รมว.สาธารณสุข ยังประกาศเดินหน้าดำเนินการเรื่องการห้ามโฆษณาเหล้าและการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้ว่าจะโดนหลายฝ่ายเล่นงาน ทั้งนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยระหว่างการประชุมผู้บริหารระดับสูงในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคของกระทรวงฯ ถึงมาตรการการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมง ว่า เรื่องการควบคุมเครื่อง ดื่มแอลกอฮอล์มีคนโจมตีเยอะ ต้องยอมรับว่า การเข้ามาทำงานเรื่องนี้ทำให้เจ็บตัวพอสมควร เพราะมีหลายคนต้องเดือดร้อน อย่างที่รู้ๆกันว่าธุรกิจนี้ทำรายได้มหาศาลมากกว่า 500,000 ล้านบาทต่อปี ถือว่าไม่น้อย แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะไม่เห็นชอบกับประกาศห้ามโฆษณาของ อย. ก็ไม่เป็นไร ก็จะเดินหน้าเสนอร่าง พ.ร.บ.ต่อ ซึ่งจะเข้มข้นขึ้นทั้งเรื่องการห้ามการโฆษณา และการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นพ.มงคลกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีการตีความว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ไม่มีอำนาจในการออกประกาศห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้ายังไม่ได้รับหนังสือ ก็แสดงว่ากระทรวงฯยังสามารถดำเนินการไปตามระเบียบได้ คือ การห้ามโฆษณาที่จะมีผลในวันที่ 3 ธ.ค. นี้ แต่ถ้ามีหนังสืออย่างเป็นทางการแล้ว กระทรวงฯจะส่งเรื่องดังกล่าวให้กฤษฎีกาทบทวนอีกครั้ง หากกฤษฎีกาวินิจฉัยไม่ทันในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ กระทรวงฯก็จะต้องเลื่อนการบังคับใช้ประกาศของ อย.ออกไปก่อน
รมว.สาธารณสุข กล่าวด้วยว่า การที่ต้องทบทวนใหม่ ไม่ใช่เป็นการถอยเพราะแรงกดดัน แต่เพราะเป็นเรื่องที่นักกฎหมาย 2 กลุ่มมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเป็นเรื่องปกติของการตีความทางกฎหมาย ซึ่งกระทรวงฯต้องการทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เพราะ การออกประกาศห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่ทำมานานแล้ว ไม่ได้ทำอย่างสุกเอาเผากิน แต่ ทั้งหมดได้มาตกผลึกช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งเท่านั้น รวมทั้งคณะทำงานชุดนี้ ก็มีนักกฎหมายจากกฤษฎีกา ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งได้มีการตรวจสอบรายละเอียดทุกอย่างมาอย่างครบถ้วนแล้ว หากไม่สามารถออกประกาศควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ก็จะผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป โดยจะนำเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เชื่อว่าการประกาศบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จาก ครม.ไปคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่งให้สภานิติบัญญัติฯ จะใช้เวลาผ่านร่าง พ.ร.บ. ไม่นาน เพราะการทำงานที่ผ่านมาทำอย่างรอบคอบทุกด้านแล้ว ตนตั้งความหวังว่า การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเป็นผลงานชิ้นหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้
ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ อย. รอคำสั่งอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากได้รับแล้วจะเร่งดำเนินส่งหนังสืออุทธรณ์ กลับไปโดยทันที หากกฤษฎีกาตีความตามเดิมว่า ประกาศของ อย.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะต้องเคารพในคำวินิจฉัยและปรึกษา นพ.มงคลในการดำเนินการต่อไป
นพ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่มีการเสนอแนวทางว่าจะให้ออกประกาศ อย. เพื่อแก้ไขให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกจากการควบคุมของ พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 เพื่อจะได้ให้คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคใช้อำนาจ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค เสนอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคลงนามมีผลบังคับใช้ได้ทันทีนั้น ขณะนี้ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีข้อท้วงติงทางกฎหมายว่า ก่อนหน้าที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าอยู่ใน พ.ร.บ.อาหาร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยตีความไปแล้วว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอาหารต้องควบคุมเฉพาะ จึงไม่สามารถใช้ทางเลือกนี้เพื่อห้ามการโฆษณาได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางแห่ง ที่ได้ปลดป้ายโฆษณาลง แม้ว่าจะไม่มีผลบังคับใช้ของประกาศ อย.ฉบับที่ 504/2549 เรื่องการห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะรอการบังคับใช้จากร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างนี้คงทำได้เพียงการประสานงานกับองค์กร หน่วยงาน ในการรณรงค์ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้า ครม.ในครั้งนี้ มั่นใจว่า ครม.จะไม่ตีกลับมาให้ทบทวนอีก เพราะครั้งที่ผ่านมา ครม.ให้ แก้ไขในเรื่องการซ้ำซ้อน ซึ่งได้ปรับแก้เนื้อหาให้ถูกต้องทั้งหมดแล้ว อาทิ อายุของผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สถานที่จำหน่าย ฯลณฯ และยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวยังมีความเข้มข้นเช่นเดิม
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ผลการสำรวจความรู้สึกของเยาวชนเมื่อเห็นโฆษณาเหล้า เบียร์ ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา เรื่อง ?เสียงสะท้อนของเยาวชนว่าด้วยเหล้าและหวย วันที่ 24-26 พ.ย. โดยสำรวจเยาวชนอายุ 15-24 ปีในเขต กทม. จำนวน 1,302 ตัวอย่าง พบว่า เยาวชน 62.1% เห็นด้วยกับการห้ามโฆษณาเหล้า เบียร์ ตลอด 24 ชั่วโมง เยาวชน 51.2% เชื่อว่ามีการฮั้วกัน หรือสมยอมผลประโยชน์ระหว่างรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มนายทุนเพื่อเอื้อผลประโยชน์ในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่าง 78% ระบุว่า ปัญหาของการดื่มสุราคือการทะเลาะวิวาท 72% การเกิดอุบัติเหตุ 61.5% การใช้ความรุนแรง 52.2% การคุกคามทางเพศ 47.6% การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของเด็กและวัยรุ่น และ 34.2% ปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ 63.8% รู้สึกว่าการโฆษณาเป็นการมอมเมาผู้บริโภค อีก 55.8% รู้สึกเป็นการส่งเสริมอบายมุข
