ไฟใต้ยังคงรุนแรงใกล้เข้าสู่แดนมิคสัญญีเพิ่มขึ้นทุกวัน หลังรัฐบาลยอมอ่อนข้อให้ทุกรูปแบบโดยเน้นวิธีการสมานฉันท์ แต่กลับทำให้โจรชั่วยิ่งได้ใจ ออกอาละวาดแสดงความอหังการท้าทายอำนาจรัฐไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งบุกเผาสถานที่ราชการ โรงเรียน บ้านเรือนประชาชน ไล่ฆ่าครูและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง โดยเฉพาะชาวไทยพุทธใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนหนีตายกันจ้าละหวั่น ขณะที่ภาครัฐหมดปัญญาควบคุมสถานการณ์ จนต้องออกมายอมรับว่าหลายพื้นที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดนไปเรียบร้อยแล้วนั้น
ความคืบหน้าของสถานการณ์ ที่สหกรณ์ครูจังหวัดปัตตานี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 พ.ย. สมาพันธ์ครูและตัวแทนครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุป หลังจากโจรใต้ก่อเหตุร้ายกับครู และทำลายทรัพย์สินโรงเรียน โดยเฉพาะกรณี นายนนท์ ไชยสุวรรณ ผอ.รร.ชุมชนบางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ถูกคนร้ายยิงและเผาทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม ต่อหน้าเด็กนักเรียน บรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด คณะครูต่างลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเสียใจและคับแค้นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่แสดงความข้องใจกับมาตรการของภาครัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดเหตุร้ายขึ้นกับครูอย่างต่อเนื่อง แต่ละครั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องก็อ้างว่ามีแผนป้องกันเหตุไว้ดีแล้ว ขอให้ครูมั่นใจในความปลอดภัยแต่ทุกครั้งก็ไม่สามารถป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของครูได้เลย
นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดหวั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนครู สมาพันธ์ฯจึงมีมติร่วมกันให้ทุกโรงเรียนทุกสังกัดในพื้นที่ จ.ปัตตานี จำนวน 322 แห่ง ปิดการเรียนการสอนโดยไม่มีกำหนด เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากสมาพันธ์ฯไม่สามารถทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมเกินไป คณะครูไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง และยังส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ปกครองและนักเรียน ต่อไปสมาพันธ์ฯจะหารือร่วมกันอีกครั้งถึงมาตรการดูแลครู เราคงหวังพึ่งเจ้าหน้าที่รัฐลำบาก ที่ปิดโรงเรียนไม่มีกำหนดเพราะเราไม่มั่นใจในสถานการณ์ หากต่อไปสถานการณ์ดีขึ้นก็ค่อยมาว่ากันอีกครั้ง ตอนนี้ต้องรักษาชีวิตครูไว้ก่อนเท่าที่จะทำได้ เพราะขณะนี้ครูในพื้นที่ต่างขาดขวัญกำลังใจกันหมดแล้ว
ขณะที่มาตรการแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ในลักษณะตั้งรับมาโดยตลอดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าล่าสุดเริ่มจะเห็นมาตรการเชิงรุกจากภาครัฐบ้างแล้ว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารจากชุดเฉพาะกิจที่ 11 ยะลา นำกำลังเข้าฝึกทบทวนภายในป่าแห่งหนึ่ง ที่มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายกับในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อเตรียมส่งกำลังเข้าพื้นที่ลุยกับกลุ่มโจร ซึ่งยึด อ.บันนังสตา เป็นฐานที่มั่นซ่องสุมกำลัง หลัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. อนุมัติส่งกำลังลงพื้นที่ตามที่กองทัพภาคที่ 4 ร้องขอ เพื่อปราบปรามกลุ่มก่อ ความไม่สงบที่สร้างความปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้
