สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่าอดีตรัฐมนตรีและแกนนำพรรคการเมืองบางคน ทุ่มเงินนับสิบล้านเพื่อจัดกลุ่มชุมนุมประท้วงรัฐบาลและ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ท้องสนามหลวงในวันนี้ (0 ธ.ค.) ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐก็สกัดกั้นทุกรูปแบบ ทั้งการตั้งด่านตรวจ การติดตามความเคลื่อนไหว และตัดเส้นทางทางการเงินของแกนนำกลุ่มชุมนุมนั้น
?ทนายทักษิณ? โต้ไม่เคยส่งน้ำเลี้ยง
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (9 ธ.ค.) ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวกรณีที่มีรายงานข่าวว่า มีอดีตรัฐมนตรีและแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคน ให้เงินสนับสนุนการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ยืนยันว่าไม่มีการส่งท่อน้ำเลี้ยง ให้คนมาชุมนุมคัดค้าน คมช. ขณะนี้ท่านอยากจะอยู่เงียบๆอ่านหนังสือพักผ่อน และท่านบอกกับทุกคนที่เดินทางไปเยี่ยมที่กรุงปักกิ่งด้วยว่า อย่าไปเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะต้องการให้เกิดความสมานฉันท์ จึงอยากฝากไปถึงแม่ทัพนายกองว่า จะพูดว่าจะตัดท่อน้ำเลี้ยงให้ขาดนั้น ขอให้ระมัดระวังคำพูดด้วย
ท้าทาย คมช.ให้ตรวจสอบทรัพย์สิน
?ทหารมีปืนมีอำนาจ ไม่มีใครสู้ทหารได้ เพราะไม้หน้าสามสู้รถถังไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถต่อกรกับทหารได้ แต่ทหารก็ควรคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด และควรให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นด้วย? ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ต่อข้อถามว่าการออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งท่อน้ำเลี้ยง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเกรงว่าจะถูกอายัดทรัพย์สินใช่หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ทรัพย์สินของครอบครัวชินวัตรยังอยู่ในเมืองไทย สังคมไทยเป็นสังคมที่มีแต่ข้อกล่าวหาจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง เป็นการทำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง การกล่าวหาใดควรมีข้อเท็จจริง ถ้ามีการโอนเงินก็สามารถตรวจสอบได้ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็ยินดีให้ตรวจสอบ ทั้งนี้ อยากขอให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา อะไรจะเกิดกับประเทศไทยก็ต้องเกิด ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนอีกนานใช่หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ใช่ จะอยู่ที่กรุงปักกิ่งนานที่สุด และจะยังไม่เดินทางกลับไทยจนกว่าเหตุการณ์จะปกติ
คนสนับสนุน ?ทักษิณ? มีอยู่ไม่น้อย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ากังวลว่าข้อกล่าวหาของ คมช.กำลังจะเกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ถ้ากระบวนการตรวจสอบโปร่งใส ตรงไปตรงมาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่โปร่งใสความสมานฉันท์ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะคนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังมีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าที่พูดเช่นนี้แสดงว่าหากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะมีผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ไม่ได้พูดขู่ และจะไม่มีการดำเนินการใดๆในลักษณะเอาผู้ชุมนุมมาชุมนุมเด็ดขาด แต่อยากบอกให้รู้ว่าทุกอย่างต้องโปร่งใสตรงไปตรงมาเท่านั้น ต่อข้อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นห่วงเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายนพดลตอบว่า ไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณในเรื่องยุบพรรค เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณจะคุยเรื่องนี้กับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา หัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคไทยรักไทย
ปชป.แนะ คมช.แก้ปัญหาคลื่นใต้น้ำ
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการยุติปัญหาคลื่นใต้น้ำในระยะยาว รัฐบาลและ คมช.จะต้องให้นักจิตวิทยาจาก กอ.รมน. ลงไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ที่ถูกปิดบังข่าวสาร และยังนิยมชมชอบนโยบายประชานิยมอยู่ ถ้าไม่รีบทำประชาชนเหล่านี้อาจถูกดึงเข้าร่วมกับคลื่นใต้น้ำได้ ส่วนการเคลื่อนไหวของม็อบในวันที่ 10 ธ.ค.นี้นั้น ขอให้ คมช.ต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่ากลุ่มไหนเป็นการเคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ หรือเป็นกลุ่มคลื่นใต้น้ำ ถ้าหากแยกผิดจะทำให้เสียแนวร่วมไปรวมกับกลุ่มใต้น้ำหมด
พลังแผ่นดินไทเชื่อไม่น่ามีปัญหา
