เมื่อกลางดึกวันที่ 17 ธ.ค. พ.ต.ท.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผกก.ป.สภ.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุผู้ใหญ่บ้านยิงต่อสู้กับคนร้าย ที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 3 บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก. นำกำลังตำรวจและทหารกว่า 50 นาย รุดไปสอบสวนพบคนเจ็บ 2 คนชื่อนายกูเฮง สะอิ อายุ 45 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ดังกล่าว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าที่บริเวณหน้าอก และนายดือราแม เจ๊ะเด็ง เพื่อนบ้านถูกยิงที่ขาขวานำส่ง รพ.โคกโพธิ์
นอกจากนั้น พบศพคนร้ายถูกยิงนอนตายในชุดพราง 2 ศพ ชื่อนายอุสมาน ปาเนาะ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหามีหมายจับคดีความมั่นคง สภ.อ.โคกโพธิ์ และนายอารมณ์ เจ๊ะนุ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ผู้ต้องหาคดียิงเจ้าหน้าที่ ถูกยิงด้วยปืนลูกซองร่างพรุน ที่เอวห้อยตะกรุด ตรวจค้นในศพนายอารมณ์พบบัตรประจำตัวประชาชนของนายอับดุลเลาะ มะมิง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/9 หมู่ 2 ต.เปียน จึงยึดไว้ตรวจสอบ ส่วนในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้า กับปืนเอ็ม 16 และปืนพกกระจายเกลื่อนร่วม 50 ปลอก เสื้อเกราะ 1 ตัว กระเป๋าเป้สีดำภายในพบเสื้อชุดพรางและแผนที่การก่อเหตุด้วย
นายกูเฮงเล่าเหตุการณ์ว่า ขณะเกิดเหตุกำลังอยู่ในบ้านกับครอบครัว มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน บุกเข้ามาล้อมบ้านแล้วใช้ปืนกราดยิงถล่มกระสุนถูกฝาบ้านปรุพรุน ระหว่างนั้นได้ตะโกนบอกให้ทุกคนหมอบกับพื้น แล้ววิ่งไปคว้าปืนลูกซองยาวมายิงสู้กับคนร้ายจนหมดกระสุน จึงหันมาใช้ปืนพก 11 มม. ปักหลักยิงสู้กับคนร้ายดุเดือด ขณะเดียวกัน มีเพื่อนบ้านมาช่วยยิงสู้กับคนร้ายจนถูกยิงบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายเห็นท่าไม่ดีพากันล่าถอยหนีเข้าป่าโดยทิ้งศพเพื่อนที่ถูกยิงตายไว้ในที่เกิดเหตุ
ด้าน พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า เหตุการณ์บุกยิงผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ และพยายามโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำ เนื่องจากคนร้ายใส่เสื้อพรางแบบทหารทุกคน สำหรับนายกูเฮงผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงบาดเจ็บนั้น ขอยกย่องชมเชยว่ามีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และมีไหวพริบสามารถยิงคนร้ายตายถึง 2 ศพ ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังไล่ล่าและเข้าตรวจค้นในพื้นที่ต้องสงสัยทุกจุด เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บไปอีก 1 คน แต่เพื่อนช่วยพาหลบหนี เนื่องจากพบรอยเลือดในที่เกิดเหตุ
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร เดินทางมาเยี่ยมปลอบขวัญแก่นายกูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านใจเด็ด ที่นอนรักษาตัวใน รพ.โคกโพธิ์ โดย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ได้มอบเงินให้จำนวนหนึ่งให้กับนายกูเฮงเพื่อเป็นขวัญกำลังใจช่วยเหลือครอบครัว พล.ต.อ.อชิรวิทย์เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดกำลังคุ้มครองความปลอดภัยนายกูเฮงและครอบครัวอย่างเต็มที่ และทราบว่าฝ่ายทหารจะจัดชุดเข้าไปคุ้มครองและเข้ากดดันแนวร่วมในหมู่บ้าน