โดยกำลังทหารจะแบ่งเป็นชุดติดตามไล่ล่า ชุดมวลชนสัมพันธ์ และชุดป้องกันประชาชนที่ขับขี่รถยนต์ รถ จยย. บนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง กำลังทหารจะเข้าตรึงพื้นที่ทุกตารางนิ้ว เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มโจรได้ลอบวางเพลิงเผาสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอบันนังสตา ได้รับความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท และไล่ยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์บนถนนสายดังกล่าว อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หน่วยข่าวด้านความมั่นคงยังได้รับรายงานว่า กลุ่มโจรเตรียมการจะก่อเหตุครั้งใหญ่ในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อขับไล่ชาวไทยพุทธให้ออกนอกพื้นที่ และปักธงสถาปนารัฐปัตตานี ที่ อ.บันนังสตา เป็นแห่งแรกโดยคนร้ายจะใช้แผน ?น้ำท่วมเมือง? ด้วยการลอบก่อวินาศกรรมระเบิดเขื่อนบางลาง อ.ธารโต จ.ยะลา เพื่อสร้างความปั่นป่วน จากนั้นเข้าปิดล้อมหมู่บ้านต่างๆ เข่นฆ่าชาวไทยพุทธ สร้างความหวาดกลัวอย่างหนัก โดยมีเด็กและผู้หญิงเป็นแนวร่วมและโล่มนุษย์ ป้องกันการโจมตีจากทหารตำรวจ หากทำสำเร็จจะขยายไปยังหมู่บ้านในพื้นที่ปลดปล่อยต่อไป
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่มีการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รุนแรงและถี่ขึ้นในช่วงนี้ว่า เป็นที่รู้อยู่แล้วบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่วิกฤติ ทุกคนต้องเข้าใจตรงกัน ทางเราอุตส่าห์ ไม่ใช้กฎอัยการศึก ไม่อยากให้ประชาชนเกิดความลำบาก ซึ่งก็จะเป็นอย่างนี้ หากเราใช้กฎอัยการศึก ใช้มาตรการในการควบคุมประชาชนอะไรก็จะดีขึ้นเอง เราพยายามอะลุ้มอล่วย โดยขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 4 กำลังดำเนินการบางอย่างที่เกิดความเข้มข้น
ด้านการให้ความช่วยเหลือชาวไทยพุทธที่หนีภัยโจรใต้มาอาศัยอยู่ตามวัดนั้น เมื่อเวลา 10.30 น. นายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.นราธิวาส เป็นตัวแทนมูลนิธิเปรม ติณสูลานนท์ นำเครื่องอุปโภค-บริโภค และเวชภัณฑ์ ไปมอบให้กับครอบครัวชาวไทยพุทธ จำนวน 20 คน จากบ้านลูโบ๊ะกูแว หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งหนีภัยโจรใต้ออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังชาวบ้านที่มีอาชีพรับจ้างกรีดยางพาราถูกโจรใต้ จ่อยิงเสียชีวิตหลายราย จนต้องทิ้งบ้านและที่ทำกินมาขออาศัยแฟลตข้าราชการตำรวจที่บ้านท่าเรือ หมู่ 1 ต. รือเสาะ ซุกหัวนอน ทั้งที่แฟลตหลังดังกล่าวยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ไม่มีน้ำและไฟฟ้าให้ใช้ แต่ชาวบ้านก็จำเป็นต้องอยู่เพราะดีกว่าเสี่ยงชีวิตอยู่ในพื้นที่ ส่วนชาวไทยพุทธในพื้นที่บ้านซูเป๊ะ หมู่ 4 ต.เรียง อ.รือเสาะ 4 ครอบครัว ที่อพยพไปอาศัยวัดวชิรปราการ อ.รามัน จ.ยะลา นั้น ล่าสุดเดินทางกลับบ้านแล้ว โดยทางอำเภอรือเสาะจัดกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วงเช้าวันเดียวกัน บริเวณที่ทำการสำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ นายจิต ผสมพงษ์ รอง ผวจ.สงขลา ร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวสงขลา ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์กว่า 500 รูป จาก 266 วัด ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ คือ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นอกจากนี้ ยังมีพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อเป็นทาน สำหรับอาหารแห้งที่ได้รับจากการบิณฑบาตครั้งนี้ จะถูกจัดส่งไปให้กับพระสงฆ์และสามเณร และชาวพุทธ ในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้กับพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนใน 4 จังหวัดดังกล่าวให้มีความเข้มแข็ง อดทนต่อสู้กับเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยชาวพุทธที่มาร่วมงานต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกเป็นห่วงพี่น้องไทยพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก
สำหรับเหตุร้ายรายวันยังคงมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.ท.วัชรินทร์ ตันเจริญรัตน์ ร้อยเวร สภ.อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกยิงถล่มบ้านพักคนงานสวนยางพารา เลขที่ 25/5 หมู่ 8 บ้านสกูปา ต.ศรีสาคร จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พบบ้านพักคนงานถูกยิงด้วยปืนอาก้า กระสุนเจาะทะลุฝาบ้าน ประตู และหน้าต่าง เป็นรูพรุน ข้าวของภายในบ้านเสียหายยับ มีคนงานถูกยิงบาดเจ็บ 3 คน ทราบชื่อ นายบุญเลิศ สุจริต อายุ 28 ปี ถูกยิงเข้าหน้าท้องทะลุหลัง นางทองมี ติ้วกุล อายุ 58 ปี ถูกยิงเข้าสะโพกขวา และด.ช.อนุสรณ์ ศรีวิเศษ อายุ 10 ขวบ ถูกยิงฝ่ามือซ้ายทะลุ จึงรีบนำส่ง รพ. ศรีสาคร แต่อาการสาหัส แพทย์ส่งต่อไป รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้ากว่า 20 ปลอก หัวกระสุนอีก 5 หัว สาเหตุเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนใต้
