แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

ได้แล้ว200 ชื่อ สมัชชาฯโวยลั่น ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : ได้แล้ว200 ชื่อ สมัชชาฯโวยลั่น

เปิดผลสมัชชาแห่งชาติ โหวตเลือกกันเอง 200 คน เข้ารอบเป็นส.ส.ร. สูงสุดได้ 55 คะแนน ต่ำสุดแค่ 7 สมาชิกกลุ่มที่สอบตกโวยขั้นตอนลงคะแนนไม่โปร่งใส เปิดให้ใช้สิทธิ์กาบัตรก่อนเวลา เตรียมเข้าชื่อยื่นร้องศาลปกครองให้เป็นโมฆะ ?มีชัย?มั่นใจไม่มีบล็อกโหวต เพราะได้ตัวแทนครบทุกภาคส่วน บอกถ้าใครมีหลักฐานการบล็อกโหวตให้ส่งมา จะเสนอให้คมช.ตัดชื่อทิ้งทันที ?สนธิ?ตอกกลับ?ทนายแม้ว? ยืนยันไม่เคยวิ่งเต้นเก้าอี้ผบ.ทบ. ?จาตุรนต์?ดับเครื่องชนประธานคมช. ชี้นำการตรวจสอบทุจริต และร่างรัฐธรรมนูญ เผยคตส.ส่งหนังสือถึง?โอ๊ค-เอม? เรียกชี้แจงกรณีแอมเพิลริช ส่วนกรณีที่ดินของคุณหญิงอ้อ เสียงยังแตกเรื่องตั้งอนุกรรมการไต่สวน

สมัชชาฯวุ่น-กาบัตรล่วงหน้า

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่หอประชุมกองทัพเรือ มีการการประชุมสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ จำนวน 1,982 คน เพื่อลงคะแนนเลือกกันเองให้เหลือ 200 คน ก่อนส่งให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) คัดเลือกเหลือ 100 คน เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทั้งนี้ คมช.ส่งเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คน มาสังเกตการณ์การลงคะแนน โดยมีเจ้าหน้าที่ได้แจกบัตรลงคะแนน พร้อมดินสอ 2 บี และยางลบให้กับสมาชิกก่อนเริ่มประชุม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าบางคนได้กากบาทบัตรลงคะแนนไว้ล่วงหน้า

ก่อนนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสมัชชาแห่งชาติ จะเดินเข้าห้องประชุม นายอมร วาณิชวิวัฒน์ สมาชิกสมัชชาฯ ร้องเรียนว่ามีสมาชิกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ลงคะแนนก่อนเวลาที่กำหนดไว้ อาจนำไปสู่การทุจริตบล็อกโหวต หากเป็นไปได้ประธานควรประกาศให้เป็นโมฆะ หรือยกเลิกการลงคะแนนที่กาบัตรล่วงหน้า หลังจากทราบเรื่อง นายมีชัยได้สอบถามผู้สื่อข่าวว่าจริงหรือไม่ และมีใครสามารถถ่ายรูปสมาชิกที่ลงคะแนนล่วงหน้าได้บ้าง เมื่อมีผู้สื่อข่าวและช่างภาพยืนยันว่าถ่ายภาพไว้ได้ นายมีชัยถึงกับมีสีหน้าเคร่งเครียด และเดินเข้าห้องประชุมไปหารือกับพล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ และน.ส.พจนีย์ ธนวรานิช รองประธานสมัชชาแห่งชาติ และนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสมัชชาแห่งชาติ อย่างเคร่งเครียดนานกว่า 15 นาที

?มีชัย?ลุยต่อ-คัดชื่อทิ้งทีหลัง

นายมีชัยแจ้งต่อที่ประชุมว่า อาจเป็นความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ที่แจกบัตรลงคะแนนพร้อมกับดินสอและยางลบให้กับสมาชิก แทนที่จะจัดอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ที่คูหา สมาชิกบางคนก็ใจร้อน เมื่อรับบัตรแล้วก็นำไปลงคะแนนทันที และเวลากาบัตรก็ได้ปรึกษาหารือร่วมกัน ภาพดังกล่าวอาจจะไม่สวยงามนัก เพราะมีคนบอกว่ามีการรวบรวมใบลงคะแนนเอาไว้เป็นปึก แต่ยังไม่มีภาพเป็นหลักฐาน หากใครมีภาพขอให้นำมามอบให้กับนายพิทูร เพื่อแจ้งชื่อบุคคลดังกล่าวไปยังคมช. เพื่อคัดชื่อออกในขั้นตอนการคัดเลือกเหลือ 100 คน เพราะถ้าไม่สุจริตแต่แรกแล้วปล่อยให้เข้าไปทำงานก็จะไม่สุจริต จึงอยากทราบว่ามีสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมได้กาบัตรลงคะแนนไปก่อนหน้าจำนวนเท่าใดด้วยการยกมือขึ้น ปรากฏว่ามีสมาชิกที่ใช้สิทธิ์ลงคะแนนล่วงหน้าจำนวนน้อยกว่าสมาชิกที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์ นายมีชัยจึงตัดสินใจให้ดำเนินการต่อไป

หลังการชี้แจงของนายมีชัย สมาชิกที่ยังไม่ได้ลงคะแนนได้ทยอยเดินออกมาใช้สิทธิ์ในคูหานอกห้องประชุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ทั้งหมด 271 คูหา ขณะที่สมาชิกซึ่งใช้ดินสอฝนลงคะแนนไปก่อนแล้ว นายมีชัยสั่งให้นั่งอยู่กับที่ แต่มีบางส่วนที่ออกมาต่อแถวเพื่อนำบัตรไปหย่อนในหีบบัตรที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้จำนวน 10 ใบ การลงคะแนนใช้เวลานาน 1 ชั่วโมง ปิดการลงคะแนนเวลา 10.30 น. มีผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 1,915 คน แต่ใช้สิทธิ์ลงคะแนน 1,911 คนแบ่งเป็นรายภาคคือ ภาครัฐ 555 คน ภาคเอกชน 538 คน ภาคสังคม 516 คน และภาควิชาการ 306 คน

สมาชิกโวยลั่น?ไม่โปร่งใส?

