สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงลุกลามบานปลาย ล่าสุดโจรใต้เหิมหนักบุกยิงผู้อำนวยการโรงเรียนกับญาติเสียชีวิต รวมทั้งลอบเผาโรงเรียน ไล่ยิงชาวบ้านเสียชีวิตและบาดเจ็บระนาวโดยรายแรกเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 2 ธ.ค. ขณะที่ น.ส.วรรณา องค์พลานุพัฒน์ อายุ 52 ปี ผอ.รร.บ้านบริจ๊ะ กำลังขายของในบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ เลขที่ 20 หมู่ 7 ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ระหว่างนั้นมีคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.มาจอดหน้าร้านแล้วคนซ้อนท้ายลงมาทำทีขอซื้อบุหรี่ พอสบโอกาสได้ชักปืนพก 11 มม.จ่อยิงศีรษะ น.ส.วรรณา ทันที 2 นัดซ้อน ล้มทรุดคาร้าน จากนั้นคนร้ายหันปากกระบอกปืนกระหน่ำยิงใส่นางแดง แซ่จิ่ว อายุ 70 ปี น้าสาวของ น.ส.วรรณา ที่อยู่ในร้านเสียชีวิตคาที่แล้ววิ่งไปขึ้นรถบึ่งหนี ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านช่วยนำร่าง น.ส.วรรณา ซึ่งยังมีลมหายใจรวยรินส่ง รพ.รือเสาะ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวขาดใจตายระหว่างนำส่ง
ต่อมา ร.ต.ท.อูมะแอน สัญญา ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ รับแจ้งเหตุเดินทางไปสอบสวนพร้อม พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก. เชื่อว่าเป็นฝีมือแนวร่วมโจรป่วนใต้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ สำหรับ น.ส.วรรณา ผู้ตาย เพิ่งย้ายจากโรงเรียนอื่นมารับตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนบ้านบริจ๊ะได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น และได้ทำเรื่องขอย้ายตัวเองไปอยู่โรงเรียนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากหวาดผวาภัยโจร และอยู่ระหว่างรอคำสั่งโยกย้ายก็มาถูกยิงเสียชีวิตเสียก่อน
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางดึกวันที่ 1 ธ.ค. คนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นแนวร่วมโจรป่วนใต้ได้ลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนบ้านยาแลเบาะ หมู่ 5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ต่อมา ร.ต.ต.ครรชิต กีนอ ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ ไปตรวจสอบพบอาคารไม้ชั้นเดียว จำนวน 6 ห้องเรียน ถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง พบหลักฐานเศษผ้าชุบน้ำมันเบนซินพันติดกับไม้ตกอยู่ สันนิษฐานคนร้ายใช้น้ำมันราดฝาผนังอาคารเรียนแล้วใช้เศษผ้าชุบน้ำมันที่เตรียมจุดไฟเผาวอดวาย สำหรับโรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.4 มีนายชัยวัฒน์ สุเมธาวิวัฒน์ เป็น ผอ.โรงเรียน มีครู 8 คน และนักเรียน 87 คน
ขณะเดียวกันคนร้ายอีกกลุ่มได้ลอบเผาป้อมและแผงกั้นถนนรางรถไฟสถานีรถไฟย่อยสโลบูกิตยือแร หมู่ 7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ได้รับความเสียหาย และคนร้ายยังนำยางรถยนต์เข้าไปวางในศาลาที่พักผู้โดยสารรถไฟเตรียมจุดเผาไฟ กับทุบเก้าอี้ม้านั่งหินอ่อนแตกกระจายเสียหายยับเยิน รวมทั้งลอบวางเพลิงเผาบ้านพักเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยบ้านบูกิตยือแร หมู่ 9 ต.รือเสาะ อยู่ติดสถานีอนามัยได้รับความเสียหาย
เวลาใกล้เคียงกันคนร้าย 4 คน ใช้รถ จยย. 2 คัน ไล่ประกบใช้ปืนอาก้ากราดยิงใส่รถปิกอัพของนายโชคชัย ไข่มุกข์ ขณะขับกลับจากหาของป่ามาบนถนนสายนราธิวาส-ปัตตานี หมู่ 3 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ นายโชคชัย เจ้าของรถกับนายปริญญา จันทร์เต็ม นายเมธา สีแดง และนายบัณฑิต สุขสวัสดิ์ เพื่อนที่นั่งมาในรถบาดเจ็บรวม 4 คน ส่วนที่ อ.จะแนะ ขณะที่นายนครินทร์ อาแว อายุ 43 ปี ขี่รถ จยย.กลับจากละหมาดที่มัสยิดมาตามถนนสายดุซงญอ-สุคิริน ถึงหมู่ 2 ต.ผดุงมาตร ถูกคนร้ายขี่รถประกบยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. บาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกัน คนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบก่อกวนในหลายพื้นที่
ต่อมาเวลา 13.00 น. ร.ต.ท.เนติวุฒิ ดีแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงบนถนนบ้านสือแด หมู่ 7 ต.สากอ ไปสอบสวนพบกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย. ฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายแดง 2 ป-517 นราธิวาส และปลอกกระสุนปืน 11 มม. ตกอยู่ 3 ปลอก ส่วนคนถูกยิงนำส่ง รพ.สุไหงปาดี ทราบชื่อนายมูฮำหมัดบัสรี สะตอปา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 4 ต.ริโก๋ ถูกยิงกระสุนเฉี่ยวโหนกแก้มขวาบาดเจ็บ สอบพบว่านายมูฮำหมัดบัสรีทำงานเป็นลูกจ้าง กอ.สสส.จชต. ถูกคนร้ายขี่รถประกบยิงขณะขี่รถพาแฟนสาวไปซื้อของที่ตลาด
