี้ผมก็ทำเพื่อที่บ้านพอสมควร ทั้งบ้าน ทั้งรถของครอบครัว ตอนนี้ผมก็คิดว่าต่อไปต้องเป็นเงินเก็บที่ผมเก็บใช้ อยากมีชีวิตบั้นปลายไม่ต้องทำงานแล้วกินดอกเบี้ย” มีสเปกโดนใจ “มันไม่ได้มองไว้เป็นสเปกครับ ถามใจจริงๆ ก็ชอบคนที่มองแล้วรู้สึกน่ารัก คือพื้นฐานมนุษย์ยังไงก็ชอบคนหน้าตาดี โดนใจ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าต้องขาวหมวยหรือคมเข้ม มันต้องสวยหรือหน้าตาดี แล้วค่อยไปเรียนรู้นิสัยกัน แล้วอีกกรณีนึงคืออาจจะไม่ได้หน้าตาดี แต่การคบหาดูใจกันเค้าอาจจะมีระยะเวลาที่ใกล้ชิดกัน ผมก็มองคนหน้าตาดีเป็นเรื่องปกติ”
อยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียวไม่รู้สึกวังเวงเหรอ
“ผมชอบอยู่คนเดียวนะ ทำอะไรก็ได้ แม่ก็เคยบอกตั้งแต่เด็กแล้วว่าจะเป็นคนเพื่อนเยอะ แต่จะเป็นคนไม่มีคู่หรือมีก็จะไม่ได้อยู่คู่กัน นี่คือพระบอกนะ ก็เชื่อพระ จะได้ไม่ต้องคิดมาก คือเราอยู่มาได้ด้วยตัวเองตั้งหลายปีกับการอยู่คนเดียว มันเลยชิน คือแฟนใครก็อยากมี แต่การชินทำให้รู้สึกว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร” โห! น่าฉงฉานจัง!?!
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์