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะกำลังเริ่มตรวจสอบบัตรลงคะแนน นายมานพ สะโรจน์ สมาชิกสมัชชาฯได้เดินไปหน้าเวทีพร้อมกล่าวกับนายมีชัยด้วยความไม่พอใจว่า ?ผมขอตำหนิการทำงานของนายมีชัย ที่ทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการลงคะแนน?

นายมีชัยให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ให้เดินหน้าลงคะแนนโดยไม่ได้เรียกเก็บบัตรที่ลงคะแนนล่วงหน้าไปก่อน เพราะบัตรมีจำนวนจำกัด หากจะเลื่อนการลงคะแนนออกไปเพื่อพิมพ์บัตรใหม่ไม่สามารถทำได้ ต้องใช้เวลาพิมพ์บัตรใหม่อย่างน้อย 2-3 วัน ที่สำคัญอายุของสมาชิกสมัชชาแห่งชาติมีเพียง 7 วัน และเท่าที่ดูมีบัตรที่กาล่วงหน้าไม่มาก จึงตัดสินใจลงคะแนนต่อไป เท่าที่ดูขั้นตอนการเลือกเป็นไปด้วยความโปร่งใส แต่หากมีหลักฐานใครทุจริตจะไปคัดชื่อออกตอน คมช.เลือกให้เหลือ 100 คน ส่วนการร้องเรียนของสมาชิกไม่ทำให้การเลือกครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะตามประกาศสมัชชาแห่งชาติระบุว่าห้ามมิให้มีการคัดค้านผลการนับคะแนน

ผู้สื่อข่าวถามว่าระยะเวลาการตรวจสอบหาผู้ที่มีพฤติกรรมทุจริตในครั้งนี้จะใช้เวลากี่วัน นายมีชัย กล่าวว่า ควรต้องทำให้เร็วที่สุด เนื่องจากขั้นตอนการคัดเลือกของคมช.มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ดังนั้น หากใครมีรูปถ่ายหรือบันทึกภาพเอาไว้ขอให้ส่งที่เลขาธิการสมัชชาฯ ทันที จะได้ส่งรายชื่อไปยังคมช.เพื่อคัดออก

เตรียมล่ารายชื่อยื่นทบทวน

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช จเรทหารทั่วไป สมาชิกสมัชชาฯ กล่าวว่า การลงคะแนนอาจดูสับสนไปบ้าง เพราะมีสมาชิกจำนวนมาก แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่มาด้วยความตั้งใจและลงคะแนนด้วยตัวเอง สภาฯก็พยายามจัดการด้วยความตั้งใจดี แต่ไม่มีข้อมูลว่าใครช่วยใครในการลงคะแนนบ้าง อาจจะมีการช่วยเพื่อนสมาชิกฝนดินสอลงคะแนนก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะวิธีการลงคะแนนดูยากเหมือนกัน แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดการสวิงของคะแนนมากมาย

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สมาชิกสมัชชาฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปล่อยให้รับบัตรและดินสอก่อนเวลา ถือว่าผิดวิธีการเลือกตั้ง คูหาลงคะแนนบางคูหาก็จัดให้หันเข้าหาทางเดิน ทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปมามองเห็นว่าลงคะแนนให้ใครบ้าง ซ้ำรอยกับการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดที่แล้ว ถูกตัดสินว่าจัดการเลือกตั้งโดยมิชอบ ภาพรวมของการลงคะแนนวันนี้ เห็นว่าง่ายและรวบรัดเกินไปจึงเกิดปัญหาขึ้น วิธีการลงคะแนนและการนับคะแนนก็ไม่ทราบว่าถูกต้องโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามถ้าเกิดปัญหาตามมา ประธานสมัชชาฯ ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้กำหนดวิธีการคัดเลือกเพียงคนเดียว และแม้ระเบียบการคัดเลือกจะระบุห้ามสมาชิกทักท้วงหลังจากลงคะแนนแล้ว แต่สมาชิกยังเหลือเวลาในการทำหน้าที่อีก 5 วัน ดังนั้น จะรวบรวมรายชื่อสมาชิกเพื่อทำหนังสือถึงประธานสมัชชาฯ ขอให้ทบทวนกระบวนการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าไม่ทบทวนก็อย่ามาอ้างว่าจะเป็นสมัชชาของประชาชน

?กล้านรงค์-สดศรี?มึนขั้นตอน

นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. สมาชิกสมัชชาฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกิดปัญหาว่า เป็นเพราะไม่มีการควบคุม ปล่อยให้สมาชิกหยิบใบลงคะแนนกี่ใบก็ได้ อยากถามว่าที่สุดแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีการลงคะแนนกันกี่ใบ เพราะมีสมาชิกบางส่วนยืนจับกลุ่มกัน หรือมีสมาชิกย้อนกลับไปลงคะแนนในคูหาซ้ำอีกหรือไม่ การลงคะแนนแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าถือเป็นความหละหลวมของฝ่ายจัดการหรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ไม่พูดว่าหละหลวมหรือไม่ แต่คนที่จัดการเรื่องนี้ต้องคิดวิเคราะห์ เพราะการจัดการเรื่องของคนราว 2,000 คนไม่ใช่เรื่องเล็ก มีบางคนที่ไม่ทราบไปลงคะแนนก่อน หลายคนมารุมดูการลงคะแนน เมื่อเป็นเช่นนี้จะแก้ได้อย่างไร

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ในฐานะสมาชิกสมัชชาฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นายมีชัย แจ้งว่าอุปกรณ์ต่างๆ จะอยู่ที่คูหาเลือกตั้ง ในฐานะกกต.จึงรู้สึกแปลกใจที่ได้บัตรลงคะแนนพร้อมดินสอและยางลบ และทราบจากผู้สื่อข่าวว่ามีการฝนคะแนนแล้ว จึงสงสัยตรงนี้น่าจะผิดพลาด เพราะการเลือกตั้งโดยทั่วไปไม่ทำเช่นนี้ ต้องไปลงคะแนนที่คูหา แต่ขึ้นอยู่กับนายมีชัยจะวินิจฉัยอย่างไร ทั้งนี้ ภารกิจในการร่างรัฐธรรมนูญเป็นภารกิจเร่งด่วน ล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้ สมาชิกจำนวน 1,982 คน คงใช้เวลาเลือกไม่นาน

