แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
<dd><b>กลุ่ม G</b>
<dd><b>เกาหลีใต้ 2 - 1 โตโก</b>
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมนี ประจำวันที่ 13 มิ.ย. มีโปรแกรมฟาดแข้ง 2 คู่ ในกลุ่ม F และกลุ่ม G สำหรับคู่แรกเป็นการพบกันระหว่าง ?ทีมพลัง โสม? เกาหลีใต้ พบกับ โตโก ตัวแทนจากทวีปแอฟริกา ที่ผ่านเข้าเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ที่ฟีฟ่า เวิลด์คัพ สเตเดียม แฟรงก์ เฟิร์ต ผู้ตัดสินของเกมนี้ เกรแฮม โพลล์ จากอังกฤษ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดฟ้าโปร่ง อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส
เริ่มเกมเป็นโตโกที่คึกคักกว่า และได้ลุ้นประตูก่อนในนาทีที่ 9 จากการยิงของ เยา จูเนียร์ เซนายา แต่ไม่ตรงกรอบ เกาหลีใต้เริ่มดีขึ้นเมื่อผ่าน 10 นาทีแรก แต่เกมโดยส่วนใหญ่ยังอยู่บริเวณกลางสนาม โอกาสทำประตูของทั้งสองทีมมีน้อยมาก แต่แล้วในนาทีที่ 31 โตโก ก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากการยิงของ อับเดล-คาดาร์ คูกบาดยา ที่ซัดผ่านตัว อี วูน-แจ ลูกเสียบเสาไกลเข้าไปส่งโตโกขึ้นนำ 1-0 โดนนำไปก่อน ทีมจากเอเชียโหมรุกทันทีหวังตามตีเสมอให้ได้ และมีโอกาสหลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ยิงหลุดกรอบไปหมด ครบ 45 นาทีแรก โตโกนำเกาหลีใต้ 1-0
เปิดฉากครึ่งหลัง ?โสมขาว? ส่งกองหน้า อาห์น จุง-ฮวาน ลงเล่นแทนนักเตะแนวรับอย่าง คิม จิน-คิว เน้นเกมรุกเต็มที่หวัง พลิกสถานการณ์ให้ได้ เกมเป็นเกาหลีใต้ที่บุกหนัก ทำให้โตโกต้องตัดฟาวล์บ่อยครั้ง จนนาทีที่ 53 ยาโอวี ดอสเซห์ อบาโล เข้าสกัดรุนแรงทำให้โดนใบเหลืองที่ 2 ของเกม และเป็นใบแดง เนื่องจากครึ่งแรกในนาทีที่ 23 ถูกใบเหลืองใบแรกมาก่อน จากการฟาวล์ครั้งนี้นำไปสู่ลูกฟรีคิก ลี ชุน-ซู รับอาสายิงลูกไซด์โค้งข้ามกำแพงโตโกเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างงดงาม ส่งผลให้เกาหลีใต้ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 54 ทีมพลังโสมคึกคักเต็มพิกัดหลังตามเจ๊าได้ เร่งเครื่องบดโตโกสิบคนอย่างหนักและมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 75 จากดาวยิงตัวสำรอง อาห์น จุง-ฮวาน ที่กดเต็ม ๆ บอลพุ่งเข้าสามเหลี่ยมขวาบนสุดปัญญาที่ นิมินี ชากนิรัว โกล์โตโกจะเซฟได้ ท้ายเกมทีมจากแดนกิมจิเน้นครองบอลแน่นอน รักษาสกอร์ ครบ 90 นาที พลิกกลับมาคว้าชัยชนะได้อย่างยอดเยี่ยม 2-1
<b>รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม</b>
<b>เกาหลีใต้ </b>: ลี วอน เเจ , ซอง ชอง กุ๊ก , คิม ยอง ชุล , คิม จิน เกียว , ชอย จิน เชิล , ลี ยอง เพียว , ปาร์ค จี ซอง , ลี อุน ยอง , ลี โฮ , ลี ชุน ซู , โช แจ จิน
<b>โตโก </b>: คอสซี่ อากัสซ่า , ดาเร่ นีบอมเบ , ลูโดวิช อาสเซโมอาซา , ฌอง พอล อบาโล , เชริฟ ตูเร มาม็อม , อเล็กซี่ โรเมา , เยา จูเนียร์ เซนายา , มาสซามาสโซ ชานไก , มุสตาฟา ซาลิเฟา , คาเดอร์ โมฮัมเหม็ด , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
<dd><b>กลุ่ม G</b>
<dd><b>ฝรั่งเศส 0 - 0 สวิตเซอร์แลนด์</b>
เปิดฉากครึ่งหลังเกมรุกของฝรั่งเศสยังไม่เด็ดขาดพอ เล่นพลาดในจังหวะสุดท้ายหลายครั้ง และการทิ้ง อองรี เป็นหอกตัวเป้าเพียงคนเดียว ทำให้ยังเจาะแผงหลังสวิตเซอร์แลนด์ที่เน้นตั้งรับแน่นได้ลำบาก ซึ่งเมื่อตัดบอลได้สวิตเซอร์แลนด์ก็ทำเกมโต้กลับได้น่ากลัวเช่นกัน และนาทีที่ 65 สวิตเซอร์แลนด์หวิดขึ้นนำอีกหน จากการโหม่งระยะเผาขนของ ดาเนียล กีกักซ์ ที่ลงไปแทนกองหน้า อเล็กซานเดอร์ เฟร ในครึ่งหลัง แต่โดน ฟาเบียง บาร์กเตซ นายทวารฝรั่งเศส ล้มตัวลงใช้ขาเซฟเอาไว้ได้หวุดหวิด จากนั้นในนาทีที่ 70 เรย์มงด์ โดเมเน็ค กุนซือฝรั่งเศสปรับทัพเติมกองหน้า หลุยส์ ซาฮา ลงไปแทนกองกลาง ฟรองค์ ริเบรี แต่รูปเกมเหมือนเดิม เมื่อจังหวะสุดท้ายโดนกองหลังสวิตเซอร์แลนด์สกัดได้ตลอด ฝรั่งเศสมีได้ลุ้นอีกแค่ครั้งเดียวจากลูกโยนยาวที่ ซาฮา พักอกคืนให้ วิกาซ โดราซู พุ่งเข้าซัดในกรอบเขตโทษ ลูกพุ่งเรียดถากเสาสองออกไปหวุดหวิด ทำให้หมดเวลาเสมอกันไปในที่สุด 0-0