นายลิขิต ธีรเวคิน หัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินไท กล่าวถึงกรณีที่ คมช.กังวลต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะมารวมตัวในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ มากเป็นพิเศษว่า ทาง คมช.เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น หากมีการชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่คิดว่า คมช.จะคัดค้านการผลักดันในเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ส่วนการทำงานของ คตส.ในขณะนี้ ก็เห็นว่า คตส.ทำงานได้ดี ไม่เร็วหรือช้าเกินไป คงพิจารณาไปตามหลักฐาน ผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องนำหลักฐานเข้าชี้แจง ขั้นตอนทุกอย่างจึงถือว่าดำเนินการอยู่ในหลักของกฎหมาย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว หลังการยึดอำนาจ คมช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการยึดทรัพย์ หรือจะทำอะไรก็ได้แต่ก็ไม่ทำ
?อานันท์? ไม่หวั่นคลื่นใต้น้ำขย่ม คมช.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องปัญหาคลื่นใต้น้ำนั้น ไม่มีข้อมูลมาก เชื่อว่ายังมีอยู่บ้าง แต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าห่วง เชื่อว่ารัฐบาลนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงแม้จะมีการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ก็ไม่สามารถนำไปสู่วิกฤติการเมือง ส่วนปัญหาด้านเศรษฐกิจนั้น หากประชาชนและรัฐบาล ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็เชื่อว่าจะสามารถฝ่าฟันปัญหา และไม่ก่อให้เกิดวิกฤติซ้ำรอยมาได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ยืนอยู่ในความประมาท เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจสามารถเกิดซ้ำได้ ทั้งนี้ การวางนโยบายที่จะทำให้ประเทศไม่ต้องเกิดวิกฤติเศรษฐกิจนั้นก็คือ รัฐบาลควรทำตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
บช.น.ขอร้องผู้ชุมนุมอย่ากีดขวางจราจร
พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษก บช.น. กล่าวว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. สั่งการให้ตำรวจนครบาลทุกนายเตรียมความพร้อมปฏิบัติงานหากเกิดเหตุความรุนแรง กรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมตัวที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 16.00 น. โดยมีข่าวว่าจะเคลื่อนขบวนไปยื่นหนังสือที่กองทัพบก ถนนราชดำเนิน ทาง บช.น. เตรียมพร้อมตั้งศูนย์กองอำนวยการ 3 จุด คือ บริเวณหน้าวัดมหาธาตุฯ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และด้านหน้ากองทัพบก เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. จนกว่าจะสิ้นสุดการชุมนุม จึงขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย เดินขบวนอย่างสันติ ไม่กีดขวางการจราจรในส่วนบริเวณรอบๆ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจคอยสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะตามสถานที่สำคัญทางราชการ เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนบ้านเมือง
?ชนาพัทธ์? ติงชุมนุมแต่งชุดดำไม่บังควร
ทางด้านความเคลื่อนไหวของนายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายเตมูจิน ภายหลังจากที่ได้ประกาศเลื่อนการชุมนุมจากวันที่ 10 ธ.ค. ไปเป็นวันที่ 6 ม.ค. 2550 ไปแล้วนั้น นายชนาพัทธ์กล่าวย้ำว่า เหตุที่ต้องเลื่อนการชุมนุมนั้น เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนที่เป็นพลังบริสุทธิ์ ตกเป็นเหยื่อของมือที่สามที่จะเข้ามาผสมโรง ขณะที่ประชาชนบางส่วนที่ทยอยเดินทางมากันจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ก่อนที่จะประกาศเลื่อนได้อธิบายให้แกนนำและสมาชิกเข้าใจถึงเหตุที่ต้องเลื่อน และได้ทยอยเดินทางกลับไปบ้างแล้ว และจะกลับมาใหม่ในวันที่ 6 ม.ค. 2550 ส่วนกรณีที่กลุ่ม 19 ก.ย. ต้านรัฐประหาร และกลุ่มคนรักวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้ออกมารณรงค์ให้ผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมแต่งชุดดำนั้น ไม่เข้าใจว่ากลุ่มคนพวกนี้มีเจตนาอะไร การที่จะแต่งชุดดำในปีมหามงคลนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่บังควร ไม่ทราบว่าคนเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เช่นไร
แม่ทัพ 3 ยันแกนนำรับปากไม่เคลื่อน
พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ได้พบกับประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ เรื่องไหนที่ไม่เข้าใจการทำงานของรัฐบาลและ คมช. เราก็อธิบายทำความเข้าใจ มีอะไรให้ทหารช่วยก็บอกมา หรือจะฝากปัญหาไปถึงรัฐบาลหรือไม่ อนาคตจะมีการจัดสัมมนาเพื่อเสนอแนะปัญหาในวงสัมมนา เพราะเราถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เรียบร้อย กำนันผู้ใหญ่บ้านจะรู้ดีเช่นปัญหายาเสพติด เราให้ความสำคัญกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มากเพราะเป็นส่วนราชการหนึ่งของท้องถิ่นเมื่อถามว่าในวันที่ 10 ธ.ค. ยืนยันได้หรือไม่จะไม่มีม็อบเข้ามาชุมนุมใน กทม. พล.ท.จิรเดชกล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับทุกฝ่าย กำนันผู้ใหญ่บ้านก็พร้อมรับปากว่าจะดูแลลูกบ้าน มีข่าวอะไรที่จะเคลื่อนไหวก็จะแจ้งมาถึงตน ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีผู้ชุมนุม และเท่าที่ได้คุยกับอบจ. 17 จังหวัดทั่วภาคเหนือ โดยจะจัดสัมมนากันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทำความเข้าใจปีละครั้ง