ที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 07.30 น. ร.ต.ท.ดุนยนิตย์ ชูเชื้อ ร้อยเวร สภ.อ.ยะหา รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนบ้านเนียง-ยะหา บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านบาโงยซิแน หมู่ 3 ต.บาโงยซิแน จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิรัฐ สังข์ขาว ผกก. ไปสอบสวนพบศพนายวิโรจน์ เพชรบุญวรรโณ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 45/6 หมู่ 1 บ้านปูแล ต.บาโระ ถูกยิงด้วยปืน 11 มม. ที่กลางแสกหน้าและหน้าอกทะลุรวม 2 นัด สอบสวนนางไอยด๊ะ เพชรบุญวรรโณ อายุ 30 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า นายวิโรจน์สามีทำงานเป็นคนขับรถของ หจก.ฉัตรชัยการโยธา บ้านท่าสาป ก่อนเกิดเหตุได้ขี่ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียนป้ายแดง พิธาน 830 ยะลา ออกจากบ้านจะไปส่งสามีที่ทำงาน ถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ประกบยิง
ส่วนที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 11.40 น. พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตต ผกก.สภ.อ.ปะนาเระ รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านเลขที่ 109 บ้านนาพร้าว หมู่ 2 ต.ปะนาเระ พบศพนายนิต ทองใหญ่ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ดังกล่าว ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่ศีรษะ 1 นัด และตามร่างกายถูกราดด้วยน้ำมันเบนซินเหม็นคลุ้ง สอบพบว่าขณะที่ผู้ตายกำลังเลี้ยงไก่ชนอยู่หน้าบ้าน มีคนร้าย 4 คนขี่รถ จยย.มาประกบยิงแล้วใช้น้ำมันเบนซินราดเตรียมจุดไฟเผา ระหว่างนั้นชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ร้องโวยวาย คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงขี่รถหนีไป
ที่ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์นครหาดใหญ่ จ.สงขลา นายไพรัช วิหะกะรัตน์ ประธานสมาพันธ์วิชาชีพครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ ผอ. สถาบันสันติศึกษา ม.อ. พระครูเขมวงศานุการ เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม ต.สะเตง อ.เมืองยะลา นายมณฑล ชาติสุวรรณ (ปลัดแรมโบ้) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ร่วมประชุมเสวนาเพื่อรวบรวมข้อเสนอของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ความไม่สงบเพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งจัดโดยสมาพันธ์วิชาชีพครู 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพระครูเขมวงศานุการกล่าวว่า กรณีชาวบ้านจากหมู่บ้านสันติ 1 และ 2 อพยพมาอาศัยที่วัดนิโรธสังฆาราม แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐแพ้โดยยุทธศาสตร์ เสียทั้งพื้นที่และมวลชน ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ต้องละทิ้งถิ่นฐานเพื่อหนีเอาชีวิตรอด ตรงข้ามกับข้อมูลของบางหน่วยงานที่นำเสนอว่าประชาชนกลับไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมหมดแล้ว
พระครูเขมวงศานุการกล่าวอีกว่า ในการแก้ปัญหาที่ผ่านมาไม่ถูกจุด เพราะแม้แต่ข้าราชการที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือต้องเข้าพบกับชาวบ้าน พบว่าข้าราชการเหล่านั้นยังไม่เคยเข้าไปสัมผัสกับชาวบ้านหรือชุมชนในการรับทราบปัญหาและแนวทางแก้ไขของชาวบ้าน แต่จะใช้การตั้งสมมุติฐานของตนเองและนำเสนอต่อผู้ใหญ่ การทำแบบนี้เปรียบเหมือนกับการเล่นลิเกหรือละครมากกว่า
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า หลังที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มก่อการร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่จะปักธงชัยเพื่อรับชัยชนะ ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา นั้น พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารจัดกำลัง เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามก่อเหตุได้ รวมถึงมีการนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินตรวจตราในพื้นที่ล่อแหลม โดยเฉพาะสถานีรถไฟ สถานที่สาธารณูปโภค ทั้งสถานีไฟฟ้า ประปา รวมถึงหน่วยงานทหาร และสถานีตำรวจทุกแห่งที่เกรงว่ากลุ่มก่อการร้ายจะปฏิบัติการรุนแรงใน 1-2 วันนี้