เปิดผลอันดับ1ได้55คะแนน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.30 น. นายมีชัย สั่งปิดการลงคะแนน รวมมีผู้ลงคะแนนทั้งสิ้น 1,911 คน และนายมีชัย ได้ตั้งคณะกรรมการนับคะแนนจากกลุ่มต่างๆ ตามประกาศสมัชชาแห่งชาติ ข้อ 17 โดยคณะกรรมการนำบัตรในแต่ละหีบมารวมกัน และตรวจสอบว่าในซองใส่บัตรมีบัตรมากกว่า 1 ใบหรือไม่ จากนั้นนำบัตรเข้าเครื่องอ่านเพื่อรวมคะแนน พบว่าบางใบลงคะแนนไม่ครบ 3 หมายเลข บางใบเครื่องอ่านได้ไม่ครบทั้ง 3 หมายเลข สมาชิกได้จับกลุ่มติดตามการนับคะแนน ซึ่งมีการถ่ายทอดผ่านทีวีวงจรปิด โดยนายการุณ ใสงาม กล่าวว่า หมายเลขแรกที่มีการระบายไว้เป็นหมายเลขของสมาชิกที่ลงคะแนนในบัตรนั้น ส่วนอีก 2 หมายเลขเป็นหมายเลขที่บล็อกไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบว่าสมาชิกคนนั้นลงคะแนนตามโผหรือไม่

หลังจากใช้เวลานับคะแนนนานครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่า นายโอกาส เตพละกุล ตัวแทนจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คะแนนสูงสุด เป็นลำดับแรก 55 คะแนน นายโอกาส เป็นประธานคณะกรรมการภาคเอกชน วปรอ. 4212 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. ลำดับ 2 คือ นางภรณี ลีนุตพงษ์ จากภาคเอกชน ได้ 51 คะแนน นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล ภาคสังคม 50 คะแนน มาเป็นลำดับ 3 นายทวี เตชะธีราวัฒน์ ภาคสังคม 47 คะแนน ได้เป็นลำดับ 4 จากนั้นคะแนนได้ไล่เรียงกันมาจนถึงอันดับที่ 184 คือ นายเอกพร โฆษะครรชิต จากภาคเอกชน ได้ 8 คะแนน

เผยสัดส่วนโควตาแต่ละภาค

ส่วนในลำดับที่ 185-221 รวม 37 คน มี 7 คะแนนเท่ากัน จึงต้องใช้วิธีจับสลาก เพื่อคัดออก 21 คน ให้ได้จำนวนรวม 200 คน ทั้งนี้ในจำนวน 200 ที่ได้รับเลือก แยกเป็นสมาชิกภาครัฐ 74 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 574 คน ภาคเอกชน 54 คน จากทั้งสิ้น 545 คน ภาคสังคม 38 คน จาก 538 คน และภาควิชาการ 34 คน จาก 325 คน มีบัตรเสียทั้งหมด 7 ใบ (อ่านรายชื่อในล้อมกรอบ)

นายมีชัยให้สัมภาษณ์ว่า น่าพอใจ เมื่อดูจากจำนวนที่ได้มาก็เฉลี่ยจากแต่ละภาคมาทุกภาค ตามจำนวนคน ภาคที่มีคนมากก็ได้มาก ภาคที่มีคนน้อยก็ได้น้อย คะแนนก็ไม่ได้มีมากมาย ไม่น่ามีอะไรผิดสังเกต ไม่น่ามีอะไรที่ไม่สุจริต ตนจะส่งบัญชีรายชื่อให้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. ในวันเดียวกันนี้ ซึ่งไม่มีกรอบเวลาว่าจะพิจารณากี่วัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าตั้งคูหาเลือกตั้งไม่โปร่งใส นายมีชัยกล่าวว่า ต้องการความทึบ จะใสได้อย่างไร ส่วนที่ว่ามีคนเดินเข้าออกคูหาได้นั้น จะให้ทำอย่างไรได้ สถานที่เป็นอย่างนี้ เมื่อถามว่ามีการนำหลักฐานภาพถ่ายการกาคะแนนก่อนเวลาจำนวนมากมาเปิดเผยแล้ว นายมีชัยกล่าวว่า ยังไม่เห็น รออยู่ หากส่งมาจะได้ดูว่าเป็นใคร และเสนอคมช. ถ้าคนนั้นได้รับเลือกก็ตัดออก เมื่อถามว่ามีสมาชิกจะนำเรื่องไปฟ้องต่อศาลปกครอง นายมีชัยกล่าวว่า ไม่เห็นมี ถ้าจะไปฟ้องคงไปห้ามไม่ได้ เมื่อเลย 7 วันตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ สมัชชาแห่งชาติก็สิ้นสุดแล้ว จริงๆ ปัญหามีอยู่เพียงว่าเขาได้ดินสอไปแล้วกาก่อนที่จะเข้าคูหา ก็ไม่มีอะไรตรงไหนห้ามไว้

ยันใสแจ๋ว-ไม่มีบล็อกโหวต

ผู้สื่อข่าวถามว่าถือว่าไม่โปร่งใสหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า มันใสเกินไป คือเราไม่อยากให้ใครดู แล้วไปกาให้คนดู แจ๋วๆ กันเลย เมื่อถามว่ายืนยันได้ว่า 200 คน ที่ได้รับเลือกไม่มีการบล็อกโหวต นายมีชัยกล่าวว่า ก็ยังไม่เห็นมีใครมาบอกว่าบล็อกโหวต ดูคะแนนแล้วก็ไม่น่าจะบล็อก จะบล็อกกันอย่างไร นายการุณ ใสงาม ก็ได้รับเลือกเข้ามา ลองไปถามนายการุณว่าบล็อกโหวตอย่างไร คนที่มีชื่อเสียงที่คิดว่าจะได้ก็ได้มาทั้งนั้น คนเหล่านั้นก็น่าเชื่อว่าสุจริต