ต่อมาเวลา 15.30 น. ได้มีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงแต่งชุดปกปิดใบหน้าและเด็กประมาณ 60 คน ไปชุมนุมบริเวณหน้าสถานียุทธศาสตร์เขาตูม หมู่ 4 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว นายอิสมาแอ กูเต๊ะ อายุ 25 ปี ที่ถูกจับกุมตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ทราบถูกควบคุมตัวอยู่ที่ใด ระหว่างชุมนุมมีชาวบ้านหลายพื้นที่เช่าเหมารถยนต์มาร่วมสมทบจำนวนมาก และพยายามสร้างความวุ่นวายเพื่อกดดัน เจ้าหน้าที่
ต่อมา พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้รับรายงานสั่งการให้จัดกำลังปิดเส้นทางที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันเรื่องลุกลามบานปลาย และนำน้ำดื่มอาหารว่างมาบริการแก่ผู้ชุมนุม และมีการเจรจากันจนกระทั่งเวลา 18.00 น. ชาวบ้านได้ยอมสลายตัวไป ขณะเดียวกันมีคนร้ายลอบวางเพลิงใช้น้ำมันเบนซินราดเผาโรงเรียนบ้านละหาร-ยามู ในท้องที่เดียวกัน เพลิงได้ลุกลามแต่ชาวบ้านช่วยกันดับไว้ทัน เชื่อว่าคนร้ายพยายามสร้างความวุ่นวายเพื่อโยงให้ชาวบ้านที่มาชุมนุมลุกฮือแสดงความไม่พอใจ นอกจากนี้ ยังวางระเบิดปลอมบนถนนสายปัตตานี-ยะลา หลายจุดเพื่อสร้างสถานการณ์อีกด้วย
ขณะเดียวกันที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. พ.ต.อ.ไพศาล ไชยบุตร ผกก.สภ.อ.ตากใบ รับแจ้งเหตุระเบิดที่ศาลาที่พักริมถนนสายตากใบ-นราธิวาส บ้านไร่ หมู่ 5 ต.เจ๊ะเห จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังชุดเก็บกู้ระเบิด ?เหยี่ยวดง? ไปตรวจสอบพบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนัก 10 กก. ใส่ไว้ในถุงพลาสติก ส่วนในที่เกิดเหตุมีชาวบ้านนำข้าวยำมาวางขาย คาดว่าคนร้ายนำระเบิดมาซุกแล้วจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือหมายสังหารเจ้าหน้าที่ที่มานั่งกินข้าวยำ แต่ระเบิดทำงานไม่ครบวงทำให้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมอย่างหวุดหวิด
ต่อมาเวลา 15.00 น. ร.ต.ต.วรพงษ์ กล่อมสกุล ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงบนถนนสายรือเสาะ-สามัคคี บ้านกาโดะ หมู่ 4 ต.รือเสาะ ออกไปสอบสวนพบเพียงกองเลือดกับรถ จยย.ฮอนด้า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มตะแคงอยู่ ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.รือเสาะ ทราบชื่อนายลั่น สุขแดง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 5 ต.รือเสาะ กับนายรุต มะเหาะ อายุ 30 ปี ลูกเขยของนายลั่นอยู่บ้านเดียวกันทั้งคู่ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่ลำตัวอาการสาหัส แพทย์ นำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ สอบสวนทราบว่านายลั่นกับนายรุตถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถประกบยิงขณะขี่รถจยย.ซ้อนท้ายกันกลับจากนำเศษยางไปขายที่ร้านในหมู่บ้าน
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. คนร้ายใช้ระเบิดเพลิงและถุงพลาสติกใส่น้ำมันเบนซินขว้างใส่อาคารโรงเรียนน้ำตกปาโจ หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทำให้เกิดไฟลุกไหม้บริเวณประตูห้องเรียนชั้น ป.2 ขณะเดียวกัน ชาวบ้านทราบเหตุพากันมาช่วยดับไฟไว้ได้ทัน มีเพียงประตูห้องเรียนถูกไฟไหม้เสียหายเพียงเล็กน้อย สำหรับโรงเรียนดังกล่าวมีนายพัสดี พวศารุจิรัตน์ เป็น ผอ.โรงเรียน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ป.6 มีครู 14 คน และนักเรียน 246 คน