อีกด้านหนึ่ง บ่ายวันเดียวกันนี้ สมาชิกเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจาก 200 องค์กร กว่า 300 คน ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มเยาวชนจากชุมชนสันติอโศกและเครือข่ายเยาวชนจากทั่วประเทศ มาชุมนุมที่บริเวณลานเบียร์ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชประสงค์ แสดงความเห็นคัดค้านความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ตีความว่า อย.ไม่มีอำนาจออกคำสั่งห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรงดเหล้าต่างไม่เห็นด้วยกับการตีความดังกล่าว เพราะขัดต่อเจตนารมณ์ ของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มอบอำนาจมาให้ อย.ใช้อำนาจแทน แต่คณะกรรมการกฤษฎีกา กลับตีความไปคุ้มครองผลประโยชน์ของธุรกิจน้ำเมา ดูดเงินคนจนทั่วประเทศปีละประมาณ 2 แสนล้านบาท สร้างผลกำไรให้กับนักค้าน้ำเมาจนรวยติดอันดับโลก ขณะเดียวกันก็ทิ้งภาระด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมให้ประเทศสูญเสียไม่ต่ำกว่าปีละ 5 แสนล้านบาท ทำลายทุนทางสังคมและคุณธรรมอย่างประเมินค่าไม่ได้ ไม่รู้ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือผลประโยชน์ ของใครกันแน่
นายคำรณกล่าวอีกว่า ผลประโยชน์ของธุรกิจน้ำเมาล้วนขัดแย้งกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขบนฐานคุณธรรม ดังนั้นเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจึงเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทบทวนการตีความใหม่ โดยไม่ใช้คณะกรรมการชุดเดิมพิจารณา และขอให้รัฐบาลเร่งรัดออกกฎหมายควบคุมการโฆษณาและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในเวลา 10.00 น. วันที่ 28 พ.ย.นี้ สมาชิกเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จะไปยื่นข้อเรียกร้องต่อ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง แต่หากเกิดการเลื่อน หรือยกเลิกมาตรการดังกล่าวจนไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทย เครือข่ายองค์กรงดเหล้าอาจต้องดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลปกครองต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ปัญหาการห้ามโฆษณาเหล้ายังเป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และกระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้าในการดำเนินการเรื่อง พ.ร.บ.ควบ-คุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น แต่ยังมีบริษัทเหล้าที่สวนกระแสจัดงานโปรโมตเหล้า ที่ห้างสยามพารากอน เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย. โดยบริษัทริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้นำเข้าวิสกี้จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล ได้ เปิดตัว เดอะ โกลด์ เซเรเบรชั่น วิสกี้ บาร์ ที่มีการตกแต่งด้วยทองคำแท้ โดยนายศนิตา คาจิจิ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัทริชมอนเด้ฯ เผยว่า จัดงานดังกล่าว เพื่อต้อนรับศักราชใหม่ที่ใกล้จะมาถึง โดยไฮไลต์ของงานคือการเปิดตัว เดอะ โกลด์ เซเรเบรชั่น วิสกี้ บาร์ ที่ตกแต่งด้วยทองคำแท้ จำนวน 40 แท่ง มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท นำมาเรียงเป็นเคาน์เตอร์บาร์ โดยได้รับความร่วมมือจากห้างทองฮั่วเซ่งเฮง ถือเป็นเคาน์เตอร์บาร์ที่แพงที่สุดในโลก โดยจะนำแสดงให้ประชาชนทั่วไปได้ชมตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ถึงวันที่ 2 ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 28 พ.ย.นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ... โดยมีสาระสำคัญเป็นการควบคุมการขาย การบริโภค และการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด โดยให้มีคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ที่นายกฯมอบ หมายให้เป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายแผนงานและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเกี่ยวกับการผลิต การนำเข้า การขาย การโฆษณา และการบริโภค เพื่อเสนอต่อ ครม. และให้มีคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มี รมว.สาธารณสุขเป็นประธาน ทำหน้าที่ เสนอนโยบายแผนงานและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตลอดจนเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดเวลาขาย สถานที่ห้ามขาย วิธีการหรือลักษณะการขายที่ต้องห้าม รวมทั้งสถานที่ห้ามบริโภค เครื่องดื่มแอล-กอฮอล์ โดยมีบทลงโทษชัดเจนทั้งกรณีการฝ่าฝืน สถานที่ห้ามขาย สถานที่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ สถานที่ห้ามโฆษณา รวมทั้งห้ามโฆษณาหรือแสดงเครื่องหมาย ชื่อในสิ่งพิมพ์ เทป วัสดุโทรทัศน์ ทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้เป็นการโฆษณาได้ ตามรัฐมนตรีประกาศกำหนด รวมทั้งห้ามโฆษณาในโรงมหรสพ หรือในการแสดงการละเล่น การประกวด การแข่งขัน การให้บริการ การใช้บุคคล หรือการประกอบกิจกรรมอื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์ หรือมีผลทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าเป็นชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นๆ
สำหรับบทลงโทษที่รุนแรงที่สุด คือบทลงโทษการฝ่าฝืนข้อห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ระบุตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ฝ่าฝืนยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์