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้โปร่งใสหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า มันใสเกินไป เขาบอกให้ไปกาในคูหา ดันมากาให้คนเห็น ผู้สื่อข่าวถามว่าจะขัดต่อหลักการลงคะแนนโดยลับหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ในระเบียบไม่ได้บอกให้ลงคะแนนโดยลับ บอกแต่ให้ไปลงคะแนนในคูหา เมื่อถามว่าไม่กาในคูหาถือว่าผิดหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า จะว่าผิดก็ไม่เชิง บางคนอาจกาข้างนอก ขี้เกียจไปเบียด ถ้าถามว่าตั้งใจเป็นอย่างนี้หรือไม่ ก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องการให้ทำอย่างนี้ แต่ทำไปแล้วและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่ามีสมาชิกระบุว่า ความผิดพลาดในการเลือกกันเอง เพราะสมาชิกไม่มีโอกาสได้เสนอความคิดเห็น นายมีชัยกล่าวว่า ไม่ได้ คือถ้าเสนอป่านนี้ยังไม่ได้ไปเลือก เมื่อถามว่ามองว่าเป็นความผิดพลาดของใคร นายมีชัยกล่าวว่า อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเอาดินสอไปแจก ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยกาไปก่อน

กลุ่มสอบตกขู่ยื่นร้องศาลปค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายมีชัยให้สัมภาษณ์นั้น นายเพรียวพงศ์ เจริญวิริยภาพ สมาชิกสมัชชาฯ ที่ไม่ได้รับคัดเลือก ได้ยื่นหนังสือให้นายมีชัย เพื่อคัดค้านผลคะแนน และให้ยับยั้งจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าการลงคะแนนครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและโปร่งใส

นายเพรียวพงศ์ให้สัมภาษณ์ว่า การลงคะแนนครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่มิชอบ เพราะไม่มีการประชุมเกิดขึ้น ตนและเพื่อนสมาชิกอีก 30 กว่าคน จึงร่วมกันลงชื่อยื่นหนังสือคัดค้านเพื่อให้นายมีชัยพิจารณา และถ้าไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาภายในวันที่ 18 ธ.ค. จะไปยื่นหนังสือต่อพล.อ.สนธิ และหากพล.อ.สนธิ ไม่ดำเนินการใดๆ พวกตนเตรียมจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องศาลปกครองต่อไป เพื่อให้การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ และจะขอให้ศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับผลการเลือกส.ส.ร.

นายอมร วาณิชวิวัฒน์ สมาชิกสมัชชาฯ ภาควิชาการ หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อคัดค้านการคัดเลือก กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวระบุว่าเมื่อได้คัดเลือกส.ส.ร.แล้ว ให้สมัชชาแห่งชาติเป็นอันสิ้นสุดลง ตนและเพื่อนสมาชิกที่ร่วมคัดค้านการคัดเลือกดังกล่าวจึงจะขอไปปรึกษาหารือในแง่ข้อกฎหมายก่อน เพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องร้องศาลปกครองได้หรือไม่

เผยรายชื่อคนดังแต่ละสาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า การลงคะแนนเลือกกันเองของสมาชิกสมัชชาฯ ให้เหลือ 200 คน นั้น มีสมาชิกที่ได้ 0 คะแนน ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ลงคะแนนเลือกตัวเอง จำนวนมากถึง 585 คน

ในส่วนของผู้ที่ได้รับเลือก 200 คน แยกเป็นจากภาครัฐ 74 คน ภาคเอกชน 54 คน ภาคสังคม 38 คน และภาควิชาการ 34 คนนั้น มีบุคคลที่น่าสนใจในส่วนของภาครัฐ อาทิ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช จเรทหารทั่วไป นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. พล.ต.อ.มีชัย นุกูลกิจ อดีตส.ว.นครศรีธรรมราช พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตกกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชัย ฤชุพันธุ์ คณะกรรมการกฤษฎีกา น้องชายนายมีชัย ฤชุพันธุ์ นางสดศรี สัตยธรรม กกต. นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนฯ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร

ส่วนภาคเอกชนที่น่าสนใจ อาทิ นางภรณี ลีนุตพงษ์ นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมการปกครอง นายสุรพล นาคนคร อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี นางอังคณา นีละไพจิตร ภริยานายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี อดีตส.ว. นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ นักจัดรายการโทรทัศน์ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม กรรมการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

?ครูหยุย?ติงคมช.เลือกถ่วงดุล

ภาคสังคมที่น่าสนใจ อาทิ นายทวี เตชะธีราวัฒน์ นายการุณ ใสงาม อดีตส.ว นายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ที่ปรึกษาเครือมติชน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย พิธีกร นายเกริกเกียรติ พิพัฒนเสรีธรรม อดีตกรรมการป.ป.ช. นายสรรพกิจ ปรีชาชนะชัย อดีตส.ว. นายอภิชาติ ดำดี พิธีกร และพล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร

สายวิชาการ ได้แก่ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อจ.นิติศาสตร์ มธ. นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตส.ว. นายนรนิติ เศรษฐบุตร อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าฯ นายเดโช สวนานนท์ อดีตส.ส.ร. นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณบดีรัฐศาสตร์ มธ. นายคมสัน โพธิคง อจ.นิติศาสตร์ สุโขทัยธรรมาธิราช นายอรัญ ธรรมโน อดีตส.ส.ร. นายนิวัฒน์ พ้นชั่ว อดีตส.ว. นายนุรักษ์ มาประณีต ตุลาการรัฐธรรมนูญ นายกิติรัตน์ ณ ระนอง อดีตเลขาธิการก.ล.ต. นายจรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และนายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า เท่าที่ดูรายชื่อมีภาคราชการค่อนข้างมาก ไม่ได้สัดส่วนที่เท่าๆ กัน ดังนั้น คมช.ที่จะเลือกให้เหลือ 100 คน ให้เลือกสัดส่วนแต่ละภาคให้เท่าๆ กัน ถ้าหากเลือกภาคราชการเข้าไปเยอะก็จะถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลครอบงำ หรือถ้าภาคเอกชนมากจะถูกมองว่าเอื้อธุรกิจ ส่วนภาควิชาการและภาคสังคม ซึ่งเป็นคนที่ทำงานและอยู่ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีใครรู้จัก ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมด้วย

