ไฟไหม้โรงเรียนสุโขทัย-พิษณุโลกรับวันม็อบชุมนุมอีก มทภ.3 สงสัยสั่งหลายครั้งยังลัดวงจรอยู่เรื่อย ทหาร-ตร.จู่โจมจับ 40 ชายชุดดำคา บ.ข.ส.บุรีรัมย์ ทำประวัติก่อนปล่อยตัวไป ไม่เชื่อรับจ้าง รปภ.โรงเรียนตามคำให้การ เหนือเจอขนม็อบพันคน ต้านหวยเข้ากรุง 10 คัน กุนซือปฏิเสธ?ทักษิณ?ต่อท่อน้ำเลี้ยง บอกเงินทุกบาทยังอยู่ในประเทศ ท้าให้ตรวจสอบเส้นทางโอนเงิน
**ไหม้อีก ร.ร.พิษณุโลก-สุโขทัย
เกิดเหตุไฟปริศนาไหม้โรงเรียนขึ้นอีกใน 2 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงเรียนถี่ยิบในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ามกลางความหวาดวิตกคลื่นใต้น้ำ ต่อต้านรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือ คมช. จากฝ่ายทหาร ภายหลังการเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นอีกหลายพื้นที่ ก่อนการนัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 10 ธันวาคม
ทั้งนี้ไฟไหม้ล่าสุด เกิดในพื้นที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และ อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย รายแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.20 น. ร.ต.ต.เสน่ห์ พรมรัตน์ ร้อยเวร สภ.อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียนโรงเรียนราษฎร์ประชาอุทิศ หมู่ที่ 3 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จึงนำกำลังพร้อมรถดับเพลิงเทศบาลตำบลนครไทย 1 คัน เข้าสกัดเพลิง ที่ลุกไหม้อาคารเรียนชั้นเดียวสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำสกัดใช้เวลา 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากนั้นเข้าตรวจสอบพบโต๊ะ เก้าอี้ ฝาผนังห้องเรียน และฝ้าเพดานของอาคารเรียนถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย ประเมินความเสียหายประมาณ 10,000 บาท จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงมาจากห้องเรียนชั้นอนุบาลที่ 2/2
**อ้างลืมปิดพัดลม-ทหารไม่ติดใจ
ต่อมา พ.ต.อ.สุรัตน์ บุญกำเนิด นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญวิทยาการ 3 พ.ต.ท.เชี่ยวชัย พงศ์อัมพรขจี และ พ.ต.ท.หญิง กฤษฎี พงศ์อัมพรขจี เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 33 พิษณุโลก เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเกิดจากสวิตช์ไฟปิด-เปิดพัดลมเพดานภายในห้องเสื่อมสภาพ เมื่อเปิดพัดลมเป็นเวลานานทำให้เกิดความร้อนและเพลิงไหม้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนายมานิตย์ ทุนขุนทด อายุ 48 ปี อาจารย์เวรประจำโรงเรียนให้การว่า ก่อนเกิดเหตุโรงเรียนได้จัดการแข่งขันกีฬาสีประจำปีวันสุดท้าย โดยมีครูและนักเรียนเข้าไปใช้ห้องดังกล่าวและเปิดพัดลม กระทั่งช่วงเย็นหลังแข่งขันกีฬาเสร็จ ครูและนักเรียนจึงแยกย้ายกลับบ้าน ส่วนนายมานิตย์ได้เข้าเวรดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเรียนตั้งแต่ช่วงเย็นถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เห็นประกายไฟบริเวณห้องเรียนดังกล่าว จากนั้นมีควันพุ่งออกมา จึงเรียกชาวบ้านและครูที่พักในบ้านพักครูมาช่วยกันดับไฟ รวมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิงมาช่วยระงับเหตุ
กระทั่งเวลา 08.00 น. กองทัพภาคที่ 3 ได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งเข้าตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ เนื่องจากเกรงจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถาน การณ์วุ่นวาย ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุลอบเผาโรงเรียนหลายแห่งใน จ.กำแพงเพชร แต่หลังจากได้รับการยืนยันสาเหตุของเพลิงไหม้ จึงเดินทางกลับ
**อีกรายที่สุโขทัย-สรุปลัดวงจรอีก
รายที่สองเกิดขึ้นที่ จ.สุโขทัย โดยเมื่อเวลา 06.30 น. พ.ต.ท.วินัย เชื้อผู้ดี สารวัตรเวร สภ.อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียนโรงเรียนบ้านบึงสวย หมู่ที่ 10 ต.นครเดิฐ อ.ศรีนคร จึงนำกำลังพร้อม พล.ต.ต.สุปรีชา อุณหนันท์ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย นายวันชัย สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานวิทยาการ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าโรงเรียนถูกไฟไหม้ทั้งหลัง