ขณะเดียวกัน มีกลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน ลอบโจมตีใช้ปืนเอ็ม 79 และอาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่ฐานทหารนาวิกโยธินร้อย ร.3012 ฉก.32 ตั้งอยู่ด้านหลังอาคารศิลปาชีพบ้านครอแระ หมู่ 3 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ ทำให้กระสอบทรายบังเกอร์ถูกกระสุนปืนเสียหาย ระหว่างนั้น ร.ท.เอนก ศรีทองคำ ผบ.มว.ร้อย ร.3012 สั่งการให้กำลังทหารนาวิกโยธินใช้อาวุธยิงตอบโต้เกิดปะทะกับคนร้ายประมาณ 20 นาที ก่อนคนร้ายจะพากันล่าถอยโดยตัดต้นไม้ล้มขวางถนน และเผายางรถยนต์สกัดการติดตามไล่ล่าของเจ้าหน้าที่
อีกด้าน พ.ต.ต.บรรพต เอี่ยมศักดิ์ สารวัตรเวร สภ.อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เดินทางไปสอบสวนเหตุยิงกันบนถนนสายศรีสาคร-จะแน บ้านไอร์ซือเร๊ะ หมู่ 3 ต.ช้างเผือก พบรถกระบะมาสด้า สีดำ ทะเบียน 8073 ปัตตานี มีรอยถูกยิงกระจกแตกตกอยู่ไหล่ทาง ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.จะแนะ ชื่อนายยาการียา สาและ อายุ 38 ปี ตำแหน่งรองนายก อบต.ช้างเผือก อยู่บ้านเลขที่ 8/1 หมู่ 2 ต.ช้างเผือก ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่ศีรษะ หน้าอก และไหล่ขวารวม 3 นัด อาการสาหัส แพทย์นำส่งต่อ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ สอบพบนายยาการียาถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ประกบยิงขณะขับรถ กลับจากตลาดดุซงญอ
ส่วน จ.ยะลา เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 17 ธ.ค. ร.ต.ท.สมศักดิ์ รัตนพันธ์ ร้อยเวร สภ.อ.กาบัง รับแจ้งจากนายหลีกี้ แซ่หลี อายุ 67 ปี เจ้าของสวนส้มโชกุน อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 2 ต.ยะหา อ.ยะหา ว่าได้ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีครีม ทะเบียน บ 3264 ปัตตานี ออกจากบ้านไปสวนส้มที่หมู่ 6 ต.บาโหย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ถึงบ้านนิบง หมู่ 2 ต.กาบัง ถูกคนร้ายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถ จยย.ไล่ประกบใช้ปืนพกจ่อยิง แต่กระสุนไม่ลั่น คนร้ายพยายามสไลด์เอากระสุนออกแล้วจ่อยิงซ้ำอีกครั้ง แต่กระสุนก็ยังไม่ลั่นอีกเช่นกัน จากนั้นคนร้ายเห็นท่าไม่ดีบึ่งรถหลบหนี ระหว่างนั้นได้พยายามขับรถไล่ตามคนร้ายแต่ไม่ทัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุพบกระสุนปืน 9 มม. ของคนร้ายตกอยู่กลางถนน 2 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคมช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักข่าวเบอร์นามา ของมาเลเซียเสนอข่าวว่ามีคนไทย 20 คน อพยพลี้ภัยเข้าไปในมาเลเซีย โดยอ้างเหตุผลการถูกกดดันจากทหารว่าทางกองทัพได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้แล้วแต่ไม่พบ และได้ติดต่อไปยังมาเลเซียเองก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีเช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นการปล่อยข่าวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี อาจจะมีการเมืองภายในของเราเองเข้ามาแทรกแซง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองที่ว่า เป็นการเมืองของกลุ่มอำนาจเก่าหรือเป็นการเมืองทั่วไป พล.อ.สนธิกล่าวว่า อาจจะเป็นการเมืองในท้องถิ่น เมื่อถามว่าอยากจะฝากบอกอะไรถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น พล.อ.สนธิกล่าวว่า จริงๆแล้วเรารู้แล้วว่ากลุ่มไหนเป็นคนทำ ดังนั้น ก็ควรจะหยุดซะ ไม่อยากให้มันบานปลายไปมากกว่านี้ บ้านเมืองของเรา ไปทำแบบนี้ มันสร้างความเสียหายระดับชาติ ทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม จะทำอะไรควรมีจิตสำนึกนิดหนึ่งคิดว่าน่าจะดี