?ป๋า?ชี้ประชาชนจับตารัฐบาล

พล.ร.ต.พิศิษฐ์ กลิ่นเฟื่อง สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ โฆษกเตรียมทหารรุ่น 10 กล่าวถึงการถูกมองว่า สาเหตุที่ไม่ได้รับเลือกเป็นผู้สมควรเป็นส.ส.ร. อาจจะเป็นเพราะอยู่รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่ค่อยคิดอะไรมาก เพราะเข้ามาไม่ได้คิดว่าต้องไปสู้กับใคร ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับเข้ามาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง พล.ร.ต.พิศิษฐ์ กล่าวว่า คนไทยพอถึงระยะเวลาหนึ่งกระแสต่างๆ จะเบาลง และคิดว่าอดีตนายกฯ คงต้องคิดถึงความมั่นคงของชาติ คิดว่าหากกลับมาคงไม่ทำอะไร อยู่สบายๆ ดีกว่า เพราะทุกอย่างเคยผ่าน เคยเป็นมาหมดแล้ว คงต้องทำอะไรเพื่อส่วนรวม แต่ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณอาจมีความคิดที่เร็ว แรง อาจไม่ตรงกับความต้องการของสังคม

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวในงาน ?ชิน โสภณพนิช อนุสรณ์? ครั้งที่ 8 ประจำปี?49 ว่า ประเทศไทยเป็นที่รักของทุกคน คนไทยต้องรักกัน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หลายภาคส่วนเรียกรัฐบาลชุดนี้ว่าเป็นรัฐบาลคนแก่ รัฐบาลขิงแก่ จะเรียกอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย คนไทยยังเฝ้ามองรัฐบาลชุดนี้อย่างใจจดใจจ่อว่าจะบริหารประเทศดีหรือไม่ดี เก่งหรือไม่เก่ง จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้คงจะทำงานด้วยความบริสุทธิ์ และตั้งมั่นเพราะประชาชนฝากความหวังไว้ ให้มาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ถือเป็นภาระที่จะต้องเร่งแก้และวางแผนให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเร็ว ส่วนจะบรรลุได้มากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม

?สนธิ?ตอกกลับ?ทนายแม้ว?

หลังจากที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงตอบโต้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. กรณีเด็กเลี้ยงแกะ ระบุพ.ต.ท.ทักษิณฝากมาบอกขอให้พล.อ.สนธิ นึกถึงความสัมพันธ์ที่ดี ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน อยากจะให้จำวันที่พล.อ.สนธิเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่บ้านพิษณุโลก ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. นั้น

วันเดียวกันนี้ ที่บก.ทบ. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปกติตนเป็นคนไม่ลืมบุญคุณคน แต่ต้องฝากขอบคุณพ.ต.ท.ด้วย แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ความสำคัญของชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องที่เราต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการขอตำแหน่งผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปกติตนไม่ได้วิ่งเต้นอยู่แล้ว แต่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณก็ได้กรุณาแต่งตั้ง และนำรายชื่อทั้งหมดไปทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่าการพูดเช่นนี้เป็นการทวงบุญคุณ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เห็นพูดผ่านมาทางทนายความ แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของคนไทย เมื่อถามว่าจำเป็นต้องโทรศัพท์ทำความเข้าใจกันหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ต้อง ถ้าเราอ่านดีๆ ก็ต้องตีความกันใหม่ เพราะบางคนบอกว่าตนไม่รู้กฎหมาย ความจริงแล้วตนไม่ได้เป็นคนเขียน นักกฎหมายเป็นคนเขียน ตนอ่านอย่างเดียว สิ่งที่ทำทั้งหมดนักกฎหมายเป็นคนเขียนให้ ฉะนั้นถือว่าผู้เขียนเป็นผู้รู้ ตนเพียงนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาและนำมาใช้ประโยชน์

ใช้กฎหมายฟัน?เด็กเลี้ยงแกะ?

ส่วนที่ข้อความส่อเสียดว่าอดีตนายกฯเป็นเด็กเลี้ยงแกะ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ต้องอ่านและเข้าใจความหมายว่าเราเปรียบเทียบว่าในหมู่บ้านหนึ่งมีเด็กซึ่งไปหลอกลวงชาวบ้าน ถ้าเราได้เคยอ่านเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ ชาวบ้านก็ขับไล่ หมายถึงเป็นนิทานเรื่องหนึ่ง แต่ในข้อเท็จจริงเราพูดถึง 2 เหตุการณ์ เราพูดถึงคำพูดของอดีตนายกฯ มีการเปลี่ยนแปลง ที่ทำให้ประชาชน 64 ล้านคนที่ฟังอยู่เท่านั้น เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริงและความถูกต้อง พล.อ.สนธิกล่าวว่า ถือเป็นหลัก ทางคณะปฏิรูปการปกครองฯ รวมถึงคมช. ยึดหลักของกฎหมายมาเป็นตัวตั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบข้อถามถึงกรณีพล.อ.สนธิ ยังคงออกมาตอบโต้กับพ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ตามที่รัฐบาลต้องการได้หรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่ คมช.ดำเนินการตามแนวทางของเขา รัฐบาลต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในทุกส่วน ไม่ใช่เฉพาะการเมือง ที่ผ่านมารัฐบาลก็เปิดเวทีให้ทุกคนแสดงความเห็นโดยไม่จำกัด ดังนั้น แม้จะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องมาตะโกนโจมตีกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการเห็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ภายในระยะเวลา 1 ปี รัฐบาลยืนยันแนวทางสมานฉันท์ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจบ้าง

