นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท. กำลังติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ในช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้นตลอด จากสาเหตุที่กลุ่มโอเปกอาจจะลดกำลังผลิต ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันในประเทศปรับลดลงมาเหลือเฉลี่ยประมาณ 0.98 บาท/ลิตร จากอัตราที่ควรจะเป็นไม่ต่ำกว่า 1.20 บาท/ลิตร ดังนั้น หากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ปตท. จะพิจารณาในวันศุกร์นี้ว่าจะปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศมีผลวันเสาร์นี้หรือไม่ หากปรับขึ้นก็คงจะขึ้นทุกประเภท
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปีหน้าการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันยังคงรุนแรงต่อไป แต่จากที่รัฐบาลมีนโยบายชัดว่าไม่เข้ามาแทรกแซงราคา และราคาน้ำมันตลาดโลกน่าจะอ่อนตัวกว่าในปีนี้บ้าง ก็คาดว่า ปีหน้า ปตท. คงจะไม่ต้องเข้ามาช่วยตรึงราคา เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค เหมือนในช่วง 1-2 ปี ที่ ปตท. ต้องขาดทุนเพื่อช่วยตรึงราคาน้ำมันเป็นเม็ดเงินรวมเกือบ 5,000 ล้านบาท โดยจะทำให้ ปตท. อาจจะไม่ต้องขาดทุนในเรื่องการค้าปลีกน้ำมันด้วย ซึ่งปีหน้าคาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ คงอยู่ในเกณฑ์ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันในไทยคงอยู่ในระดับ 25-26 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดส่งน้ำมันเบนซิน 95 และดีเซล 5 ล้านลิตรต่อปี มูลค่าประมาณ 140 ล้านบาท เพื่อใช้ในสายการผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ของโตโยต้า ที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมีกำลังผลิตสูงสุดถึง 400,000 คัน/ปี โดย ปตท. ตั้งเป้ารุกเข้ามาในตลาดยานยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการเจรจาขายน้ำมันให้อีซูซุ และฮอนด้า ด้วย
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ปตท. กล่าวด้วยว่า ปตท.จะเปิดปั๊ม 24 ชั่วโมง ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยจะเปิดเฉพาะเส้นทางไฮเวย์ หรือปั๊มในเมืองหลัก ๆ ที่มีความต้องการใช้น้ำมันในช่วงเวลากลางคืนสูง ซึ่งจะเปิดประมาณร้อยละ 40 จากปั๊มทั้งหมด 1,200 แห่ง และในปีหน้า ปตท.ตั้งเป้าหมายจะเปิดปั๊มระดับพรีเมียมประมาณ 60 ล้านบาท/ปั๊ม และเปิดปั๊มขนาดทั่วไป 10 แห่ง วงเงินลงทุนแห่งละ 20-25 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน มีแผนจะปิดปั๊มเพิ่มเติม 50-60 แห่ง ในทำเลที่มียอดขายไม่ดีนัก โดย ปตท. ตั้งเป้าหมายจะลดปั๊มน้ำมันให้เหลือ 1,000 แห่ง ใน 2-3 ปีข้างหน้า
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์