นายเมธา สังข์ทอง ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายใบ พันธ์ทอง อายุ 47 ปี นักการภารโรงว่า ในเวลาประมาณ 06.00 น. ก่อนเกิดเหตุ ได้สังเกตเห็นกระแสไฟตกวูบลง จากนั้นมีควันไฟและเกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วทั้งหลัง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลตำบลศรีนคร 4 คันเข้าระงับ โดยใช้เวลาฉีดน้ำดับไฟ 1 ชั่วโมง หลังตรวจสอบความเสียหายพบว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารเรียน 2 ชั้น ชั้นล่าง เป็นห้องเรียนชั้น ป.1-ป.2 ด้านบนเป็นห้องศูนย์วิทยาศาสตร์และภาษาไทยของโรงเรียน ถูกไฟไหม้เสียหายทั้ง 4 ห้อง พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องคอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง ประเมินความเสียหายเบื้องต้น 1 ล้านบาท
ต่อมา พ.อ.พิจิตร ลักษณละม้าย รองเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 พิษณุโลก พร้อมคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประชุมร่วมกับนายวันชัย และ พล.ต.ต.สุปรีชา เพื่อหาข้อเท็จจริง และสาเหตุเพลิงไหม้ โดยมีข้อสรุปว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ไม่ได้เกิดจากการลอบวางเพลิงหรือสร้างสถานการณ์แต่อย่างใด
**มทภ.3สงสัยสั่งหลายครั้งยังลัดวงจร
ขณะที่ พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 นำคณะเสนาธิการตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดป่าแดด อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และจุดตรวจจุดสกัดดอยติ อ.เมือง จ.ลำพูน บนถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง เมื่อเวลา 09.00 น. ตามแผนรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ โดยเฉพาะการเดินทางไปรวมตัวชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและ คมช.ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 10 ธันวาคม
พล.ท.จิรเดชกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากจับกุมต่างด้าว 24 คน ช่วงแรกอาจทำให้ การจราจรติดขัดบ้าง แต่เชื่อว่าประชาชนคงเข้าใจความจำเป็นของข้าราชการที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
?การเคลื่อนไหวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือในวันที่ 10 ธันวาคมนั้น หากเป็นการเดินทางไปสัมมนา ที่มีการวางแผนล่วงหน้าชัดเจนก็ให้ไปได้ เช่น ไป ภูเก็ต กาญจนบุรี ไม่น่าห่วง ส่วนไปกรุงเทพฯขณะนี้ ยังไม่มี คงต้องดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเรียบร้อย ล่าสุดได้รับรายงานเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนที่ จ.พิษณุโลก และ จ.สุโขทัย แล้ว จึงสั่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ที่ผ่านมาสั่งไปหลายครั้งแล้วให้เข้มงวดกวดขันตามโรงเรียน โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ มิฉะนั้นจะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรโดยตลอด? พล.ท.จิรเดชกล่าว
**เจอ10คันขน1พันม็อบเข้ากรุง
ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง ร่วมกับตำรวจ สภ.อ.ต่างๆ ตั้งด่านตรวจบนถนนสายสระบุรี-หล่มสัก เส้นทางผ่านเข้ากรุงเทพฯ โดยพบรถยนต์กระบะและรถตู้จาก จ.เลย มีผู้โดยสารเต็มรถหลายคันมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน จึงเรียกตรวจสอบ ชาวบ้านส่วนหนึ่งยอมรับว่ากำลังเดินทางเพื่อเข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องให้มีหวยบนดินที่กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงจดชื่อและหมายเลขทะเบียนรถทั้งหมด ซึ่งเป็นรถจำนวน 10 คันและประชาชนราว 1,000 คน จากนั้นจึงปล่อยตัวไป
รายงานข่าวแจ้งว่า กองพลทหารม้าที่ 1 ได้สั่งการให้หน่วยทหารในสังกัด จัดตั้งชุดเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็ว เป็นมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ การลอบสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนหรือวางเพลิงสถานที่ราชการและโรงเรียน ขณะเดียวกันนายต่อพงษ์ อ่ำพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กำชับนายอำเภอทุกท้องที่ให้เฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รวมทั้งให้กำนันผู้ใหญ่บ้านชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกบ้านไม่ให้เดินทางไปร่วมชุมนุมกดดันรัฐบาลและ คมช.
