ประชาชนชาวไทยได้ปลาบปลื้มปีติยินดีและมีโอกาสได้เฝ้าชื่นชมพระบารมี ?เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก? มกุฎราชกุมารรูปงามแห่งราชอาณาจักรภูฏาน อย่างใกล้ชิดอีกคำรบหนึ่ง เมื่อเจ้าชายจิกมีเสด็จ เยือนไทยอีกครั้ง เพื่อทรงเที่ยวชมงานพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 49 ที่เชียงใหม่
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 13.40 น. เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ได้เสด็จฯถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินดรุกแอร์ เที่ยวบิน KB 126 โดยมีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตภูฏานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเฝ้ารับเสด็จ จากนั้นได้เสด็จฯไปยังโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ถนนเจริญกรุง ที่ประทับพักแรม โดยเจ้าชายจิกมีทรงอยู่ในฉลองพระองค์ ?คีร่า? สีดำ ชุดประจำชาติที่ทรงสวมใส่อยู่เป็นประจำ ในการนี้ น.ส. เกียรติยา ธรรมวิภัชน์ และ น.ส.กิตติมา ณ ถลาง ตัวแทนผู้ประกาศข่าวสาวจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้ทูลเกล้าฯถวายช่อดอกไม้ พร้อมกับขอประทานสัมภาษณ์พิเศษ โดยกล่าวกับเจ้าชายจิกมีว่าพระองค์ท่าน เป็นที่สนใจของประชาชนชาวไทยมาก ซึ่งเจ้าชายจิกมีทรงแย้มพระสรวล ก่อนที่จะตอบปฏิเสธโดยรับสั่งอย่างอ่อนโยนว่า ตามกฎมนเทียรบาลของประเทศภูฏาน ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ ก่อนที่จะทรงยกมือไหว้ทักทายอย่างไม่ถือพระองค์กับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมและเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่มาคอยรับเสด็จ สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จอย่างยิ่ง โดยทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากจะทรงมีพระสิริโฉมงดงามแล้ว ยังมีพระราชอัธยาศัยที่น่ารักรู้ซึ้งถึงประเพณีไทยอย่างดียิ่ง
จากนั้นนายสว่าง พุ่มพวง รอง ผจก.ใหญ่ ฝ่ายไทย โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ได้กล่าวถวายการต้อนรับเจ้าชายจิกมี ซึ่งเจ้าชายจิกมีได้แย้มพระโอษฐ์และยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม พร้อมตรัสเป็นภาษาอังกฤษว่า รู้สึกยินดีเช่นกันที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งก่อนที่จะเสด็จฯขึ้นสู่ห้องรอยัล ออคิด สวีท ชั้น 28 ที่โรงแรมจัดถวายให้เป็นที่ประทับพักแรม
น.ส.จิราภา จันทร์กิติสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เผยว่า ห้องรอยัล ออคิด สวีท ซึ่งถือเป็นห้องพักที่ดีที่สุดของโรงแรม และเป็นห้องที่เจ้าชายเคยประทับเมื่อครั้งเสด็จฯร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ในวันนี้โรงแรมได้ปิดชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นที่เจ้าชายจิกมีประทับทั้งชั้น เพื่อถวายความปลอดภัย ภายในห้องที่ประทับสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ในห้องยังประดับประดาและตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวอมม่วง ที่พระองค์ทรงชื่นชอบ สำหรับห้องนี้เคยใช้ต้อนรับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ และ บอง โจวี นักร้องชื่อดังระดับโลกมาแล้ว
ขณะที่นายทรงวุฒิ โถน้อย เชฟประจำโรงแรม ผู้ปรุงพระกระยาหารถวายเจ้าชายจิกมี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยปรุงพระกระยาหารถวายเจ้าชาย ซึ่งพระองค์เสวยง่ายๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทรงโปรดอาหารไทย โดยเฉพาะไข่เจียวปู ผัดกะเพรา และต้มยำกุ้ง ซึ่งรสจะไม่จัดมากและไม่ใช้มะนาว เพื่อให้รสเปรี้ยว แต่จะใช้น้ำมะขามแทน นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมอาหารประเภทของขบเคี้ยว ซึ่งจะมีส่วนผสมของสมุนไพรไทยต่างๆ ไว้ให้พระองค์ อีกด้วย ที่สำคัญอาหารต่างๆ ที่นำทูลเกล้าฯถวายนั้นจะต้องมีรสที่ไม่จัดหรือไม่เผ็ดมาก เพราะจะทำให้ทรงปวดท้องได้ พระองค์ทรงชอบอาหารที่ง่ายๆ สบายๆ ทำให้คนครัวสบายๆ ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ที่สำคัญอีกประการหนึ่งพระองค์จะมีเจ้าหน้าที่ประจำพระองค์ที่ตามเสด็จฯมาจากภูฏาน คอยตรวจสอบอาหารทุกชนิดก่อนที่จะถวายให้เสวย
