ครูข่มขืน-ท้อง อนาถป.6 ลูกพลัดตกดับ ( ข่าวทั่วไป )

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 01.00 น. คืนวานนี้ (19 ธ.ค.) ร.ต.อ.ศุภชัย อ่วมประเสริฐ ร้อยเวร สภ.ย่อยตำบลเสม็ด อ.เมืองชลบุรี รับแจ้งมีเด็กทารกเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 102/85 ซอยเยื้องการไฟฟ้าเขต 2 ถนนการเคหะ 1 ชลบุรี หมู่ 2 ต.เสม็ด จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ชลบุรี รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว บริเวณห้องโถงกลางบ้านพบศพ ด.ช.บอย (นามสมมติ) วัย 2 สัปดาห์ นอนตายอยู่บนที่นอน ตรวจสอบพบบาดแผลที่กะโหลกศีรษะด้านหน้ามีรอยยุบ เลือดไหลทะลักออกปากและจมูกเสียชีวิตมาประมาณ 1 ชม. โดยมี ด.ญ.ปู (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ผู้เป็นแม่นั่งร่ำไห้อยู่ข้างๆศพ

ทั้งนี้ ด.ญ.ปูกล่าวให้การว่า ช่วงเกิดเหตุลูกตื่นขึ้นมาร้องไห้โยเยชงนมให้กินก็ยังไม่เงียบ จึงอุ้มขึ้นจากที่นอนจับพาดบ่า แต่เกิดพลาด ทำลูกหล่นจากมือ ศีรษะกระแทกพื้นเต็มแรงแน่นิ่งไป ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นอะไรมากจึงอุ้มเข้าไปวางบนที่นอนตามเดิม แต่เห็นลูกนิ่งเงียบผิดปกติจึงเรียกพี่สาวกับพี่เขยออกมาดูก็พบว่าลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว ด้านแพทย์เวร รพ.ชลบุรีสันนิษฐานว่า สมองน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออายัดศพส่งไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง

ขณะเดียวกัน จากการสอบสวนถึงสาเหตุที่ ด.ญ.ปูมีลูกตั้งแต่อายุน้อยทราบว่า ด.ญ.ปู เดิมเรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ แต่ถูกครูสอนวิชาคณิตศาสตร์และเพื่อนนักเรียนชายบังคับขืนใจจนตั้งครรภ์ แต่ไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวจะถูกทำร้ายและไม่แน่ใจว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง เนื่องจากถูกข่มขืนในเวลาไล่เลี่ยกัน จนกลายเป็นเด็กเก็บกดมีอาการเครียดจัด สุดท้ายต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อเข้ารับการบำบัดทางจิตจากแพทย์

จนกระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ด.ญ.ปูได้คลอด ด.ช.บอยที่ รพ.แห่งหนึ่ง ใน จ.นครสวรรค์ ทางบ้านเกรงว่าอาการเครียดอาจจะกำเริบขึ้นมาอีก เนื่องจากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ จึงตัดสินใจส่ง ด.ญ.ปูให้มาพักอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของพี่เขยกับพี่สาวให้ช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ช่วงกลางคืนจะปล่อยให้ 2 แม่ลูกนอนอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ตัวพี่สาวกับพี่เขยแยกเข้าไปพักอยู่อีกห้องด้านใน เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหากับ ด.ญ.ปู เพราะต้องรอผลการผ่าพิสูจน์ศพอย่างเป็นทางการก่อน รวมจะต้องเชิญตัวไปสอบปากคำต่อหน้าพนักงานอัยการ นักประชาสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเยาวชน หากพบว่ากระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ก็จะแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีในภายหลังต่อไป

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์