**ทหารเลยเรียกแกนนำคุย
พ.อ.ประกิจ ทับทอง ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย กล่าวว่า แม้ไม่พบความเคลื่อนไหว การเดินทางไปชุมนุมที่ กทม.ในวันที่ 10 ธันวาคม แต่ก็ได้เชิญตัวแทนกลุ่มแกนนำต่างๆ ที่เชื่อว่ามีการเคลื่อนไหวเข้ามาพูดคุยเพื่อสร้างความสมานฉันท์
?กลุ่มอดีต ส.ส.นั้นเชื่อว่าคงเข้าใจในสถานการณ์ดีอยู่แล้ว คงไม่มีการเคลื่อนไหวแน่นอน และตั้งแต่ช่วงนี้ไป ได้สั่งให้ตั้งด่านตรวจคนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ 4 เส้นทาง คือ บริเวณผานกเค้า อ.ภูกระดึง, บ้านโป่งชี อ.ด่านซ้าย อ.ภูหลวง และสามแยกปากภู รอยต่อ อ.อำเภอเชียงคาน และ อ.ท่าลี่ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือเตรียมความพร้อม ตรวจผู้ที่เดินทางเข้าออกกรุงเทพฯอย่างละเอียด พร้อมแนะนำผู้ที่เดินทางไปยังกรุงเทพฯ หากมีความจำเป็นจริงๆ ก็ต้องแสดงตนและบัตรประชาชน? พ.อ.ประกิจกล่าว
**จู่โจมจับ41ชายชุดดำที่ บ.ข.ส.บุรีรัมย์
ส่วนกำลังทหารประจำกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ พร้อมตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจ สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์กว่า 20 นาย เข้าควบคุมตัวชายฉกรรจ์ 41 ราย แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำและกางเกงขายาวสีดำทั้งหมด
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ โดยก่อนหน้าเข้าจับกุม ทางทหารได้รับแจ้งจากตำรวจสายตรวจว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเดินทางด้วยรถกระบะมาที่ บ.ข.ส.บุรีรัมย์ คาดว่าจะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมต่อต้าน คมช.ที่กรุงเทพฯในวันที่ 10 ธันวาคม จึงนำตัวชายกลุ่มนี้ไปสอบปากคำที่ สภ.อ. เมืองบุรีรัมย์ พร้อมยึดรถยนต์ที่ทั้งหมดโดยสารไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วยรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีเขียว ทะเบียน ป-4820 อุบลราชธานี, รถกระบะยี่ห้อฟอร์ด สีฟ้า ทะเบียน บบ 2993 อุบลราชธานี รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บบ 9833 อุบลราชธานี และรถตู้ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว ทะเบียน พช 1111 กรุงเทพมหานคร
**อ้างรับจ้างรปภ.โรงเรียน
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ชายกลุ่มดังกล่าวให้การว่าเดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี โดยถูกว่าจ้างจากโรงเรียนรามบริรักษ์ ตั้งอยู่ที่ 26/59 ซอยรามอินทรา 34 เขตบางเขน กรุงเทพฯ เพื่อให้มาดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จะเดินทางมาอบรมและรับการแนะแนวที่โรงเรียน ซึ่งจะเปิดอบรมประจำภาคอีสานที่โรงแรมเทพนคร จ.บุรีรัมย์ โดยได้รับค่าจ้างคนละ 1,000 บาท
ต่อมานางธัญลักษณ์ ไชยกัณหา อ้างว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนรามบริรักษ์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้ปากคำ โดยแจ้งว่าได้จ้างชายกลุ่มดังกล่าวมาดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกแก่นักเรียนที่เข้ารับการอบรมเพื่อเข้าโรงเรียนรามบริรักษ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเกี่ยวกับ การดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ที่โรงแรมเทพนคร อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
**ทหาร-ตร.ข้องใจได้แต่จดชื่อไว้
อย่างไรก็ตาม ตำรวจและทหารยังไม่ปักใจเนื่อง จากมีเหตุสงสัยหลายประการ เช่นทำไมต้องว่าจ้างคนจากอุบลราชธานี การไปรวมตัวที่ บ.ข.ส.บุรีรัมย์ แต่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหาใดๆ ได้ จึงทำบันทึกปากคำและจดชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนทั้งหมดไว้ จากนั้นจึงปล่อยตัวไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภูมิลำเนาจากบัตรประจำตัวประชาชนพบว่าเป็นประชาชนจาก จ.อุบลราชธานี 34 คน, ศรีสะเกษ 2 คน, อำนาจเจริญ 2 คน, พัทลุง 1 คน, สุราษฎร์ฎานี 1 คน และกรุงเทพฯ 1 คน
