เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่อาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ คลอง 5 จ.ปทุมธานี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้รุ่นที่ 4 โดย กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการตอนหนึ่งว่า พวกเราทุกคนปรารถนาที่จะทำโครงการนี้ และหวังว่าโครงการนี้จะทำให้เด็กๆได้เรียนรู้สิ่งที่ต่างๆที่ควรเรียนรู้ แต่ไม่ได้เรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สำคัญต้องเข้าใจว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบนั้นมีความเป็นไปได้ และเป็นเรื่องที่ดี
?ขอให้ทุกคนช่วยกลับไปบอกคนอื่นๆด้วยว่า ขอให้อยู่กันอย่างสงบเถอะ เพราะความที่ไม่ค่อยเรียบร้อยในภาคใต้ ทำให้เกิดความทุกข์แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเป็นทุกข์ พวกเราทุกคนมีความปรารถนา และมุ่งมั่น อยากให้เด็กในพื้นที่ภาคใต้มีความสุขมากขึ้น และสามารถเติบโตต่อไปข้างหน้าเป็นเด็กดีของชาติบ้านเมือง และนำความสุขมาสู่บ้านเมือง? พล.อ.เปรมกล่าวสรุปทิ้งท้าย จากนั้นได้มอบเกียรติบัตรให้แก่เยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์ รวมทั้งถ่ายภาพหมู่ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะกรรมการอิสลามไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้านนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. ให้สัมภาษณ์ ถึงความเป็นไปได้ของแนวทางที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้ไว้กับเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทำได้ถ้าทุกคนช่วยกันพยายามกันเต็มที่ ตามแนวทางที่รัฐบาลและ พล.อ.เปรมกำหนด ตนคิดว่าเป็นทิศทางที่เราต้องทำและแสงสว่างปลายอุโมงค์ อยู่ตรงไหน เราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ แต่ต้องข่มใจกันพอสมควร และต้องพยายามช่วยกันทุกฝ่าย ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางที่แก้ไขเวลานี้มาถูกทางแล้วใช่หรือไม่ นายพระนายตอบว่า ตนเป็นผู้ปฏิบัติ มีความเชื่อมั่นว่าเราไปถูกทาง เราอยู่ด้วยกันได้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนปัญหาของชาวไทยพุทธที่ต้องหนีภัยไปอยู่วัดนิโรธสังฆารามต้องดูแลกันให้ดีที่สุด การที่สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ เสด็จฯไปคราวนี้ทำให้ประชาชนคนไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา มีความปลื้มปีติ มีขวัญกำลังใจดีมาก ขณะนี้การทำงานมีความเป็นเอกภาพมากขึ้นทั้งแม่ทัพภาคที่ 4 ทั้งฝ่ายพลเรือน และตำรวจคุยกันแทบทุกวันและเข้าใจอะไรตรงกันหมดไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนเหตุการณ์รุนแรงยังคงมีเกิดขึ้นเป็นรายวัน โดยเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 18 พ.ย. ร.ต.ท.จรินทร์ ฉ่ำทอง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านใบ๊ หมู่ 6 ต.บุดี อ.เมือง ยะลา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบร่าง จ.ส.ต.เลิศชัย โวหาร อายุ 33 ปี สังกัด กก.ตชด.ที่ 44 ค่ายพญาลิไท จ.ยะลา ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่แก้มซ้ายและชายโครงขวารวม 3 นัดนอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย.ฮอนด้า ทะเบียน ช 3106 ยะลา จึงรีบนำตัวส่ง รพ. ศูนย์ยะลาอาการสาหัส สอบสวนทราบว่าหลังจากออกเวรรักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนบ้านบุดี จ.ส.ต.เลิศชัยก็ขี่รถ จยย.จะกลับบ้านพักภายในค่าย ถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คนขี่รถ จยย.ไล่ประกบยิงกระเด็นตกจากรถ จยย.บาดเจ็บ แต่ยังแข็งใจชักปืนพก 9 มม.ยิงต่อสู้กับคนร้าย แต่กระสุนพลาดเป้าคนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงชิงหลบหนีไป
ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 01.00 น. คืนวันที่ 18 พ.ย. ร.ต.ท.อานนท์ คำสีลา ร้อยเวร สภ.อ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งเหตุระเบิดรถยนต์ที่จอดไว้หน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ไม่มีชื่อ เลขที่ 234/1 หมู่ 1 ต.ธารโต อ.ธารโต จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อลงกรณ์ สีมาวุธ ผกก.นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถกระบะมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทะเบียน กค 650 ปัตตานี ซึ่งจอดหันหัวรถเข้าไปในร้านซ่อมรถ จยย. ถูกแรงระเบิดไม่ต่ำกว่า 2 กก.ฉีกกระบะหลังขาดกระจุยรวมทั้งเพลาล้อหลังขาดเป็น 2 ท่อน ยางล้อรถแบนทั้ง 4 ล้อ นอกจากนี้สะเก็ดระเบิดยังทำให้รถ จยย. ที่จอดอยู่ในร้านเสียหายไปอีกหลายคัน
เบื้องต้นพบชิ้นส่วนระเบิดและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กระจัดกระจายอยู่จำนวนหนึ่ง รวมทั้งยังพบว่าตัวกระบะที่พังเสียหายนั้นมีการดัดแปลงทำเป็นสองชั้นมีช่องว่างตรงกลางด้วย จึงนำตัวนายอิสมาแอ เจ๊ะแว อายุ 19 ปี เจ้าของร้านไปสอบสวนที่โรงพัก เค้นสอบอยู่นานจนถึงเช้าวันที่ 18 พ.ย. นายอิสมาแอก็เปิดปากรับสารภาพว่าเป็นแนวร่วมโจรก่อการร้ายกลุ่มอาร์เคเค เคลื่อนไหวก่อความรุนแรงในพื้นที่ อ.ธารโต และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งเป็นคนผลิตระเบิดที่ใช้ก่อวินาศกรรมในเขต อ.ธารโตมาแล้ว 2 ครั้ง โดยช่วงเกิดเหตุได้ผลิตระเบิดแบบใช้จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือเสร็จแล้ว เตรียมจะนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่ โดยนำไปซ่อนไว้ในกระบะหลังรถ แต่เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน สำหรับนายอิสมาแอ เจ๊ะแว เป็นน้องชายของนายมะแซ เจ๊ะแว หัวหน้ากลุ่มอาร์เคเค ซึ่งถูกออกหมายจับคดีความมั่นคงและคดีลอบวางระเบิดหลายคดี อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม
ต่อมาเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พร้อมเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 45 ยะลา ได้เดินทางไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในร้านซ่อมรถ จยย.ของนายอิสมาแอ เจ๊ะแว พบเอกสารเป็นภาษายาวี มีข้อความเขียนปลุกระดมแนวความคิดเพื่อแบ่งแยกดินแดน นาฬิกาปลุก สายไฟ และโทรศัพท์มือถืออีกหลายเครื่อง นอกจากนี้ ยังพบรถ จยย.อีกหลายคันมีร่องรอยการขูดลบเลขตัวถังออก คาดว่าน่าจะเตรียมไว้ทำเป็นรถ จยย. บอมบ์ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด ส่วนนายอิสมาแอ เจ๊ะแวได้ส่งมอบให้ทางศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจ แห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา (ศปก.ตร.สน.ยะลา) สอบสวนขยายผลต่อไป
ถัดมาเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ 191 จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายโทรศัพท์ขู่วางระเบิดตามโชว์รูมรถยนต์รวม 8 แห่ง จึงระดมกำลังออกไปตรวจสอบที่ 1. บริษัทยะลาฮอนด้าคาร์ส์ 2. บริษัทปัตตานีเจริญเทรดดิ้ง สาขายะลา 3. บริษัทนิสสันมอเตอร์ 4. บริษัทศรีบุตรคอร์ปอเรชั่น จำหน่ายรถมาสด้า 5. บริษัทเอเอเอส มอเตอร์ จำหน่ายรถมิตซูบิชิ (ถูกข่มขู่เป็นครั้งแรก) 6. บริษัทฟอร์ดสาขายะลา 7. บริษัทมุรนี คาร์เซ็นเตอร์ จำหน่ายรถเชฟโรเลต และ 8. บริษัทพิธานโตโยต้า (ถูกข่มขู่เป็นครั้งแรก) นอกจากนี้ ยังมีโชว์รูมรถ จยย.อีก 15 แห่งที่ถูกโทรศัพท์ ลึกลับขู่วางระเบิดเอาไว้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบอยู่นานกว่า 3 ชม.แต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าและธนาคารต่างหวาดผวากันถ้วนหน้า บางแห่งถึงกับปิดกิจการ 1 วัน เพื่อรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อน
อีกรายเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.15 น. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านเลขที่ 126/1 หมู่ 1 บ้านยุโป ต.ยุโป จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพบว่าชาวบ้านกำลังช่วยกันดับไฟที่ลุกท่วมร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายนำ ศรีพลอย อายุ 72 ปี เป็นเจ้าของบ้านเกิดเหตุ พบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดบริเวณลำตัวรวม 2 นัด จากนั้นคนร้ายได้ใช้น้ำมันเบนซินราดก่อนจุดไฟเผาซ้ำจนร่างไหม้เกรียมสิ้นใจตายอย่างน่าอนาถ เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์รายวัน และอาจจะเป็นการตอบโต้ที่สมาชิกโจรใต้กลุ่มอาร์เคเคถูกจับที่ อ.ธารโต อยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้ต่อไป
