แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

พรรคเล็กงัดรูป ?ชวน? เล่นงาน ปชป. ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : พรรคเล็กงัดรูป ?ชวน? เล่นงาน ปชป.
ภาพจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ

<dd>กลุ่ม B

<dd>อังกฤษ 2 - 0 ตรินิแดดและโตเบโก

ฟุตบอลโลก 2006 ประจำวันพฤหัสฯ ที่ 15 มิ.ย. ในคู่ที่ 2 เวลา 23.00 น. ที่สนามแฟรงเคน สเตเดี้ยม เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมัน เป็นการแข่งขันนัดที่ 2 ของทีมในกลุ่ม B ระหว่าง ?สิงโตคำราม? <b>อังกฤษ</b> กับ <b>ตรินิแดดและโตเบโก</b>

ครึ่งแรกนาทีที่ 16 อังกฤษได้ลุ้นประตู จากจังหวะ โจ โคล เปิดบอลจากฝั่งซ้ายไปที่เสาสองให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ที่พยายายมวอลเล่ย์ด้วยขวา แต่โดนไม่ถนัด ชาก้า ฮิสล็อพ ปัดออกข้างไว้ได้

นาทีที่ 18 ใบเหลืองแรกของเกมเป็น เดนซิลล์ ธีโอบาร์ด ผู้เล่นตรินิแดด ที่ทำฟาล์ว สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ก่อนอีกเพียงนาทีเดียว เออร์ติส วิธเลย์ ของตรินิแดดจะเข้าเสียบสกัด เจอร์ราร์ด ล้มลง ผู้ตัดสินควักใบเหลืองให้ วิธเลย์ เป็นคนที่สองของเกม

นาทีที่ 27 เกมหยุดชั่วขณะ เมื่อ ดไวท์ ยอร์ค ผู้เล่นของตรินิแดด ล้มลงไปกองกับพื้นหลังจากบล็อกลูกยิงของ เจอร์ราร์ด ที่ยิงอัดเต็มแรงไปโดนที่บริเวณท้องน้อยของ ดไวท์ ยอร์ค จนต้องหามไปปฐมพยาบาลที่ข้างสนามชั่วครู่

นาทีที่ 28 เวย์น รูนีย์ ที่ยังนั่งเป็นตัวสำรองในนัดนี้ ออกมาวิ่งวอร์มที่ข้างสนาม

นาทีที่ 34 แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีโอกาสสับไกหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งออกข้างเสาไป

นาทีที่ 36 ตรินิแดด เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะลูกเปิดมุมของ ดไวท์ ยอร์ค ที่มุมธงฝั่งซ้าย บอลลอยไปที่หน้าประตู พอล โรบินสัน นายทวารอังกฤษออกมาพยายามกระโดดชก แต่ไม่โดน บอลเลยมาถึง สเทิร์น จอห์น ที่ขึ้นโหม่งตอปิโด แต่ไม่ตรงกรอบออกข้างเสาไปอย่างได้ลุ้น

นาทีที่ 41 เป็นโอกาสที่อังกฤษน่าจะได้ประตู เมื่อ เจอร์ราร์ด ได้บอลที่เส้นหลังในเขตโทษ ก่อนส่งตัดหลังเข้ากลางมาหน้าประตูให้ แลมพาร์ด ซัดโล่ง ๆ ด้วยขวา แต่กลับข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
อังกฤษ ทำเกมบุกได้เรื่อย ๆ นาทีที่ 42 เบคแฮม ได้จังหวะกลับตัวยิงอย่างสวยงามที่เส้นหน้าเขตโทษ แต่ตรงตัว ฮิสล็อพ ที่รับไว้ได้สบาย

จากนั้นนาทีที่ 43 อังกฤษ เกือบได้เฮลั่นสนาม เมื่อ เบคแฮม บรรจงเปิดบอลจากกราบขวาตัดเข้ากลางเข้าไปในเขตโทษให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ที่ยืนจังก้ารออยู่ กระโดดซัดวอลเล่ย์กลางประตู แต่ผิดเหลี่ยม บอลพุ่งออกข้างเสาไปไกลอย่างน่าผิดหวัง

นาทีที่ 45 อังกฤษ เกือบเสียประตูชนิดหวาดเสียว เมื่อ สเทิร์น จอห์น ขึ้นเบียดโหม่งหน้าประตูระยะแค่ 5 หลากับแผงหลังอังกฤษ บอลกระดอนลอยจะเข้าประตู แต่เป็น จอห์น เทอร์รี่ ที่กระโดดจักรยานอากาศเตะสกัดเคลียร์จากเส้นประตูออกไปได้อย่างหวุดหวิด อังกฤษรอดพ้นจากการเสียประตูอย่างเหลือเชื่อ