**บิ๊กภาค3ชี้กองทัพมดไหลเข้ากรุง
พล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รอง ผบช. ภาค 3 เปิดเผยว่า ได้สั่งการตำรวจภูธร 8 จังหวัด จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และยโสธร ให้ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ รวมทั้งให้ตั้งจุดตรวจและจุดสกัดร่วมทหารรวม 29 จุด จุดละประมาณ 20 คน หมุนเวียนกันตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ตำรวจได้ข้อมูลว่ามีกลุ่มที่จะเดินทางไปสมทบการชุมนุมที่กรุงเทพฯ ได้แก่ กลุ่มต่อต้านการสร้างห้างสรรพสินค้าโลตัส จ.นครราชสีมา ประมาณ 100 คน เดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยรถบัส 2 คัน และกลุ่มต่อต้านการสร้างเขื่อนปากมูลจาก จ.อุบลราชธานี ไม่เกิน 50 คน จะแยกย้ายกันเดินทางลักษณะกระจัดกระจายเหมือนกองทัพมด เช่น ขึ้นรถไฟ รถบัสโดยสาร หรือรถยนต์ส่วนตัว กลุ่มเหล่านี้เดิมมีเจตนาเรื่องปากท้อง เกษตรกรรมต่างๆ จึงอยากเข้าไปสมทบ จึงสั่งการตำรวจภูธร จ.อุบลราชธานี เข้าตรวจสอบและทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ สภ.อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีสถานีรถไฟได้ตรวจสอบควบคุมด้วย
**ภาค2เรียกอปท.กว่า400คนคุย
พล.ต.พจน์ เหรียญมณี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกับ ผบก.ภ.จว.และปลัดจังหวัดนครราชสีมา เชิญผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นครราชสีมา กว่า 400 คน มาทำความเข้าใจและชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้กลับไปชี้แจงประชาชน และป้องกันการปลุกระดมประชาชนไปชุมนุมในกรุงเทพฯ
**ตั้งกองอำนวยการ3จุดรับมือ10ธ.ค.
พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลทุกนายเตรียมความพร้อมปฏิบัติงานหากเกิดเหตุความรุนแรง ตามกำหนดที่กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านรัฐบาลจะนัดรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง ในเวลา 16.00 น. วันที่ 10 ธันวาคม แล้วจะเคลื่อนขบวนยื่นหนังสือที่กองทัพบก ถนนราชดำเนิน ซึ่ง บช.น.ตั้งศูนย์กองอำนวยการ 3 จุด คือ บริเวณหน้าวัดมหาธาตุ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และด้านหน้ากองทัพบก เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น.จนกว่าจะสิ้นสุดการชุมนุม จึงขอความร่วมมือกับผู้ชุมนุม ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย เดินขบวนอย่างสันติ ไม่กีดขวางการจราจร ในส่วนบริเวณรอบๆ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ คอยสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะตามสถานที่สำคัญทางราชการ เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนบ้านเมือง
**กลุ่มวันเสาร์อุ่นเครื่องสนามหลวง
สำหรับบริเวณท้องสนามหลวงที่มีการนัดชุมนุมกันในวันที่ 10 ธันวาคมนั้น ในเวลา 17.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม กลุ่มคนวันเสาร์ ไม่เอาเผด็จการ นำโดยนายสุชาติ นาคบางไทร อุ่นเครื่องการชุมนุม ด้วยการตั้งเวทีขนาด 2.5 คูณ 2 เมตร สูง 1 เมตร ขึ้น โดยมีป้ายโจมตีเขียนอยู่ด้านหน้าเวที อาทิ คมช. คือ มะเร็งร้าย ทำลายประชาธิปไตย, หน้าด้านสมานฉันท์ แบ่งกันกินเค้ก การชุมนุมในครั้งนี้มีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 200 คน โดยกลุ่มคนวันเสาร์ฯ แจกเอกสารโจมตีรัฐบาล และ คมช. รวมถึงนกหวีด เพื่อให้ผู้ฟังการชุมนุมช่วยกันเป่าส่งเสียง โดยมีการผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัย ทั้งในเรื่องการที่คนไทยในลอนดอนประเทศอังกฤษ ยังสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นโยบายหวยบนดินที่อ้างว่าทำอย่างถูกต้องไม่ผิดกฎหมายเพื่อช่วยการศึกษาของเด็กไทย รวมถึงการพูดโจมตีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