<dd><b>กลุ่ม F</b>
<dd><b>บราซิล 1-0 โครเอเชีย</b>
ศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบแรก กลุ่ม F ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันอังคาร 13 มิ.ย. ?แซมบ้า? บราซิล แชมป์เก่า และแชมป์โลก 5 สมัย ลงสนามนัดแรกพบกับทีม ?ตาหมากรุก? โครเอเชีย โดยวันนี้ คาร์ลอส อัลแบร์โต ปาร์เรรา เทรนเนอร์ของบราซิล ส่งนักเตะชุดใหญ่ลงเล่นพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็น โรนัลดินโญ, โรนัลโด, กากา และอาเดรียโน ส่วนทีมโครแอต ซลัตโก ครานจ์การ์ บิ๊กบอสใช้ ดาโด แปร์โซ ล่าตาข่ายคู่กับ อิวาน คลาสนิช หัวหอกของแวร์เดอร์ เบรเมน
เริ่มเกมเป็นบราซิลที่ครองบอลได้เหนือกว่า และพยายามหาจังหวะเข้าไปยิงประตูตามคาด แต่กองหลังโครเอเชียก็ยังเหนียวแน่น ทำให้ทีมแชมป์โลกทำเกมเข้าไปลุ้นสกอร์ในเขตโทษไม่ได้เลย และต้องลองเปลี่ยนวิธีการมายิงไกลแทน แต่นาที 15 โรแบร์โต คาร์ลอส ได้ลักไก่ซัดไกลเกือบ 30 หลาหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งเกือบเสียบคาน ยังดีที่ สติเป เปลติโกซา กระโดดปัดออกหลังไปได้ และจากการเตะมุมในจังหวะต่อมา โรนัลดินโญ ได้ลองลุ้นครั้งแรกด้วยการยิงเรียดตรงมุมเขตโทษทางซ้าย แต่ เปลติโกซา ก็ยังไม่พลาดพุ่งปัดออกไปได้อีก
จากนั้น บราซิล ยังครองเกมได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้ชัดเจนนัก อย่างไรก็ดี นาที 43 ทีมแชมป์เก่า ได้ประตูออกนำสำเร็จ จากการยิงไกลสุดสวยหน้าปากเขตโทษของ กากา เพลย์เมกเกอร์จากเอซี มิลาน ทำให้หมดครึ่งแรก บราซิล นำ โครเอเชีย 1-0
เริ่มครึ่งหลังโครเอเชียแก้เกมมาดี และเป็นฝ่ายครองบอลทำเกมบุกใส่บราซิลมากกว่า นาที 50 เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ดาโด แปร์โซ พลิกบอลหลบ ลูซิโอ กองหลังบราซิล ก่อนหลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วหวดเต็มข้อทันที แต่บอลไปตรงตัว ดิดา ปัดออกไปได้ จากนั้นอีก 3 นาที ทีมตาหมากรุกน่าจะได้อีก เมื่อ อิวาน คลาสนิช ได้หวดเรียดบริเวณหัวกระโหลก แต่บอลก็ไปตรงตัว ดิดา เหมือนเดิม อย่างไรก็ดี นาที 55 บราซิล โต้กลับเกือบได้ประตูเหมือนกัน จากการยิงไกลของ โรนัลโด ที่ได้โอกาสยิงเป็นครั้งแรกในเกม แต่บอลข้ามคานออกไปหวุดหวิด นาที 61 ทีมแชมป์เก่า น่าได้อีกจากการเติมขึ้นมาเปิดทาฝั่งขวาของ คาฟู บอลลอยโด่งมาหน้าประตูเข้าหัว โรนัลดินโญ ได้โขกเต็ม ๆ แต่ เปลติโกซา ยังไม่พลาด พุ่งปัดออกไปได้
จากนั้นโครเอเชียยังโหมเกมรุกหนักเพื่อเอาประตูคืน แต่กองหลังก็ลอยสูงจนบราซิลได้โอกาสลุ้นประตูเพิ่มหลายครั้ง นาที 77 โรบินโญ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน โรนัลโด ได้ลองกึ่งยิงกึ่งผ่านหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปเข้าทาง อาเดรียโน ได้สะกิดบอลกะให้เปลี่ยนทาง แต่ลูกถากเสาออกหลังไปนิดเดียว ช่วงที่เหลือ บราซิล เริ่มได้ใจ และกลับมาทำเกมรุกได้เหนือกว่าบ้าง อย่างไรก็ดีไม่มีฝ่ายไหนทำอะไรเพิ่มกันได้ หมดเวลา บราซิล เฉือนชนะ โครเอเชีย 1-0 คว้า 3 แต้มประเดิมสนามได้อย่างหืดจับ โดยเกมต่อไป บราซิล จะพบกับ ออสเตรเลีย ในวันที่ 18 มิ.ย. ขณะที่ โครเอเชีย พบ ญี่ปุ่น ในวันเดียวกัน
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ 
English