ที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน มีเสียงระเบิดดังขึ้นในสวนยางพาราข้างฐานปฏิบัติการทหาร นาวิกโยธินชุด ฉก.32 ซึ่งตั้งอยู่ในวัดทุ่งคา หมู่ 2 บ้านทุ่งคา ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ปัตตะมะดาวา รอง ผกก.สส.สภ.อ.ยี่งอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.บก.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังรุดไปตรวจสอบพบว่าจุดระเบิดอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ในสวนยางพาราเป็นหลุมลึก 6 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว และพบเศษกระดาษสีแดงของประทัดยักษ์กระจายเกลื่อนพื้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าคนร้ายนำประทัดยักษ์หลายลูกมามัดรวมกันแล้วจุดไฟทำให้ระเบิดเสียงดัง คาดว่าคนร้ายต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น เนื่องจากขณะเกิดเหตุชาวไทยพุทธกำลังประกอบพิธีอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตรายหนึ่งอยู่ภายในวัดที่เกิดเหตุด้วย
ส่วนกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องหน้าร้านกาแฟ ?ก.เก่งกาแฟโบราณ? เลขที่ 91 ถนนระแงะมรรคา อ.เมืองนราธิวาส และที่เกาะกลางถนนตรงข้ามร้านเกิดเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 29 คนซึ่งก็รวมทั้งผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 18 พ.ย. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ปลัด จ.นราธิวาส และนางมาดีแย นราธิวาส รองนายกเหล่ากาชาด จ.นราธิวาส เป็นตัวแทน ผวจ.นราธิวาส เดินทางไปยัง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจและมอบกระเช้าของขวัญกับเงินเยียวยาจำนวนหนึ่ง ให้แก่ผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ระเบิดที่ร้านกาแฟ ?ก.เก่งกาแฟโบราณ? และบนเกาะกลางถนนหน้าร้านที่นอนรักษาตัวอยู่จำนวน 18 คน โดยมี นพ.เฉลิม ศักดิ์กำชัย ผอ.รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ให้การต้อนรับ ส่วนอีก 11 คน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วหลังจากทำแผลเสร็จ ในจำนวนผู้ป่วย 18 รายนั้น มีอยู่ 2 รายที่อาการยังโคม่า คือ น.ส.นวัล บินหะยีนิยิ อาจารย์ 1 ระดับ 4 มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และนายสถาพร เพชรรัตน์ ซึ่งแพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียู เพราะยังไม่รู้สึกตัว หายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา
ในส่วนความคืบหน้าของคดี ทาง ร.ต.ท.มนูศักดิ์ ปาระมี ร้อยเวร สภ.อ.เมืองนราธิวาส เจ้าของคดีเปิดเผยว่า ได้สอบปากคำพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุและได้รับบาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ไปแล้วจำนวน 5 คน พร้อมทั้งตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งตามเสาไฟฟ้าในละแวกที่เกิดเหตุ พบรูปพรรณของคนร้ายคล้ายคลึงกับกลุ่มคนร้ายที่เคยลอบวางระเบิดหลายจุดในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และล่าสุดได้วางระเบิดพระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาตได้รับบาดเจ็บ และทำให้ทหารชุดคุ้มครองพระเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีกหลายนาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมาด้วย ซึ่ง ร.ต.ท.มนูศักดิ์ได้มอบหลักฐานต่างๆ รวมทั้งซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปก.ตร.ส่วนหน้า จ.ยะลา นำไปตรวจสอบอย่างละเอียด คาดว่าในหนึ่งสัปดาห์จะทราบความชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ลอบก่อเหตุในครั้งนี้
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์