ขณะเดียวกัน ได้เกิดระเบิดขึ้นที่ริมถนนสายศรีสาคร-กาหลง บริเวณสามแยกหน้าตลาดนัดศรีสาคร ตรงข้ามป้อมจุดตรวจเฉลิมชัย เขตเทศบาลตำบลศรีสาคร จึงรีบไปที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดขนาดกว้าง 1 ฟุต ลึก 50 ซม. มีเศษกล่องเหล็ก แผงวงจรโทรศัพท์ ซิมการ์ดมือถือ ปุ๋ยยูเรีย กระจายเป็นวงกว้างรัศมี 10 เมตร สอบสวนชาวบ้านละแวกใกล้เคียงทราบว่า มีวัยรุ่น 2 คนซ้อนท้ายรถ จยย.นำกล่องเหล็กมาวางไว้ในที่เกิดเหตุ แล้วรีบขี่รถหลบหนีไป สักครู่ก็เกิดระเบิดขึ้น แต่โชคดีเป็นเวลาดึกไม่มีใครเดินผ่าน จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เชื่อว่ากลุ่มโจรใต้ต้องการสร้างสถานการณ์ข่มขู่ชาวบ้านเท่านั้น
เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.อ.อภิรัฐ สังข์ขาว ผกก.สภ.อ.ยะหา จ.ยะลา นำกำลังไปที่บ้านลือเน็ง หมู่ 2 ต.ปะแต หลังรับแจ้งมีชาวบ้านถูกโจรใต้ยิงตาย ที่เกิดเหตุ พบศพชายไม่ทราบชื่อ 3 ศพ ถูกยิงด้วยปืนนานาชนิดเข้าศีรษะและลำตัวนอนตายเรียงกัน ใกล้กันพบรถ จยย. 4 คัน มีทะเบียน กมร 328 ยะลา, กพจ 56 ยะลา, กกจ 710 ยะลา และ กธท 572 ปัตตานี นอกจากนี้ ยังมีรถกระบะนิสสันสีแดง ทะเบียน บค 96 ปัตตานี จอดอยู่ใกล้กัน ในกระบะท้ายมีซากหมูป่า 1 ตัว พร้อมเครื่องมือล่าสัตว์จำนวนหนึ่ง สอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้ตายเป็นชาวบ้านบาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ท้องที่ใกล้เคียง และมีอาชีพล่าหมูป่า ก่อนเกิดเหตุได้พากันเข้าไปล่าหมูป่าในพื้นที่ ต.ปะแต ซึ่งเป็นเขตที่โจรใต้เคลื่อนไหวอยู่ คาดว่าถูกโจรใต้พาพวกไปดักสังหารโหด
ต่อมาเมื่อเวลา 18.20 น. ขณะที่นายธนากร ขันธ์ดำ อายุ 17 ปี นั่งดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนๆ หน้าร้านขายของชำของนางบานชื่น ชานะโต เลขที่ 132 ถนนวิฑูรอุทิศ 10 เขตเทศบาลนครยะลา มีคนร้าย 2 คน ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะ วิ่งมาจอดหน้าร้าน คนซ้อนท้ายสวมเสื้อยืดสีเขียว นุ่งกางเกงยีน เดินเข้าไปทำทีขอซื้อบุหรี่ เมื่อคนในร้านเผลอได้ชักปืน .38 ยิงใส่วงเหล้าติดต่อกันหลายนัด เป็นเหตุให้นายธนากรถูกกระสุนที่หน้าอก อาการสาหัส กระสุนปืนยังถูกนายชัยกร อุดหนุน อายุ 17 ปี เพื่อนร่วมวงเข้าที่แขนซ้ายบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถ จยย.มุ่งหน้าไปทางสวนมิ่งเมือง ขณะเดียวกัน มีรถกระบะของคนร้ายอีกชุด ใช้ปืนยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านซ้ำอีกครั้ง แต่กระสุนไม่ถูกผู้ใด
เวลาไล่เลี่ยกัน มีคนร้ายอีกชุด จำนวน 4 คน ใช้รถ จยย. 2 คัน มุ่งหน้าเข้าไปในหมู่บ้านท่าสาป หมู่ 1 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา คนซ้อนท้ายใช้ปืนยิงใส่ ชรบ.ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ในหมู่บ้าน เป็นเหตุให้กระสุนถูกนางผ่องศรี เจริญทรัพย์ อายุ 70 ปี ขณะนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านเลขที่ 45/1 หมู่ 1 ต.ท่าสาป เข้าที่มือซ้ายบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ ชรบ. ได้ชักปืนยิงตอบโต้คนร้าย ไปหลายนัด กระสุนปืนถูกคนร้ายบาดเจ็บ 1 คน หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สักรินทร์ บำเพ็ญสมัย รอง ผกก.ป.สภ.อ.เมืองยะลา นำกำลังไปตรวจสอบ พบรอยเลือดคนร้ายและรอยรถ จยย.ผ่านสนามบินท่าสาป จึงขอสนับสนุนกำลังชุด ฉก.1 ออกติดตามไล่ล่า พร้อมวิทยุแจ้งหน่วยข้างเคียงให้ช่วยตรวจสอบสถานีอนามัยตลอดจนบ้านแพทย์ชนบท หรือหมอพื้นเมือง คาดว่าคนร้ายที่บาดเจ็บอาจเข้าไปทำบาดแผล
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์