แต่ยังมีความเคลื่อนไหวของคลื่นใต้น้ำ
เมื่อถามว่า มีการจับตากลุ่มผู้ชุมนุมหลังวันที่ 10 ธ.ค. ที่จะมีการเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ พล.ท.จิรเดชตอบว่า ก็ต้องคุยกับบรรดาผู้นำ อย่าไปตกใจ เพราะขณะนี้หากจะชักนำประชาชนเป็นเรื่องยาก เพราะเราทำความเข้าใจไว้หมดแล้ว ส่วนจะร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ บอกไม่ได้ เพราะที่คุยกับเราก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกที่ไม่ได้คุยเราก็ไม่รู้ซึ่งก็พอมีอยู่บ้าง เมื่อถามว่าอดีตนักการเมืองมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.ท.จิรเดชตอบว่า เขาก็รับปากว่าจะไม่เคลื่อนไหว เพราะไม่มีอะไรแล้ว
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พล.ต.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน รองแม่ทัพภาคที่ 3 นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พล.ต.ต.ชัยณรงค์ วงษ์สุนทร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง มาร่วมประชุม โดย พล.ต.ทนงศักดิ์กล่าวว่า พบว่ายังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคลื่นใต้น้ำโดยเมื่อคืนวันที่ 8 ธ.ค. และเมื่อเช้าที่ผ่านมามีเหตุการณ์ไฟไหม้โรงเรียนที่ จ.พิษณุโลกและจังหวัดสุโขทัย ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ แต่น่าสังเกตว่าช่วงนี้ไฟไหม้โรงเรียนกลายเป็นโรคติดต่อไปแล้ว
ทหารจับตากลุ่มอำนาจเก่าอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ทนงศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มอำนาจเก่าทหารกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีรายงานจากสายข่าวว่า กลุ่มอำนาจเก่ายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ แต่ ทางทหารสามารถรับมือรักษาความสงบเรียบร้อยได้ แต่ ยังมีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีมือที่ 3 ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย จนเกิดความไม่สงบขึ้นจึงขอให้ประชาชน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่เข้ามายุแหย่ปลุกปั่น และเดินทางไปสมทบร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าว นอกจากจะก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นการระคายเบื้องพระยุคลบาทในเดือนธันวามหาราช ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต. ทนงศักดิ์ได้เดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อยที่บริเวณด่านตรวจ อ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นด่านที่รถทุกชนิดต้องผ่านจากภาคเหนือเข้ากรุงเทพฯ แต่ได้รับรายงานว่าเหตุการณ์ปกติ โดยทางรองแม่ทัพกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจเข้ม โดยใช้กลยุทธ์จากเบาไปหาหนักแต่คงไม่ถึงขั้นหนัก หากพบกลุ่มบุคคลที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมให้เจรจาให้เดินทางกลับ
ปลัดอยุธยาระบุมีการจ่ายผู้ชุมนุมรายหัว
นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. แต่ก็สั่งการเป็นพิเศษ เรื่องของการข่าว และขอให้ผู้ที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมใช้วิจารณญาณในการคิดก่อนตัดสินใจทำ
วันเดียวกัน นายสมชาย อัชฌากุล ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ประกอบด้วยปลัดอำเภอ หน่วยข่าวกรอง ตำรวจสันติบาล และตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อประเมินความพร้อมและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ภายหลังการประชุม นายสมชายกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน คมช. ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะใช้แผนคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า โดยให้จับตาเป็นพิเศษกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาจ้างวานให้คนอยุธยาไปร่วมชุมนุม เพราะจากการข่าวจะมีบุคคลเข้ามาติดต่อให้ประชาชนไปร่วมชุมนุม ในลักษณะการจ่ายเป็นรายหัว อ้างว่าไปร่วมงานรวมพลังเพื่อชาวไทย ขณะนี้ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรจังหวัด และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ดูแลพื้นที่ของตนเองเป็นพิเศษ และอย่าหลงเชื่อกับกลุ่มบุคคลเหล่านั้นเด็ดขาด
โคราชขนชุมนุมต้านห้างยักษ์เข้า กทม.
ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรทั้ง 8 จังหวัด ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานประจำอย่างน้อย 50 นาย ให้นายตำรวจตั้งแต่ระดับผู้บังคับการลงไป จะต้องเตรียมพร้อมบริเวณที่ตั้ง เพื่อพร้อมแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และให้สถานีตำรวจทุกแห่งตั้งจุดตรวจจุดสกัดร่วมกับทหารตลอด 24 ชม. โดยจะเน้นเส้นทางที่จะเข้า กทม. เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด และช่วยดูแลพี่น้องประชาชนที่หลงผิด หรือได้รับการปลุกปั่นให้ เดินทางไปร่วมชุมนุมที่ กทม. รวมทั้งมีการตรวจเช็กคิวรถตู้ในแต่ละจังหวัด ว่ามีการเดินทางหรือถูกว่าจ้างให้ขนประชาชนไปร่วมชุมนุมหรือไม่ จากรายงานข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของคลื่นใต้น้ำ พบว่ากลุ่มต่อต้านการสร้างห้างสรรพสินค้าโลตัส ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาประมาณ 100-200 คน เตรียมการเดินทางไปกรุงเทพฯด้วยรถบัส จำนวน 2-5 คัน ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้
เชิญผู้นำท้องถิ่นมาช่วยเจรจากับผู้ชุมนุม
พล.ต.ต.สุรสีห์กล่าวว่า ทาง พล.ต.พจน์ เหรียญมณี ผบ.มทบ. 21 กองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และปลัดจังหวัดนครราชสีมา เชิญผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ จ.นครราชสีมากว่า 500 คน ไปทำความเข้าใจและชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว และได้ขอให้ทุกคนกลับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะเกรงว่าจะมีบุคคลเข้าปลุกระดม สร้างความเข้าใจผิดและเดินทางไปชุมนุมใน กทม. ขณะนี้ สถานการณ์ของบ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มต่อต้านการสร้างเขื่อนปากมูล จากจ.อุบลราชธานี ประมาณ 50 คน ก็จะเข้าไปสมทบ โดยจะเข้าไปในลักษณะกระจัดกระจายเหมือนกองทัพมด แยกย้ายการเดินทาง เช่น ขึ้นรถไฟ รถโดยสาร หรือรถยนต์ส่วนตัวบ้าง จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธร จ.อุบลราชธานี เข้าไปตรวจสอบและทำความเข้าใจกับประชาชน และตรวจสอบสถานีรถไฟเพื่อป้องกันการขนคนอีกทางหนึ่งด้วย
ตั้งด่าน 500 จุดถึงวันที่ 11 ธ.ค.
รอง ผบช.ภ. 3 กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์ว่า สามารถสกัดกลุ่มประชาชนที่สวมชุดดำ กำลังจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯได้ 40 คน และได้ดำเนินการสอบสวนร่วมกับฝ่ายทหารพร้อมกับกักตัวไว้แล้ว ส่วนตำรวจ สภ.อ.ต่างๆรอบนอกตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกอำเภอก็มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเช่นกัน โดยมีตำรวจทำการเกาะติดแกนนำเคลื่อนไหวคนสำคัญๆอีกด้วย ถ้าพบว่ามีประชาชนกลุ่มไหนเดินทางเข้า กทม. ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปด้วย เพื่อควบคุม เพราะเกรงว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างสถานการณ์ต่างๆ
พล.ต.ต.สุรสีห์กล่าวว่า นอกจากนั้น ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ก็ได้มีการออกหาข่าว และติดตามสถานการณ์แกนนำกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่างๆ จนถึงวันนี้ก็มั่นใจได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติใดๆ แต่ยังจะมีการตรวจเข้มไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 3 จะร่วมกับฝ่ายทหารตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางสายสำคัญๆที่จะเข้า กทม. 29 จุด จุดละ 20 นาย ส่วนสถานีตำรวจในพื้นที่ 8 จังหวัดมีอยู่ 236 แห่ง ได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด 500 กว่าจุด และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครตำรวจบ้าน ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่จุดละ 5-10 นาย ตลอด 24 ชม.