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 46 เคนเวน โจนส์ ของตรินิแดด ได้รับใบเหลือง หลังไปทำฟาล์ว เทอร์รี่
จบเกม อังกฤษ เสมอ ตรินิแดดฯ 0-0

เริ่มครึ่งหลังเพียงนาทีที่ 47 ใบเหลืองที่ 5 ของเกมตกเป็นของ ชาก้า ฮิสล็อพ นายทวารตรินิแดดฯ ที่ผู้ตัดสินมองว่าพยายามถ่วงเวลาด้วยการเตะจากเส้นประตูช้า

นาทีที่ 55 ปีเตอร์ เคร้าช์ มีโอกาสได้บอลในเขตโทษ แต่หันหลังให้ประตูก่อนงัดบอลขึ้นมาตามด้วยยิงกลับหลัง แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไปเยอะ

นาทีที่ 56 ซิด เกรย์ เข้าเสียบสกัดข้างหลัง ไมเคิล โอเว่น กรรมการควักใบเหลืองให้ เกรย์ ก่อนที่ เบคแฮม จะรับหน้าที่เปิดลูกฟรีคิกเกือบครึ่งสนามเข้าไปในเขตโทษ ให้ โอเว่น พุ่งโหม่งแต่ไม่ตรงกรอบออกข้างเสาแรกไปอย่างได้ลุ้น

นาทีที่ 58 กองเชียร์อังกฤษเฮและปรบมือต้อนรับ <b>เวย์น รูนีย์ </b>ที่ถูกส่งเปลี่ยนลงมาแทน ไมเคิล โอเว่น ก่อนจะส่ง แอรอน เลนนอน ลงมาแทน เจมี่ คาราเกอร์ อีกคน

นาทีที่ 64 แฟร้งค์ แลมพาร์ด เข้าเสียบสกัด เบรนท์ ซานโช ผู้เล่นตรินิแดดล้มลง เป็นใบเหลืองของ แลมพาร์ด และเป็นใบแรกของอังกฤษ

นาทีที่ 69 เบคแฮม เปิดโด่งเข้าไปหน้าประตูที่เสาสอง ให้ เคร้าช์ ขึ้นโขก แต่บอลลอยเฉียดคานไปอย่างได้ลุ้น

นาทีที่ 70 ตรินิแดด เปลี่ยนตัวสำรองเป็นคนแรก โดย ส่ง คอร์เนลล์ เกร็น ลงมาแทน เคนเวน โจนส์

นาทีที่ 75 อังกฤษ ถอด โจโคล ออก และส่ง สจ๊วต ดาวน์นิ่ง ลงมาแทน

นาทีที่ 77 อังกฤษทำเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยม และมีจังหวะทำประตู จากการทำชิ่งของ เคร้าช์ ที่ชิ่งต่อให้ แลมพาร์ด ซัดจ่อ ๆ หน้าประตู แต่ไปตรงตัว ฮิสล็อพ รับไว้ได้ ก่อนผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกล้ำหน้า

นาทีที่ 78 แลมพาร์ด ได้ยิงอีกครั้ง แต่ลูกหลุดออกหลังไปไกล

นาทีที่ 80 ตรินิแดด ได้ฟรีคิก ก่อน สเทิร์น จอห์น จะได้บอลหน้าเขตโทษ และยิงเฉี่ยวเสาออกไป
และแล้วนาทีที่ 83 กองเชียร์สิงโตคำรามก็เฮกันลั่นสนาม เมื่ออังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำ <b>1-0 </b>สำเร็จ จากจังหวะลูกเปิดจากด้านข้างกราบขวาอันแม่นยำจากเท้า เบคแฮม ที่บรรจงโยนไปหน้าประตูเสาสอง ให้<b> ปีเตอร์ เคร้าช์</b> ทะยานขึ้นโขกเต็ม ๆ ระยะเผาขน สวน ฮิสล็อพ เสียบใต้คานเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด

นาทีที่ 85 ตรินิแดด พยายามแก้เกมด้วยการส่ง อิวานส์ ไวส์ ลงมาแทน เดนซิลล์ ธีโอบาร์ด
แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 91 อังกฤษ ก็ลุกขึ้นเฮทั้งสนาม เมื่อมาได้ประตูขยับนำห่างเป็น 2-0 จากฝีเท้าของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ล็อกหลบแผงหลังตรินิแดดหนึ่งจังหวะหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเข้าสามเหลี่ยมไปตุงตาข่ายสุดสวย

เวลาที่เหลือ ตรินิแดด แลกเกมบุก จนนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลา นาทีที่ 93 กองเชียร์ตรินิแดด เฮกันเก้อ เมื่อ สเทิร์น จอห์น ยิงลูกไขว้ระยะแค่ 5 หลาเข้าประตูไป แต่กลับเป็นการล้ำหน้าไปก่อน
จบเกม อังกฤษ เอาชนะ ตรินิแดดฯ ไปอย่างสุดมันส์ <b>2-0</b> พร้อมกับผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปอย่างแน่นอนแล้ว ด้วยคะแนนที่มีตุนไว้ขณะนี้ 6 คะแนนเต็มจาก 2 นัด.