รัฐบาลเตรียมโชว์ผลงาน3เดือน

เมื่อถามว่า พล.อ.สนธิระบุว่าการทำตามเจตนารมณ์ 4 ข้อในการยึดอำนาจเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ถือเป็นการโยนภาระหรือไม่ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่หลักอยู่แล้วที่จะดำเนินการตามวาระทั้ง 4 ประการ คมช.ก็จะช่วยในเรื่องความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลถือเป็นหลักทั้งการสร้างความสมานฉันท์ การสร้างหลักนิติธรรมให้แข็งแกร่ง การปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมือง โดยรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินนโยบายรัฐบาลหลังทำงานครบ 3 เดือนว่า รัฐบาลจะรวบรวมผลงาน 3 เดือนที่ผ่านมา ในช่วงปลายเดือนนี้ และประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ อาทิ การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 การสร้างความสมานฉันท์เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกทางการเมือง ที่ได้เริ่มพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับฝ่ายการเมือง การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งนายกฯ ได้เน้นแนวทางสันติวิธีและได้เดินหน้าแก้ไขไปแล้ว

เข้าให้ข้อมูลบี้ทรัพย์สิน?แอ้ด?

เวลา 13.00 น. ที่ฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน สำนักงานป.ป.ช. นายสุดชาย บุญไชย แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เข้าให้ข้อมูลนานกว่า 4 ช.ม. กรณียื่นให้ป.ป.ช. ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพล.อ.สุรยุทธ์ และภริยา ข้อหาร่ำรวยผิดปกติ

จากนั้นนายสุดชายเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำเพิ่มเติมว่าตนพบการได้มาซึ่งทรัพย์สินของนายกฯและภริยาได้อย่างไร ซึ่งมอบเอกสารให้ 7 ชุด ส่วนใหญ่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯและภริยา โดยเฉพาะคำให้สัมภาษณ์ของพ.อ.หญิงคุณหญิงจิตรวดี เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2542 ที่ระบุว่า ลูกชายไม่ต้องการเป็นทหาร เพราะเห็นพ่อแม่เป็นทหารแล้วยากจน จึงค่อนข้างชัดเจนว่าถ้ายากจนจริงก็ไม่น่าจะมีทรัพย์สินมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเครื่องเพชรมีถึง 14 ล้านบาท เงินฝากธนาคาร เงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และทรัพย์สินอื่นรวม 30 ล้านบาท จึงอยากให้นายกฯ แถลงที่มาของทรัพย์สินเหล่านี้ด้วย

นายสุดชายกล่าวว่า สิ่งที่ตนติดใจคือที่ดินอ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ดินบนภูเขา การจะได้มาครอบครองต้องมีระเบียบชัดเจน คือต้องเป็นเกษตรกร และผู้ครอบครองที่ดินในภูมิลำเนานั้น แต่ขณะนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้เป็นเกษตรกร และไม่ใช่คนพื้นเพ แล้วจะได้ที่ดินดังกล่าวมาได้อย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อปี 46 มีที่ดินที่จ.นครราชสีมา จำนวน 5 ไร่ แต่ผ่านไปแค่ 3 ปีทำไมเพิ่มเป็น 21 ไร่

ยื่นสตง.สอบ?งบลับ?ทหาร

นายสุดชายกล่าวว่า คำพูดในเวทีปาฐกถาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ระบุว่ามีหัวหน้าพรรคการเมืองนำเงินใส่กระเป๋ามาให้ แล้วพล.อ.สุรยุทธ์ตอบไปว่าถ้าจะไปแจกที่อื่นก็ไม่ว่า แต่ตัวเองไม่ขอรับเงินดังกล่าว การเป็นแม่ทัพภาค 2 ย่อมต้องทราบดีว่าการใช้เงินซื้อเสียงนั้นไม่ถูกต้อง แต่ทำไมกลับไม่ห้าม หนำซ้ำยังบอกว่าถ้าไปแจกที่อื่นก็ไม่ว่า จึงอยากให้ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องนี้ว่า สมัยที่พล.อ.สุรยุทธ์เป็นแม่ทัพภาค 2 ว่ามีผลประโยชน์อะไรหรือไม่

นายสุดชายกล่าวต่อว่า เบื้องต้นป.ป.ช.ยังไม่ขอข้อมูลเพิ่ม แต่จะสรุปการให้ข้อมูลของตนเสนอต่อป.ป.ช.อีกครั้ง และตนยังออกแถลงการณ์ว่า ไม่ได้โกรธเกลียดพล.อ.สุรยุทธ์ แต่ผลจากการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินอาจจะทำให้เกิดความเปรียบเทียบ จึงอยากให้ชี้แจงเพื่อความโปร่งใส ตนจะขอทำหน้าที่เสมือนฝ่ายค้าน หรือผู้ตรวจสอบภาคประชาชน เพราะพรรคการเมืองดำเนินการไม่ได้ และขอเป็นไม้ตีสุนัขที่จะมากัดมาแทะประชาชน โดยวันที่ 19 ธ.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือต่อคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสตง. ให้ตรวจสอบการใช้งบลับของทหารหลังการยึดอำนาจ เพราะมีข่าวออกมาว่ามีงบลับถูกเบิกจ่ายหลังวันที่ 19 ก.ย.ประมาณ 1 พันล้านบาท

ฮึ่มฟันตร.ละเมิดม็อบไล่แม้ว

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการจับกุมผู้ทำร้ายประชาชนที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ในระหว่างเหตุการณ์ชุมนุมขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าคณะอนุกรรมการได้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.อ.ฤทธิรงค์แล้ว เนื่องจากเห็นว่าการนำประชาชนไปทำประวัติโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาถือเป็นการละเมิดสิทธิ และเป็นสิ่งน่ากลัวหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการเช่นนี้ เพราะขั้นตอนการดำเนินการจับกุมมีการกำหนดอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้ว อีกทั้งคณะอนุกรรมการได้สอบถามไปยังผู้บังคับการกองคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าไม่เคยมีการออกระเบียบให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเช่นนี้ โดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาให้ประชาชนทราบ แต่การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวประชาชนไปทำประวัติโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหา คิดว่าเป็นการแกล้งไม่ทราบระเบียบดังกล่าวมากกว่า

นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการวินิจฉัยคดีการส่งออกเสือโคร่งเบงกอล จำนวน 100 ตัวไปประเทศจีนว่า ในวันที่ 19 ธ.ค. คณะกรรมการป.ป.ช.จะวินิจฉัยชี้มูลคดีดังกล่าว ในฐานะที่เป็นคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีนี้มั่นใจในข้อมูลหลักฐานที่ได้สรุปสำนวนไป โดยเฉพาะเอกสารที่ได้รับจากประเทศจีน ถือเป็นประเด็นสำคัญในการนำมาพิจารณาสรุปสำนวนครั้งนี้ด้วย

คตส.แถลงคืบหน้าสอบทุจริต

วันเดียวกัน ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อพิจารณาคำร้องคัดค้านการตั้งอนุกรรมการไต่สวน 2 ราย คือ นายสัก กอแสงเรือง และนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการคตส. ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนการหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีจากการซื้อขายหุ้น 738 ล้านบาท ของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และได้รับทราบความคืบหน้าโครงการที่ตรวจสอบทั้ง 13 โครงการ ใช้เวลานาน 4 ช.ม.

เวลา 17.45 น. นายสัก กอแสงเรือง ในฐานะโฆษก คตส. และนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. เลขานุการ คตส. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสักกล่าวว่า ที่ประชุมรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบหลายโครงการทั้งนายวิโรจน์ เลาหพันธ์ ซึ่งดูแลเรื่องการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ว่า การตรวจสอบโครงการคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถสรุปชี้มูลเพื่อตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ ส่วนกรณีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า ปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างการเชิญกรรมการผู้จัดการของธนาคารดังกล่าวมาให้ข้อมูลกับอนุกรรมการ สำหรับการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกระทรวงเกษตรฯ มีการรายงานว่า มีรายละเอียดในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่เข้าร่วมประมูล ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 นายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส. ที่ดูแลได้รายงานความคืบหน้าว่าจะสามารถสรุปผลการตรวจสอบเพื่อขอตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ในวันที่ 25 ธ.ค.

มติยกคำร้อง?หญิงอ้อ-พี่ชาย?

ด้านนายแก้วสรร กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติยกคำร้องการขอคัดค้านของคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ผู้ถูกกล่าวหาว่าหลีกเลี่ยงภาษี ที่คัดค้านไม่ให้นายสัก และนายกล้านรงค์ เป็นอนุกรรมการไต่สวน โดยระบุว่านายสัก เคยเป็นส.ว. และร่วมลงชื่อกับ 28 ส.ว. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ถือครองหุ้นชินคอร์ปขณะเป็นนายกฯ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ จึงถือว่าไม่เป็นกลาง แต่ที่ประชุมเห็นว่าการกระทำของนายสัก เป็นการทำหน้าที่ขณะเป็นส.ว. ไม่มีอคติโกรธเคืองแต่อย่างใด

นายแก้วสรรกล่าวว่า ส่วนกรณีนายกล้านรงค์ ที่ประชุมพิจารณาอย่างกว้างขวาง เพราะนายกล้านรงค์เป็นอนุกรรมการป.ป.ช. วินิจฉัยว่าให้ 5 ข้าราชการกรมสรรพากรมีความผิด กรณีไม่เรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า นายกล้านรงค์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถือว่าเป็นความโกรธเคืองส่วนตัว และไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องนี้ ผู้ร้องยังระบุว่านายกล้านรงค์ เคยวินิจฉัยการซุกหุ้นภาค 1 ของพ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว ถ้าเทียบกับระเบียบของศาลยุติธรรมที่กำหนดว่า ผู้ที่เคยวินิจฉัยในคดีที่เกี่ยวข้องมาก่อนไม่ควรร่วมเป็นองค์คณะพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องอีก แต่การทำงานของ คตส.เป็นเพียงขั้นตอนการไต่สวนหาความจริง ไม่ใช่กระบวนการในชั้นศาล เมื่อคตส.สอบสวนเสร็จแล้วก็ต้องส่งเรื่องให้มีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลต่อไป ที่สำคัญระเบียบ คตส.ระบุชัดว่า การยื่นคำร้องคัดค้านไม่มีกรณีที่กรรมการเคยตัดสินในคดีใดแล้วจะมาเป็นกรรมการอีกไม่ได้ ส่วนการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ใช่สาเหตุการโกรธเคืองกัน ที่ประชุมจึงยกคำร้องดังกล่าว และให้อนุกรรมการไต่สวนดำเนินการต่อ โดยจะส่งมติของ คตส.ให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ต่อไป

เสียงแตก2ฝ่ายคดีที่ดินรัชดาฯ

นายแก้วสรร กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานของอนุกรรมการตรวจสอบว่า ขณะนี้มี 6 โครงการที่ใกล้จะปิดสำนวนการตรวจสอบแล้ว คดีการซื้อที่ดินของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ขณะนี้คณะอนุกรรมการตรวจสอบได้สรุปความเห็นเสนอต่อที่ประชุม คตส. แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา และมีอีก 2 เรื่อง ที่อยู่ระหว่างการเขียนความเห็น ส่วนอีก 3 เรื่องเหลือเพียงการสอบพยานสำคัญอีก 2-3 ปาก ก็สามารถสรุปความเห็นได้ โดยโครงการแอร์พอร์ต ลิงก์ เหลือพยานเพียง 2 ปากเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 6 โครงการที่ใกล้จะปิดสำนวนการตรวจสอบประกอบด้วย 1.กรณีการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ของคุณหญิงพจมาน 2.การตรวจสอบโครงการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 3.โครงการแอร์พอต ลิงก์ ซึ่งคาดว่าทั้ง 3 โครงการนี้จะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ในวันที่ 25 ธ.ค. 4.การซื้อขายหุ้นชินคอร์ป 5.โครงการท่อร้อยสายไฟฟ้าในสนามบินสุวรรณภูมิ และ 6.โครงการจัดซื้อกล้ายาง

นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ กล่าวว่า ได้สรุปสำนวนต่อที่ประชุมแล้ว แต่ยังมีความเห็นแตกเป็น 2 ทาง คือ การจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ จะต้องมีหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มาร้องทุกข์กล่าวโทษก่อน หรือไม่ต้องมีหน่วยงานที่เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ แต่ที่ประชุมไม่สามารถตกลงกันได้ จึงให้กลับไปพิจารณาอีกครั้ง และจะนำเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 25 ธ.ค. หากยังตกลงไม่ได้อาจจำเป็นต้องโหวตโดยใช้มติเสียงข้างมากคือ 6 เสียงขึ้นไป เพราะประเด็นนี้มีข้อถกเถียงเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งอาจมีผลต่อการต่อสู้ในชั้นศาลของผู้ถูกกล่าวหาได้

จี้ให้3หน่วยงานเข้าร้องทุกข์

รายงานข่าวเผยว่า เมื่อที่ประชุมพิจารณากรณีการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ นายอุดม ได้รายงานข้อมูล เช่น การเข้าให้ข้อมูลของผู้บริหารระดับสูงของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ธปท. กรมที่ดิน อดีตนายกฯ 3 คน คือนายบรรหาร ศิลปอาชา นายชวน หลีกภัย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จนไปถึงการเชิญร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรมว.คลัง ผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ตลอดจนเอกสารการยินยอมของพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะคู่สมรสของคุณหญิงพจมาน ที่รับรู้การซื้อขายที่ดิน และร่างสัญญาทีโออาร์ ซึ่งเป็นเอกสารที่ทางกองทุนฟื้นฟูฯ ทำไว้สำหรับผู้ที่เข้ามาประกวดราคาซื้อที่ดินตั้งแต่ครั้งที่เกิดปัญหา จนมีการประมูลใหม่ ซึ่งคุณหญิงพจมาน เข้ามาร่วมประมูล

รายงานข่าวเผยอีกว่า นายอุดมได้อธิบายข้อกฎหมายในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 ให้ที่ประชุมฟังว่า กฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์เป็นอย่างไร และการทำนิติกรรมดังกล่าวของคุณหญิงพจมาน หากมีความผิด จะมีความผิดอย่างไร ซึ่ง คตส.หลายคนเห็นตรงกันว่าสามารถใช้ช่องทางนี้ดำเนินการกับเรื่องนี้ได้ แต่มีบางส่วนมองว่าหากจะตั้งอนุกรรมการไต่สวน พยานหลักฐานจะต้องรัดกุมมากกว่านี้เพื่อสามารถเอาผิดในชั้นศาลได้ และเห็นว่าเพื่อเป็นการปิดช่องโหว่ทางข้อกฎหมายได้ ควรให้หน่วยงานรัฐในฐานะผู้เสียหายคือกองทุนฟื้นฟูฯ กระทรวงการคลัง และธปท. เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งหลายคนเห็นตรงกันว่าจะทำหนังสือด่วนที่สุดถึง 3 หน่วยงานให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับ คตส.ภายในสัปดาห์นี้

ส่งจ.ม.เรียก?โอ๊ค-เอม?ชี้แจง

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. เผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องที่นายธีระ ธรรมสิทธิ ทนายความของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยื่นหนังสื่อต่อคตส. เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งนายสักและนายกล้าณรงค์ เป็นอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายบรรณพจน์ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีจากการได้รับหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าคำคัดค้านดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามระเบียบของป.ป.ช. ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการไต่สวน พ.ศ.2547 เนื่องจากคำคัดค้านอ้างถึงความไม่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งไม่ได้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่จะใช้สิทธิ์คัดค้านได้ตามระเบียบได้ ทั้งนี้มติของ คตส.ถือว่าให้เป็นที่สิ้นสุด และผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่สามารถใช้สิทธิ์คัดค้านได้อีก ส่วนในอนาคตหากมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนในโครงการอื่น และอาจมีผู้มาร้องคัดค้านอีก การยกคำคัดค้านนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นบรรทัดฐาน จะต้องดูเป็นกรณีไป

แหล่งข่าวจากคตส.เผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป ได้ทำหนังสือส่งถึงนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ทางไปรษณีย์ เพื่อให้มาชี้แจงข้อมูลด้วยตนเอง ในเรื่องการซื้อหุ้นจากบริษัทแอมเพิลริช ซึ่งขณะนี้กำลังรอการตอบรับจากทั้ง 2 คนว่าจะมาได้เมื่อไหร่

?ทนายแม้ว?จวกไม่เป็นกลาง

ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณี คตส.มีมติยกคำร้องคัดค้านอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายบรรณพจน์ว่า รู้ตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงแต่เราขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้ได้รับฟังมุมมองของผู้ถูกกล่าวหาบ้าง เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคณะปฏิวัติเป็นผู้แต่งตั้งคตส. จึงเลือกที่จะตั้งคนที่ไม่เป็นกลางขึ้นมา เมื่อคุณหญิงพจมานและนายบรรณพจน์ ร้องคัดค้านไป แทนที่คตส.จะปรับเปลี่ยนให้คนภายนอกมองคตส.ด้วยความเชื่อมั่น แต่กลับละเลยเพิกเฉยในการใช้โอกาสนี้

นายนพดล กล่าวว่า ตนเห็นว่าการทำงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีหุ้นชิน ทำงานลัดขั้นตอน เหมือนพยายามเร่งรัดให้มีผลงาน แต่ไม่ปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้เปิดให้นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร เข้าชี้แจงด้วยเอกสาร ซึ่งขณะนี้ยังทยอยส่งเอกสารไม่หมด แต่คตส.กลับออกคำสั่งให้กรมสรรพากรประเมินภาษีตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ทำให้สงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ปล่อยให้กรมสรรพากรทำงานให้ครบถ้วนก่อน การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุคคลทั้งสอง นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา มีนัดส่งเอกสารให้กรมสรรพากรในวันที่ 8 ม.ค.50 นี้ และยังมีเอกสารอื่นเพิ่มเติมอีก ซึ่งต้องติดต่อขอจากต่างประเทศ จึงต้องใช้เวลาบ้างในการดำเนินการ

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215