สกัดชายชุดดำนับร้อยเตรียมเข้ากรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน พ.อ.ชวลิต เอี่ยมสะอาด เสนาธิการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.สหรัฐ ประสงค์นิจกิจ ผกก.สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมกำลัง ได้เข้าตรวจค้นบริเวณสถานีขนส่งบุรีรัมย์ หลังได้รับรายงานมีชายฉกรรจ์นับ 100 คนมาชุมนุมอยู่ จากการตรวจค้นพบชายฉกรรจ์อายุ 25-30 ปี นั่งกินข้าวอยู่ในร้านอาหาร โดยทั้งหมดใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่ สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์ จากการสอบสวนทั้งหมดให้การว่า นั่งรถตู้และรถกระบะมาจาก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อมาสมัครเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่โรงแรมเทพนคร อ.เมืองบุรีรัมย์ หลังสมัครเสร็จพากันมากินข้าว แต่ พ.อ.ชวลิตไม่ปักใจเชื่อ เพราะคาดว่ากลุ่มชายดังกล่าวจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ กทม.ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ แต่หลบเข้าเมืองเพื่อหนีจุดตรวจสกัดของทหารและตำรวจ บริเวณจุดตรวจสี่แยกบ้านกระสัง ถนนสาย 226 เส้นทางสายอุบลฯ-นครราชสีมาสายเก่า ที่เป็นเส้นทางลัดเข้า กทม. จึงตรวจยึดบัตรประชาชนไว้พร้อมทำประวัติ และขอร้องให้เดินทางกลับไปรายงานตัวที่ สภ.อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เนื่องจากอยู่ในระหว่างประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทั้งหมดก็ยินยอมเดินทางกลับโดยดี
?ทักษิณ? กลับไทยเป็นพยานยุบพรรค
ทางด้านความคืบหน้าคดียุบพรรคไทยรักไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในฐานะหัวหน้าทีมว่าความคดียุบพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ได้ติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่าจะระบุชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นพยานสำคัญที่จะให้การต่อตุลาการรัฐธรรมนูญ เพื่อชี้แจงกรณีคดียุบพรรค โดยบัญชีพยานของพรรคที่จะต้องส่งให้ตุลาการรัฐธรรมนูญในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ พยานของพรรคต้องทำคำให้การเป็นเอกสารส่งไปให้ตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่เท่าที่ตนได้ฟังแนวทางและวิธีการพิจารณาคดีของตุลาการฯ ก็เข้าใจว่าพยานในคดีนี้ต้องไปให้การด้วยตัวเองต่อตุลาการฯ เพราะตุลาการฯอาจจะมีการสอบถามพยานด้วยตัวเอง เมื่อถามว่าแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องกลับประเทศเพื่อเข้าให้การต่อตุลาการรัฐธรรมนูญ นายพงศ์เทพกล่าวว่า เท่าที่รับฟังแนวทางการพิจารณาคดีของตุลาการฯ ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ในวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่พรรคต้องส่งรายชื่อของพยาน พรรคก็จะส่งชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไปด้วย แต่ต้องรอว่าตุลาการฯ จะกำหนดว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่
ไทยรักไทยส่งรายชื่อพยาน 80 ปาก
นายพงศ์เทพกล่าวว่า สิ่งที่แจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณทราบนั้น เป็นการแจ้งให้ทราบถึงสาระของคดีการยุบพรรคเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นๆได้บอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ต้องเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ เพราะคดีนี้เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหาร ในช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณเป็นหัวหน้าพรรค พรรคก็ได้เตรียมแนวทางไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าพยานบุคคลลำดับแรกที่มีความสำคัญสุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้นอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย ว่า เบื้องต้นพรรคจะส่งรายชื่อพยานของพรรค 80 ปาก มากกว่าจำนวนที่อัยการไต่สวนคดีนี้ที่บอกว่าพรรคต้องมีพยาน 50 คน โดยเบื้องต้นพรรคได้เตรียมเอกสารคำให้การของพยานภายในพรรคไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนบุคคลภายนอกที่พรรคเสนอให้เป็นพยานก็จะขออำนาจศาลให้ออกหมายเรียกบุคคลนั้นๆยืนยันว่าคดีนี้พรรคไม่ได้ดำเนินการตามข้อกล่าวหา และยังพบว่าพยานหลักฐานที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นำมาแถลงและส่งเป็นหลักฐานประกอบคดี กรณีที่แกนนำพรรคเล็กไปรับเงินจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหมและรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่กระทรวงกลาโหม ไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวอ้าง
อดีต ส.ส.ไทยรักไทยรอดูท่าที ?สมคิด?