<dd>สวีเดน 1 - 0 ปารากวัย

ฟุตบอลโลก 2006 รอบแรก นัด 2 ในกลุ่ม B ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี เมื่อวันพฤหัสบดี 15 มิ.ย. ?ไวกิงส์? สวีเดน ที่เกมแรก เสมอกับ ตรินิแดดและโตเบโก 0-0 พบกับ ปารากวัย ที่นัดแรกแพ้ อังกฤษ 0-1 เริ่มเกม สวีเดน โหมเกมบุกหนักทันที แต่ยังเจาะเข้าไปหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ ทำให้ต้องยิงไกลเป็นส่วนใหญ่ นาที 10 คิม คัลล์สตรอม เพลย์เมกเกอร์เท้าหนักจากแรนส์ ในฝรั่งเศส ได้โอกาสหวดเต็มข้อนอกเขตโทษ บอลพุ่งวาบเกือบเสียบคาน แต่ อัลโด โบบาดิลลา นายทวารปารากวัย ลอยตัวปัดออกไปได้หวุดหวิด

จากนั้นทั้งคู่เปิดเกมแลกกันสนุก โดยปารากวัยเริ่มเป็นฝ่ายสร้างเกมขึ้นมาลุ้นสกอร์ได้บ้าง ขณะที่สวีเดนครองเกมได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็จะไม่เข้าเหมือนกัน ทำให้หมด 45 นาทีแรก สวีเดน ยังเสมอกับ ปารากวัย 0-0

ครึ่งหลัง สวีเดน เปลี่ยนตัวเอา มาร์คุส อัลบัค ลงมาเล่นแทน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่รูปเกมก็ยังไม่ดีขึ้น แถมเป็นปารากวัยที่แก้เกมมาดีกว่า และเป็นฝ่ายครองเกมเข้าทำเกมรุกได้มากกว่า แต่เกมส่วนใหญ่ยังอยู่บริเวณกลางสนาม โดยไม่มีฝ่ายไหนสร้างเกมเข้าไปยิงแบบมีลุ้นได้เลย นาที 53 สวีเดน ได้โอกาสอีกครั้ง เมื่อ เฮนริค ลาร์สสัน ได้ปั่นฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลเรียดเกือบเสียบโคนเสาแต่ไม่โค้งพอ ทำให้ บาโบดิลลา พุ่งปัดออกไปได้

นาที 60 สวีเดน น่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุด เมื่อ อัลบัค หลุดกับดักล้ำหน้าไปดวลเดี่ยวกับ บาโบดิลลา ก่อนตัดสินใจกระดกบอลข้ามหัวผู้รักษาประตูปารากวัย แต่จังหวะสุดท้าย เดนิส คานิซา กองหลังทีมจากอเมริกาใต้ วิ่งมาสกัดบอลออกจากเส้นไปได้หวุดหวิด จากนั้นทั้ง 2 ทีมได้แต่ครองบอลกันไปมา โดยหาจังหวะจบสกอร์กันไม่ได้เลย จนในช่วงนาทีเดียวก่อนหมดเวลา สวีเดน ก็มาได้ประตูชัย จากจังหวะที่ อัลบัค โหม่งบอลตั้งมาทางเสา 2 ให้ เฟรดริก ลุงเบิร์ก โหม่งย้อนทางเสียบเสาแรกอย่างสวยงาม หมดเวลา สวีเดน ชนะ ปารากวัย 1-0 และเก็บเพิ่มเป็น 4 คะแนน อยู่ที่ 2 ขณะที่ ปารากวัย ยังไม่มีคะแนน โดยนัดสุดท้าย สวีเดน จะพบกับ อังกฤษ เพื่อชิงอันดับ 1 ของสาย ขณะที่ ปารากวัย พบ ตรินิแดดและโตเบโก โดยทั้ง 2 คู่ จะเตะกันในเวลา 02.00 น. ของวันที่ 20 มิ.ย. ที่จะถึงนี้

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215