**ขายมะเขือเทศปารูปสนธิ-สุรยุทธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติได้ใช้ถ้อยคำปราศรัยที่รุนแรง พร้อมกับชักชวนให้ประชาชนที่มาร่วมฟัง ซื้อมะเขือเทศที่อ้างว่าได้รับการบริจาคมาจำนวน 100 กิโลกรัม ในราคา 3 ลูก 10 บาท เพื่อนำไปปา รูปผู้นำรัฐบาลและบุคคลที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายสนธิ รวมถึงการจำหน่ายจานกระเบื้อง เพื่อนำมาปาในราคาใบละ 100 บาท โดยบอกว่ามีเพียง 20 ใบ เพื่อนำเงินมาใช้เป็นค่าน้ำมันและเครื่องปั่นไฟ ซึ่งก็ขายหมดในเวลารวดเร็ว
**ตร.ใน-นอกเครื่องแบบวางกำลังคุม
นอกจากนี้ ยังประกาศว่าจะมีการเผาดอกไม้จันทน์ เผาพริก เผาเกลือสาปแช่งแกนนำรัฐบาลและ คมช. ในเวลา 20.00 น. ทั้งนี้ ระหว่างการชุมนุมที่บรรยากาศโดยทั่วไปไม่ค่อยคึกคักอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล นอกเครื่องแบบได้กระจายกำลังอยู่โดยรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น โดยยังไม่พบว่ามีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ
**กุนซือกม.ปัดแม้วต่อท่อน้ำเลี้ยง
ทางด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ตอบโต้นายทหารระดับสูงหลายนายที่ออกมาระบุ มีการต่อท่อน้ำเลี้ยงจากนอกประเทศ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คมช.ว่า จากการพูดคุยกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้รับคำยืนยันว่าไม่มีการส่งท่อน้ำเลี้ยงตามที่มีผู้กล่าวหา ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการอยู่เงียบๆ ใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือ จะใช้เวลาอยู่ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน นานพอสมควร และจะไม่เดินทางกลับเข้าประเทศจนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ถือเป็นการสละความสุขในการอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่เมืองไทยเพื่อความสมานฉันท์ของบ้านเมือง
นายนพดลกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้บอกกับทุกคนที่เดินทางไปเยี่ยมที่กรุงปักกิ่ง ว่าอย่าเคลื่อนไหวใดๆ และ พ.ต.ท.ทักษิณน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องความรู้รักสามัคคี ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขเพราะบ้านเมืองของเราต้องแข่งขันกับนานาประเทศ จึงต้องเดินหน้า ไม่ใช่ใส่เกียร์ถอยหลัง
**ท้าให้ตรวจสอบเส้นทางเงิน
?อยากฝากถึงแม่ทัพ นายกอง และบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายว่าไม่มีท่อน้ำเลี้ยงอะไร และขอให้ทหารระมัด ระวังในการใช้คำพูดด้วย เพราะท่านมีอำนาจ มีปืน มีรถถังในมือ ประชาชนตัวเล็กๆ จะไปสู้อะไรท่านได้ เขามีอย่างมากก็ไม้หน้าสามจะไปต่อกรกับปืนได้อย่างไร สิ่งที่ท่านต้องทำคือการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด และให้สิทธิเสรีภาพประชาชนในการแสดงความคิดเห็น? นายนพดลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีการสั่งอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงตามที่ทหารอ้าง นายนพดลกล่าวว่า ?ขณะนี้เงินและทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในประเทศทั้งหมด รวม ถึงในส่วนของลูกๆ ที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วย ท่านอยู่ปักกิ่งท่านก็ไม่ได้ทำอะไร การกล่าวหาอะไรขอให้มีมาตรฐานในการกล่าวหาด้วย เพราะถ้ามีเงินไหลเข้าออกก็สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว และอดีตนายกฯ ก็ยินดีให้ตรวจสอบด้วย? นายนพดลกล่าว
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์