นายสมชาย สุนทรวัฒน์ อดีต รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การเมืองขณะนี้เราต้องรอรัฐบาลชุดนี้ พวกเราต้องใจเย็นๆหน่อย เพราะรัฐบาลชุดนี้ประกาศชัดเจนว่า เขาอยู่ไม่นาน เขาขึ้นมาปรับรูปแบบปรับอะไรต่างๆหน่อย หลังจากนั้นก็จะมีการเลือกตั้งซึ่งตอนนั้นจะได้เห็นชัด เวลานี้พวกตนออกมาจากพรรคไทยรักไทยแล้ว แต่ก็ไม่ได้สังกัดพรรคไหน เพียงแต่ว่าเราดูกันว่าถ้านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พวกเรามีความเชื่อมั่น ถ้านายสมคิดประกาศตัวเล่นการเมือง พวกเราก็คงเล่น แต่ถ้านายสมคิดไม่เล่นพวกตนก็คงไม่เล่น คงจะเลิก หมายความว่าเราจะอยู่พรรคเดียวกันแต่ผมยืนยันว่า ถ้านายสมคิดไม่เล่นพวกตนก็จะไม่เล่นคือเลิกไปเลยครับ นั่นคือความตั้งใจของผม ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้คุยอะไรกับท่านบ้าง นายสมชายกล่าวว่า ไม่ได้คุย ท่านอยู่ต่างประเทศและผมก็ไม่ได้ไปต่างประเทศ อีกประการหนึ่งก็ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทยแล้วจึงไม่ได้ติดต่อกัน
?บัญญัติ? เสนอกรอบร่างรัฐธรรมนูญ
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์การเมืองถึงแนวโน้มรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า กรอบยกร่างรัฐธรรมนูญต้องยึดรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยจะต้องมีมาตรการป้องกันการ แทรกแซงองค์การตามรัฐธรรมนูญจากฝ่ายการเมือง รัฐธรรมนูญใหม่จะต้องดีและไม่ล้าหลังกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ทั้งนี้ ความเห็นส่วนตัวเห็นว่า 1. ต้องยกเลิก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการหาเงินทุนเข้า พรรค 2. ลดจำนวน ส.ส. เหลือ 400 คน เพราะขณะนี้มีการไม่จำเป็นต้องให้มี ส.ส.มากกว่านี้ เนื่องจากมีการกระจายอำนาจสู่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ส.ส.จึงมีหน้าที่เพียงออกกฎหมายและตรวจสอบในสภา 3. ลดจำนวน ส.ว. เหลือ 100 คน และเปิดให้ปราศรัยหาเสียงได้ 4. หลังเลือกตั้งเสร็จห้ามยุบควบรวมพรรคการเมืองจนกว่าจะหมดวาระ เพื่อป้องกันควบรวมจนได้เสียงมากไม่สามารถตรวจสอบได้ 5. จำนวน ส.ส. 80 คน สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้ 6. ห้ามตั้งรัฐบาลผสมจนจำนวนเสียงของ ส.ส.ไม่เพียงพอที่จะอภิปรายนายกฯได้ 7. ใช้การเลือกตั้งแบบพวกเขตเดียวมี ส.ส. 3 คน เพื่อป้องกันการซื้อเสียง 8. การสรรหาองค์กรอิสระให้มีที่มาเหมือนตุลาการรัฐธรรมนูญ คือมาจากศาลปกครองและศาลฎีกา ทั้งหมดเป็นข้อเสนอในการปฏิรูปการเมือง แต่ยังไม่พอที่จะหยุดคลื่นใต้น้ำได้
?ลิขิต? ชู 9 ปฏิญญาสิทธิเสรีภาพ
นายลิขิต ธีรเวคิน หัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินไท กล่าวว่า พรรคพลังแผ่นดินไทได้รวบรวมสิทธิเสรีภาพของคนไทยไว้ 9 ข้อใน ?ปฏิญญาสิทธิเสรีภาพของประชาชาติไทย? เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยมีการจัดหมวดหมู่ให้เป็นระบบ จนทำให้คนไทยไม่ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพที่มี อย่างไรก็ตาม จะขอนำเสนอให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับทราบก่อน เพื่อผลักดันให้เป็นพื้นฐานในการร่างรัฐธรรมนูญต่อไป แม้ว่าถ้าได้รับการตอบสนอง แล้วพรรคพลังแผ่นดินไทล่มสลายไปก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จทางการเมืองแล้ว
นายสฤต สันติเมทนีดล รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า พรรคพลังแผ่นดินไทได้ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้วตามที่ให้สัญญาไว้ โดยมีสาระสำคัญ 20 ประเด็น อาทิ นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง โดย ส.ส.เลือกนายกฯโดยวิธีการลงคะแนนลับในสภา สำหรับการสังกัดพรรคการเมืองนั้นยังคงไว้ 90 วันตามเดิม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการซื้อตัว ส.ส.เข้าพรรค
นายกฯ แนะ ขรก.ยึดเศรษฐกิจพอเพียง
วันเดียวกัน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ ?สายตรงทำเนียบ? ทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศวาระแห่งชาติด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาคราชการ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ว่า นายกรัฐมนตรีมีเจตนารมณ์สร้างระบบบริหารราชการที่สุจริต เป็นธรรม ยั่งยืน เป็นการสร้างระบบราชการให้มีภูมิคุ้มกันจากปัญหาการทุจริต และฟื้นฟูคุณธรรม จริยธรรมในระบบราชการ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ตัวข้าราชการมีส่วนสำคัญในการสร้างระบบราชการให้แข็งแรง จึงขอให้ข้าราชการทุกคนยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ห่วงเรื่องความก้าวหน้า จนลืมเรื่องความถูกต้อง และยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาระบบราชการมีปัญหาถูกแทรกแซงจากทางการเมือง จนระบบราชการขาดอิสระ จึงขอให้ข้าราชการยึดหลักการทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ของบ 28,000 ล้านบาทช่วยน้ำท่วม