ต่อมาเวลา 19.00 น. เจ้าชายจิกมีซึ่งทรงฉลอง พระองค์สีเหลือง และทรงฉลองพระองค์สูทสีดำคลุมทับเสด็จลงจากโรงแรม ลงเรือเจ้าพระยาครูซ เสวยพระกระยาหารค่ำและชมความงามยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเรือล่องไปถึงสะพานพระราม 8 แล้วล่องกลับใช้เวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิต อาทิ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีและครอบครัว จัดเลี้ยงถวายเป็นการส่วนพระองค์ โดยมีคณบดีจาก 26 คณะและนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตที่เป็นชาวภูฏานรวม 22 คนร่วมงานเลี้ยงด้วย ในจำนวนนี้มีเจ้าชายจิกมี นัมเกล ดอร์จิ พระอนุชาต่างพระมารดาของเจ้าชายจิกมี ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต ได้เสด็จมาร่วมงานด้วย ซึ่งเจ้าชายจิกมี นัมเกล ดอร์จิ เผยว่า กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาผู้นำด้านปรัชญาและการเมือง ที่เลือกเรียนวิชานี้เพราะมีทั้งปรัชญาการเมือง และเศรษฐกิจ ตรงกับชีวิตของพระองค์เอง ตอนนี้ยังไม่ได้พบกับพระเชษฐาและคงไม่ได้เสด็จไปทอดพระเนตรงานพืชสวนโลกกับพระเชษฐา เพราะติดเรียน ส่วนตัวเคยไปเชียงใหม่มาแล้วรู้สึกประทับใจมาก และยังกล่าวถึงการที่มหาวิทยาลัยรังสิตถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาการเมืองและ เศรษฐศาสตร์ ให้แก่เจ้าชายจิกมี ว่า ภูมิใจที่พระเชษฐาได้รับปริญญานี้และประทับใจที่พระองค์ท่านเป็นที่รักของประชาชนคนไทย อาหารที่จัดเลี้ยงบนเรือจัดเมนูพิเศษเป็นอาหารไทย อาทิ ต้มยำกุ้ง แกงเผ็ดเป็ดย่าง หมูมะนาว หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบซอสมะเขือเทศ ของว่างมีสาคูไส้หมู กระทงทอง และจัดรำลพบุรี และรำปี่พาทย์ถวายให้ทอดพระเนตรด้วย
สำหรับหมายกำหนดการเสด็จฯทอดพระเนตรงานพืชสวนโลกฯที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก จะเสด็จฯโดยเครื่องบินจากสนามบินกองทัพอากาศ ในเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พ.ย. ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และทอดพระเนตรงานจนถึงเวลา 16.00 น. จึงเสด็จฯกลับกรุงเทพฯ
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการถวายการอารักขาและการเฝ้ารับเสด็จมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ระหว่างเสด็จฯเที่ยวชมมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 49 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 พ.ย. ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดนายตำรวจเกียรติยศชุดที่เคยรับเสด็จเจ้าชายจิกมี ตั้งแต่เมื่อครั้งเสด็จฯมาร่วมพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายความปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่ประทับอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชจริยาวัตรของพระองค์เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนชาวไทย จึงขอให้พี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะเฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิดตามจุดต่างๆ อยู่ในขอบเขตและความพอดี โดย เฉพาะในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับการทูลเกล้าฯถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อว่าจะมีประชาชนไปรับเสด็จเป็นจำนวนมาก ซึ่ง บช.ภ.1 เจ้าของพื้นที่ได้เตรียมการถวายอารักขาและอำนวยการจราจรอย่างเต็มที่เช่นเดียวกันในส่วนของความรับผิดชอบในการเสด็จฯเที่ยวชมมหกรรมพืชสวนโลกฯที่จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.กิติธัช เรือนทิพย์ ผบช.ภ.5 ได้เตรียมการอารักขาเป็นกรณีพิเศษเช่นกัน
ด้านงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 49 ที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งผ่านมาแล้ว 23 วัน มีผู้เข้าชมงานกว่า 7 แสนคนแล้ว ช่วงเช้าวันที่ 23 พ.ย. ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติทยอยเข้าชมไม่ขาดสายแม้อากาศจะร้อนก็ตาม ขณะที่สวนหลายแห่งระดมนำดอกไม้ชุดใหม่มาเปลี่ยน เนื่องจากทราบว่าเจ้าชายจิกมีฯจะเสด็จฯทอดพระเนตร โดยเฉพาะสวนภูฏานที่สวยงามมีผู้เข้าชมจำนวนมากจนเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลต้องประกาศเตือนไม่ให้จับดอกไม้ เพราะเกรงจะช้ำเสียก่อน
สำหรับสิ่งที่ทุกคนสนใจคือ แจกันบูรณะกะตะมหาคงคา ที่ทำจากดินดำบริสุทธิ์อายุกว่าล้านปี ผลิตโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเวียงกาหลง ซึ่งจะถวายแก่เจ้าชายจิกมี นั้น นายรุ่งโรจน์ เหมันต์สุทธิกุล ประธานบริษัทเพาเวอร์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้จัดทำให้รายละเอียดว่า ผลิตเมื่อ ต้นปี 2536 ผลิตจากดินดำจากตำบลเวียงกาหลง จ.เชียงราย ลวดลายเป็นแม่พญากาเผือกรายล้อมด้วยรูปปลา อันเป็นสัญลักษณ์ความอุดมสมบูรณ์ และถ่ายทอดพุทธตำนานเกี่ยวกับความกตัญญู ความเพียร คุณงามความดีของพญากาเผือกกับลูก ซึ่งเชื่อมโยงกับประวัติพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกปลาบปลื้มและประทับใจที่พระองค์ทรงสนพระทัยในพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งแจกันนี้ถือเป็นทูตทางวัฒนธรรมของสองประเทศ
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์