รายงานแจ้งว่าหน่วยข่าวได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย พบว่ากลุ่มก่อการร้ายเตรียมที่จะลงมือก่อเหตุครั้งใหญ่ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะครบรอบ 1,000 วัน นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนที่กองพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547 พร้อมจะมีการประกาศปักธงชาติเป็นรัฐปัตตานี โดยใช้พื้นที่ เป้าหมายใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ด้วยความไม่ประมาทจึงมีการป้องกันดูแลสถานการณ์อย่างเข้มงวด
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ได้พยายามสื่อสารให้ประชาชนได้ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อ หรือตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะการชักชวนให้ไปร่วมกิจกรรมในลักษณะที่ต่อต้านการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง เช่น อ.ตากใบ หรือที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่นำเด็กและสตรีมาขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐออกนอกพื้นที่ หากประชาชนหลงเชื่อและไปร่วมกิจกรรมดังกล่าว เกรงว่าจะตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มก่อการร้ายที่จะพยายามก่อเหตุรุนแรง แล้วจะโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ จึงอยากเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการถูกชักชวนไปดำเนินกิจกรรม ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างความเชื่อ และให้ประชาชนมีความรู้สึกตื่นตัวเกี่ยวกับรัฐปัตตานี โดยสร้างเรื่องมาผูกโยงเพื่อหวังทำลายอำนาจรัฐ
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ทำงานดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งระบุว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับการกำหนดยุทธศาสตร์ของกองทัพ และต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ ยังบอกว่า สิ่งสำคัญจะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการแก้ไขปัญหา หากประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือการแก้ไขปัญหาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ พล.อ.สนธิยังย้ำกับเจ้าหน้าที่ทหารว่าต้องไม่สร้างเงื่อนไขในการทำงานกับประชาชนอย่างเด็ดขาด หากพบการกระทำดังกล่าว จะสั่งปลดออกจากตำแหน่งทันที ขณะเดียวกันหากเป็นข้าราชการหน่วยอื่นก็จะลงโทษในสถานหนักเช่นกัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ผบ.ทบ. รู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่กลุ่มก่อการร้ายพยายามรุกหนักในขณะนี้ ทั้งเรื่องการลอบทำร้าย การเผาโรงเรียน การสังหารเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และพลเรือน รวมถึงครู อาจารย์ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่ในสิ่งที่กองทัพสามารถป้องกันได้ก็จะต้องป้องกันให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์เฉพาะหน้า ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติแนวทางตามยุทธศาสตร์ คือเกาะติดพื้นที่ เกาะติดมวลชน เกาะติดกลุ่มก่อการร้าย
ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะมีการเปิดสอนของโรงเรียนต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามปกติในวันที่ 4 ธ.ค. ว่า ได้คุยกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ฝากข้อคิดไปว่า ในส่วนของโรงเรียนที่ยังไม่มีความปลอดภัยก็อย่าไปเร่งรัดให้เปิดสอน ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นทางฝ่ายทหาร ตำรวจ และชาวบ้านจะร่วมมือกันในการรักษาความปลอดภัย คงจะไม่ใช้เฉพาะจัดชุดรักษาความปลอดภัยอย่างที่ผ่านมา ชาวบ้านเองจะช่วยกันดูแลโดยจะไปโรงเรียนทั้งครูและเด็กนักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคนไทยพุทธที่อพยพไปอยู่ในวัดที่ จ.ยะลา ไม่สบายใจเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่กดดันให้กลับไปอยู่ที่บ้านในพื้นที่เหมือนเดิม พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่า ที่ตนไปพบปะชาวบ้านมาก็ยืนยันชัดเจนว่าจะดำเนินการด้วยความสมัครใจ มีใครที่อยากจะไปดูแลทรัพย์สินของตัวเอง เราก็จัดเจ้าหน้าที่ไปป้องกันดูแล ขณะนี้ก็มีกำลังทหารเข้าไปอยู่ในพื้นที่ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์