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีวงเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 28,000 ล้านบาท จะนำเข้าสู่การประชุม ครม.ในวันที่ 19 ธ.ค. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยจะทยอยจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ คาดว่าจะให้ความช่วยเหลือให้เกษตรกรได้อย่างทั่วถึงในเดือน ก.พ.2550 นี้ ส่วนผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่ เกษตรกร และได้รับความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยนั้น จะได้รับเงินชดเชยรายละไม่เกิน 20,000 บาท ขณะที่ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลังจะได้รับเงินชดเชยไม่เกินหลังละ 70,000 บาท เสียหายบางส่วนไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนการซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคเช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา จะรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
สธ.แจงเหตุยกเลิกโครงการ 30 บาท
นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข กล่าวผ่านรายการ ?สายตรงทำเนียบ? ถึงการยกเลิกโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค โดยเปลี่ยนมาเป็นการรักษาพยาบาลฟรี ว่า สาเหตุการยกเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากเป็นการแบ่งแยกคนจนกับคนรวย ทำให้คนจนเสียศักดิ์ศรี โดนดูถูกในการไปใช้บริการ อีกทั้งเงิน 30 บาทที่เก็บจากประชาชนในการใช้บริการ เมื่อนำมารวมกันแล้วเป็นเพียงแค่ 1% ของวงเงินในโครงการทั้งหมด จึงควรยกเลิกโครงการเพื่อให้ทุกคนเกิดความเสมอภาคกัน แต่จะไม่มีผลกระทบกับการให้บริการ เพราะรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณให้ สถานพยาบาลอย่างพอเพียงต่อไป ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการให้บริการ โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพยาที่จะไม่แตกต่างจากการรักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายเงิน ยืนยันว่าการให้ บริการจะอยู่ในขั้นพื้นฐานที่เหมาะสมกับประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้เพิ่มเงินในการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็น 1,899 บาทต่อคน จากเดิม 1,569 บาท/คน
ใช้เงินบาปเสียบโครงการรักษาฟรี
นพ.มงคลกล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลมีแนวคิดว่า ที่มาของงบประมาณที่นำมาใช้ในการรักษาพยาบาล ไม่ควรนำมาจากงบประมาณแผ่นดินเพียงอย่างเดียว โดยมีแนวคิดจะนำเงินภาษีอื่นๆเช่น บุหรี่ มาใช้ในโครงการนี้ เพื่อลดภาระรับผิดชอบด้านงบประมาณของสำนักงบประมาณให้น้อยลง ภายในรัฐบาลชุดนี้น่าจะมีมาตรการนี้ออกมา ทั้งหมดนี้จะไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนจากประชาชนที่ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล ส่วนการให้บริการล่าช้านั้น ยอมรับมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากมีประชาชนมารักษามากขึ้น 60% ขณะที่แพทย์พยาบาลมีจำนวนเท่าเดิม แต่ กำลังแก้ปัญหาโดยนำบุคลากรอื่นเช่น พยาบาล เข้ามาช่วยตรวจรักษาโรคที่ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ เพื่อลดภาระการทำงานของแพทย์
กมธ.เตรียมเพิ่มงบกระทรวงทรัพย์ฯ
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยนายเชนทร์ วิพัฒน์บวรวงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯแถลงผลการประชุมว่า กมธ.ได้พิจารณางบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ตั้งไว้จำนวน 17,523,052,200 บาท ซึ่งไม่มีรายการปรับลด แต่คณะกรรมาธิการฯได้เห็นถึงความสำคัญของภารกิจต่างๆของกระทรวง โดยเฉพาะการทำความเข้าใจ ให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยจะพิจารณาเพิ่มงบประมาณให้สอดคล้องภารกิจ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯได้ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดสรรงบนี้ให้กับส่วนท้องถิ่นด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาการจัดสรรอย่างรอบคอบว่าเกิดความซ้ำซ้อนกันได้ นอกจากนี้ กมธ.ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องการสร้างพนังกั้นน้ำ เพื่อป้องกันตลิ่งพังนั้นไม่สมบูรณ์ไม่คงทน เมื่อใช้งานไปสักระยะก็เกิดความเสียหาย กรณีทรัพยากร ธรรมชาติที่ถูกบุกรุกโดยเอกชนและประชาชน จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ขอให้กระทรวงดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน
สั่ง ก.ต่างประเทศยกเลิกงบฯทูตซีอีโอ
โฆษกกรรมาธิการฯกล่าวอีกว่า สำหรับงบของกระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งไว้จำนวน 7,433,931,000 บาท ได้มีการปรับลดจำนวน 34,000,000 บาท คณะกรรมาธิการฯได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยกระทรวงการต่างประเทศควรจะปรับแผนยุทธศาสตร์ในเชิงรุก และให้เป็นความสัมพันธ์ที่ถาวร และเร่งฟื้นฟูกระชับความ สัมพันธ์ นอกจากนี้ งบประมาณเกี่ยวกับภารกิจต่างประเทศเชิงบูรณาการ (การทูตซีอีโอ) เมื่อรัฐบาลได้ยกเลิกระบบซีอีโอแล้ว จึงไม่ควรตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ ส่วนงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ตั้งไว้จำนวน 65,425,437,300 บาท ได้มีการปรับลด 100,291,400 บาท กมธ.ได้เสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบันประชาชนยังไม่เข้าใจ ทางกระทรวงควรจัดหานักวิชาการมาสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ควรสร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ของประชาชน