เมื่อถามว่า ถ้ารู้แล้วน่าจะส่งคนไปเตือนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เพิ่งรู้เมื่อวานซืน เพราะฉะนั้นอะไรต่างๆ จะต้องมีการพูดคุยในระดับข้างบนอีกที เมื่อถามว่ากลุ่มเหล่านี้นอกจากเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองแล้วน่าจะเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นๆด้วยหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า เมื่อไปเชื่อมกับเรื่องการเมือง มันก็ไปเชื่อมกับการก่อความไม่สงบ สิ่งที่เขาต้องการคือต้องการดิสเครดิตรัฐบาล แต่มันจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่บังควรทำอย่างยิ่ง ทาง คมช. กำลังติดตามสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อยู่
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.กล่าวถึง กรณีที่สำนักข่าวเบอร์นามา ประเทศมาเลเซีย ออกข่าว คนไทยใน จ.นราธิวาส 20 คน หลบหนีเข้าประเทศมาเลเซีย โดยอ้างว่าถูกทหารไทยกดดันว่า จากการตรวจสอบของหน่วยข่าวสันติบาลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการประสานข้อมูลไปยังประเทศมาเลเซีย ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง น่าจะเป็นเพียงการปล่อยข่าวของฝ่ายตรงข้าม คือกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือหรือดิสเครดิตรัฐบาล และทหารที่ทำงานในพื้นที่ ส่วนความเคลื่อนไหวที่คนไทยจะข้ามไปฝั่งมาเลเซียนั้น เห็นว่า หากจะมีการเดินทางไปคงไม่ใช่ความคิดของประชาชนเอง แต่น่าจะเป็นการจัดตั้งของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพื่อหวังผลให้เกิดความไม่สงบขึ้น เนื่องจากกรณี 131 คนไทย ที่เข้าไปอยู่ในประเทศมาเลเซียก่อนหน้านี้ ก็มีความต้องการที่จะกลับมาประเทศไทยเช่นกัน คงไม่มีคนไทยจะหลบหนีเข้าไปในมาเลเซียเอง ถ้าจะมีน่าจะเป็นการจัดตั้งขึ้นมากกว่า
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายซุลคิฟลี อับดุลเลาะห์ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันทางภาคเหนือมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิว สเตรทส์ ไทม์ ฉบับวันที่ 17 ธ.ค.ว่า กลุ่มชาวไทยมุสลิม 20 คน ที่เดินทางจาก จ.นราธิวาส เข้าไปยังรัฐกลันตันของมาเลเซียอย่างผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ทางมาเลเซียยังสงสัยอยู่ว่าชาวไทยมุสลิมกลุ่มนี้มีแรงจูงใจอะไรที่หนีข้ามพรมแดน และยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะต้องการลี้ภัยหรือที่พักพิงที่ปลอดภัย เป็นไปได้ว่าต้องการเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ว่า ชาวไทยมุสลิมกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาเลเซียเพื่อหลบหนีแรงกดดันจากทหารไทย
ส่วนเอพีรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ของไทย ได้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าชาวไทยมุสลิมกลุ่มนี้หลบหนีเข้าสู่มาเลเซียเพราะหวาดกลัวการคุกคามรังควานของทหารไทย หลังมีชาวบ้านใน หมู่บ้าน 9 คน ถูกทหารจับกุมตัวไป โดย พล.อ.สนธิกล่าวกับสำนักข่าวว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้ยืนยันว่า ไม่มีชาวไทยมุสลิมหลบหนีเข้ามาเลเซีย รายงานดังกล่าวอาจเป็นการปล่อยข่าวของกลุ่มที่ต้องการบ่อนทำลายรัฐบาลไทย
ข้อมูลจาก :