รายงานจาก สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เรื่อง ?ต้มยำหม้อเก่าทำพิษ หวั่นผลักมวลชนห่างรัฐ? ไชยยงค์ มณีพิลึก นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ระบุว่า ประเด็นที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยเรื่องเงินทุนที่ใช้สนับสนุนการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาจากเครือข่ายต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซีย ทำให้มีผลที่ติดตามมา คือ ความสั่นสะเทือน ทั้งที่เกิดจากรัฐบาลมาเลเซีย และจากกลุ่มคนมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อยู่ในเครือข่ายต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย
รายงานระบุต่อว่า คนค่อนประเทศสงสัยว่า เครือข่ายต้มยำกุ้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของ ?ไฟใต้? จริงหรือไม่ โดยข้อเท็จจริง เครือข่ายต้มยำกุ้ง คือการรวมตัวกันของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยึดอาชีพเปิดร้านอาหารในประเทศมาเลเซีย ทุกร้านจะมีเมนูที่คนมาเลเซียชื่นชอบในการรับประทาน คือ ?ต้มยำกุ้ง? ในอดีตเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา คนเหล่านี้มีจำนวนไม่มาก เมื่อข้ามไปทำมาหากินในประเทศมาเลเซียจึงมีความสัมพันธ์กับขบวนการพูโล เนื่องจากในทุกรัฐของประเทศมาเลเซียจะมีสำนักงานของขบวนการพูโลตั้งอยู่ ขณะที่คนในขบวนการพูโลคือคนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ใต้
?ดังนั้น คนมุสลิมที่ข้ามไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงได้รับความช่วยเหลือจากขบวนการพูโล ให้สามารถอยู่และประกอบอาชีพในประเทศมาเลเซียได้โดยไม่ถูกรบกวนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย เพราะส่วนใหญ่คนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มี ?เวิร์คเพอร์มิท? หรือ ใบอนุญาตในการทำงาน จึงต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับขบวนการพูโล และมีบัตรสมาชิกขบวนการพูโลทุกคน? รายงานระบุ
รายงานระบุต่ออีกว่า เมื่อจำนวนคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางไปประกอบอาชีพในประเทศมาเลเซียจำนวนมากขึ้น มีร้านอาหารประเภท ?ต้มยำกุ้ง? มากถึง 5.000 แห่ง กระจายไปทั่วทั้ง 13 รัฐ ทั้งเจ้าของร้าน และพนักงานรวมกันไม่ต่ำกว่า 200.000 คน จึงรวมตัวตั้งเป็นชมรมขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ?ชมรมต้มยำกุ้ง? อย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ.2544 ก่อนที่จะกลายเป็นสมาคมต้มยำกุ้งอย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน และมีอดีตแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน ?บีอาร์เอ็น? มีชื่อจัดตั้งว่า ?สุเบ? เป็นชาว ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เป็นผู้นำ มีกรรมการรับผิดชอบยังรัฐต่างๆ เพื่อดูแลสมาชิก โดยมีการเก็บเงินเข้าชมรมเป็นรายเดือนๆ ละประมาณ 1.000 บาท
?เงินที่สมาชิกจ่ายให้สมาคมต้มยำกุ้ง ส่วนหนึ่งคือค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย เพื่อ ?ซื้อ? ความสะดวกมิให้มีการตรวจค้น จับกุมแรงงานเถื่อน ส่วนหนึ่งให้สมาชิก ?กู้ยืม? เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการร้านอาหาร และตามรายงานด้านการข่าวของ ?กองบัญชาการตำรวจสันติบาล? และ ?ศูนย์รักษาความปลอดภัย? หรือ ศรภ. ระบุว่า เงินทุนจำนวนนี้ถูกส่งมาสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้? รายงานระบุ และว่า ในทางกลับกัน ประเด็นดังกล่าวได้รับการปฏิเสธจากสมาคมต้มยำกุ้งมาโดยตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด
รายงานระบุว่า สำหรับ เหตุผลที่สมาคมต้มยำกุ้งสามารถเติบโตอยู่ในประเทศมาเลเซียได้ เพราะคนในสมาคม มีความใกล้ชิด กับอดีตผู้บริหารประเทศมาเลเซีย โดยเป็น ?ฐาน? ทางการเมือง ในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคอัมโน รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งในการก่อตั้ง ?ชมรมต้มยำกุ้ง? ขึ้นมาในช่วงแรก และยังได้รับการสนับสนุนจาก ?คีย์แมน? คนสำคัญของกลุ่มการเมืองในพื้นที่