นายเชนทร์กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯได้นัดประชุมทุกวัน เพื่อพยายามพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบให้เสร็จทันภายในกรอบเวลาที่กำหนด เพราะจะได้เป็นเครื่องมือของส่วนราชการและรัฐบาลเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศ หากล่าช้าออกไปจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
ทีดีอาร์ไอชี้การเมืองผูกขาดธุรกิจ
วันเดียวกัน ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้จัดการสัมมนาวิชาการประจำปี 2549 น.ส.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ด้านบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอ ได้เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ?การผูกขาดธุรกิจกับการเมือง? ได้ระบุว่า แม้ว่าประเทศ ไทยจะมี พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ตั้งแต่ปี 2542 และมีคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นผู้ดูแล เพื่อแก้ไขพฤติกรรมการผูกขาดของภาคเอกชน และคุ้มครองผู้บริโภค แต่การใช้กฎหมายดังกล่าวไม่เกิดขึ้นจริง ยังคงเกิดการผูกขาดทางการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพบความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจการเมือง ธุรกิจผูกขาด และการกำกับดูแลในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า สำหรับพฤติกรรมการผูกขาดทางการค้าที่พบมากที่สุด ประกอบด้วยการฮั้วราคาคือกำหนดราคาขายแพงกว่าผู้อื่น พฤติกรรมในการทุ่มตลาด และการกีดกันไม่ให้ร้านค้าขายสินค้าของคู่แข่ง
4 กิจการผูกขาดการค้ามากที่สุด
น.ส.เดือนเด่นระบุว่า จากการรวบรวมพบว่า ธุรกิจที่ได้รับการร้องเรียนเรื่องการผูกขาดทางการค้ามากที่สุด ประกอบด้วย 4 กลุ่ม 1. บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ของตระกูลเจียรวนนท์ 2. บริษัทในเครือสุรามหาราษฎร์ ของตระกูลสิริวัฒนภักดี และเตชะไพบูลย์ 3. กลุ่มบริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย และ 4. กลุ่มรัฐวิสาหกิจ เช่น ปตท.และบางจากปิโตรเลียม การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยและ อสมท จากการรวบรวมพบว่ามีความเป็นไปได้ส่วนหนึ่ง ที่บริษัทเหล่านี้สามารถดำเนินการในลักษณะผูกขาดทางการค้าได้ ทั้งๆที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.การแข่งขัน เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับรัฐบาล การเมือง และหลายครั้งที่มีกรรมการอยู่ในคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า โดยสรุปกลุ่มซีพีมีสายสัมพันธ์ทางการเมืองกับ พ.ต.ท.ทักษิณค่อนข้างมาก เช่น นายธนินท์ เจียรวนนท์ เคยเป็นที่ปรึกษาทั้งของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในช่วงเป็น รมว.คลัง ขณะที่นายวัฒนา เมืองสุข รมว.อุตสาหกรรมในขณะนั้น ก็เป็นบุตรเขยของนายสุเมธ เจียรวนนท์
รัฐวิสาหกิจยังถูกการเมืองครอบงำ
ผลวิจัยดังกล่าวระบุด้วยว่า ในขณะที่บริษัทในเครือสุรามหาราษฎร์ ถึงแม้ไม่มีความสัมพันธ์กับการเมืองโดยตรง แต่มีความสัมพันธ์ผ่านทางตระกูลเตชะไพบูลย์มาตลอด ซึ่งนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทสุรามหาราษฎร์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยพบว่าบริษัทนี้บริจาคให้พรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี 2544-2549
?ส่วนกลุ่มรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นธุรกิจผูกขาด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีความสัมพันธ์ทางการเมืองผ่านการถือหุ้น เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ก็มีนายทรงวุฒิ ชินวัตร ญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองกรรมการผู้จัดการบริหารองค์กร ตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่นายทวีศักดิ์ จุฬางกูร ซึ่งเป็นญาติของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และครอบครัวมหากิจศิริ เป็นกลุ่มที่ได้รับการจัดสรรหุ้น ปตท.ในอันดับที่สูงมาก นอกจากนั้นยังมีหลายบริษัทที่เป็นธุรกิจลักษณะผูกขาด ที่มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง เช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ของตระกูลชินวัตร บริษัทควอลิตี้ คอฟฟี่ โพรดักส์ ของตระกูลมหากิจศิริ และบริษัท ปิกนิก คอร์เปเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลลาภวิสุทธิสิน เป็นต้น? น.ส.เดือนเด่นกล่าว
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์