รายงานระบุต่อว่า ผู้ที่อยู่ในประเทศมาเลเซียโดยยึดอาชีพขาย ?ต้มยำกุ้ง? มีอยู่เป็นจำนวนมาก บางส่วนคือคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนทั้ง พูโล บีอาร์เอ็น มูจาฮีดินฯ และอื่นๆ ที่มีหมายจับของทางการไทย มีทั้งที่ยังเป็นโจรและที่หมดสภาพโจรแต่กลับเมืองไทยไม่ได้ จึงยึดอาชีพขาย ?ต้มยำกุ้ง? อยู่ในประเทศมาเลเซีย แม้แต่ ?สะมะแอ ท่าน้ำ? อดีตประธานขบวนการพูโลเอง ก่อนหน้าที่จะถูกสันติบาลมาเลเซียจับตัวส่งให้ทางการไทยก็เปิดร้านขายต้มยำอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าผู้ขายต้มยำกุ้งจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกชองสมาคมต้มยำกุ้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นอดีตคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดน
รายงานระบุต่ออีกว่า บุคคลสำคัญที่เป็นผู้เรียกเก็บเงินจากเจ้าของกิจการที่เป็นคนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะอยู่ในชมรมต้มยำกุ้งหรือไม่ รวมทั้งกิจการอื่นๆ ด้วย คือ ?มะลาเซ็ง ลูกสิงห์โต? หรือ ?นายมะลาเซ็ง ลูโบ๊ะยาเซ็ง? แกนนำคนสำคัญของขบวนการบีอาร์เอ็น เป็นหลานชายของ ?เปาะมะ สุไหงบาตู? หรือ ?นายแวหะมะ ลูโบ๊ะยาเซ็ง? อดีตหัวหน้ากลุ่มบีอาร์เอ็นคองเกรส
สำหรับ มะลาเซ็ง ลูกสิงห์โต ปัจจุบันคือ แกนนำคนสำคัญของขบวนการบีอาร์เอ็นในประเทศมาเลเซียที่มีอิทธิพลสูง เป็นบุคคลสองสัญชาติโดยมีกิจการต้มยำกุ้งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และที่ยะโฮร์บารู ยังเป็นหัวหน้าทีมเรียกค่าคุ้มครองจากคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ?ตัวจริง เสียงจริง? โดยเงินเหล่านั้นถูกส่งมาเพื่อการก่อการร้ายโดยเฉพาะ เชื่อว่ามีส่วนที่เชื่อมอยู่กับสมาคมต้มยำกุ้ง เพราะหากไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด พล.อ.สุรยุทธ์ จะไม่นำมาเปิดเผย เนื่องจากเรื่องเหล่านี้เป็น ?ข้อมูลเก่า? ที่นำมาเล่าใหม่ อาจเพื่อหวังผลทางการเมืองและการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการที่สมาคมต้มยำกุ้งถูกระบุว่าเป็น ?แหล่งทุน? ในการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยโดย พล.อ.สุรยุทธ์ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนที่สนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนไปเสียแล้ว คนเหล่านี้อาจจะไม่กลับมาเมืองไทยอีกเลยเนื่องจากกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อคนงานนับแสนคนที่เป็น ?แรงงานเถื่อน? ในร้านอาหารดังกล่าว หากทางการมาเลเซีย ?เข้มงวด? ด้วยการผลักดันให้กลับประเทศ อันจะส่งผลให้ เจ้าของกิจการ ?ต้มยำกุ้ง? ขาดแรงงาน ในขณะที่ครอบครัวของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะขาดรายได้นำมาเลี้ยงครอบครัว
รายงานระบุด้วยว่า การเปิดเผยข้อมูลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ครั้งนี้ เท่ากับว่าได้จัดตั้ง ?แนวร่วม? ให้กับขบวนการแบ่งแยกดินแดนนับแสนคนในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ส่วนกรณีนักการเมืองมาเลเซีย ออกมาทวงข้อมูลหลักฐานในประเด็นดังกล่าวจากฝ่ายไทย เพื่อความชัดเจน เท่ากับเป็นการซ้ำเติมบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์ให้ถอยห่างยิ่งขึ้น
?แม้ว่าสมาคมต้มยำกุ้งจะเป็นแหล่งทุน สนับสนุนการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้จริง หรือเป็นเพียง ?ความผิดพลาด? ในเรื่องของ ?ข้อมูล - วิธีการ - การจัดการ? ก็ตาม ประเด็นเหล่านี้จะยังต้องทำใน ?ทางลับ? ต่อไปภายใต้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ การออกมาเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ ในครั้งนี้ ?ขาดทุน? มากกว่า ?กำไร? แม้ว่าสุดท้าย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีจะยุติ การพูดถึง ?ต้มยำกุ้ง? อย่างเด็ดขาด ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ไฟใต้ดีขึ้นอย่างแน่นอน? รายงานระบุ
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์