แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

เปิดบัญชี ?หญิงอ้อ? จนลงพันล. ?แม้ว?5ปี-เพิ่ม48ล้าน ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : เปิดบัญชี ?หญิงอ้อ? จนลงพันล. ?แม้ว?5ปี-เพิ่ม48ล้าน

ป.ป.ช.เปิดโชว์บัญชีทรัพย์สิน?ครม.แม้ว? ชุดที่ถูกทหารปฏิวัติ ?ทักษิณ-หญิงอ้อ?รวมกันมากกว่า 9 พันล้าน เป็นนายกฯ 5 ปี 7 เดือน เพิ่มขึ้น 48 ล้าน แต่เมียลดฮวบกว่าพันล้าน ?กันตธีร์?ครองแชมป์รวยสุด 4 พันกว่าล้าน ?พินิจ?รั้งบ๊วย หนี้ท่วมกว่า 4 ล้านบาท ?สุรยุทธ์?แถลง ครม.ยังไม่พิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก อ้าง?คมช.?ยังไม่ได้ชงเรื่องขึ้นมา ยันไม่กระทบการประชุม?เอเปก? เผย?สนธิ?ขอเวลาพิจารณาอีก 3-4 วัน ถ้าไม่เสนอมา แสดงว่ายังไม่ให้ยกเลิก เผยเบื้องหลัง?จิ๋ว?เคลื่อนไหวจัดระเบียบการเมือง จับมืออดีตเลขาฯพรรคสามัคคีธรรม-อดีตแกนนำไทยรักไทย จัดตั้งพรรคใหม่ สรรหาคนมาเป็นนายกฯ หนังสือพิมพ์ฮ่องกงตีข่าว-ภาพถ่าย?แม้ว-หญิงอ้อ? เดินควงแขนช็อปปิ้ง อดีตนายกฯ เผยจะกลับประเทศต่อเมื่อการเมืองมีเสถียรภาพ

-ครม.ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครม.ได้เลื่อนเวลาจาก 08.30 น. เป็น 09.00 น. ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือแจ้งว่า นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.เป็นต้นไป การประชุมครม.ทุกสัปดาห์จะเลื่อนเป็นเวลา 09.00 น. ทั้งนี้เป็นความต้องการของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ที่เห็นว่าเวลา 08.30 น.นั้น เช้าเกินไป

เวลา 12.20 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ครม.ไม่ได้หารือเรื่องยกเลิกกฎอัยการศึก เนื่องจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยังไม่เสนอเข้ามา ผู้สื่อข่าวถามว่าการยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นอำนาจของครม. หรือคมช. พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า อำนาจอยู่ที่ครม. แต่การดูแลสถานการณ์ความมั่นคงอยู่ที่คมช. การจะยกเลิกกฎอัยการศึกก็ต้องรอข้อพิจารณาของคมช.ว่าควรจะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนี้ผลการพิจารณาของคมช. ยังไม่ได้ส่งมาถึงครม.

?ผมพูดชัดเจนว่าการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นความรับผิดชอบของครม. แต่ต้องรอผลการพิจารณาของคมช. ก็เหมือนกับที่เราต้องรอการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่จะต้องมีผลสรุปออกมา ครม.คงไม่มีรายละเอียดมากพอที่จะตัดสินใจได้โดยลำพัง ขอให้เข้าใจตรงนี้ว่าเราไม่ได้โยนกันไปโยนกันมา? นายกฯ กล่าวและว่า ส่วนจะยกเลิกได้เมื่อไหร่ ไม่สามารถให้คำตอบได้ในขณะนี้ และไม่สามารถตอบได้ว่าจะยกเลิกเมื่อไหร่

-เชื่อไม่กระทบประชุมเอเปก

ต่อข้อถามว่าขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใดๆ ที่จะต้องยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นการเร่งด่วนใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่เป็นเรื่องด่วน แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นกรณีด่วนพิเศษ เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ บางพื้นที่เป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ใช่เป็นส่วนนั้น เพราะเราได้ผ่อนผันอยู่แล้ว เห็นได้จากการยกเลิกประกาศคปค.ฉบับที่ 7 ที่ผ่อนคลายอยู่แล้ว โดยความรู้สึกของตนเราไม่ได้คิดเรื่องของการชุมนุมประท้วง แต่ขอให้ดูกันให้รอบคอบว่าเราจะดำเนินการกันอย่างไร

เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกจะส่งผลกระทบต่อการไปประชุมเอเปก ที่เวียดนาม ในวันที่ 17-19 พ.ย.หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่มีผลกระทบ เท่าที่ได้รับทราบข้อมูลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยที่เข้าพบตน เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการไปประชุมเอเปก

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางสหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องยกเลิกกฎอัยการศึกได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐมองเรื่องการเข้ายึดอำนาจของคปค. ว่ามิได้เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าขณะนี้ทางสหรัฐยอมรับเรื่องการยึดอำนาจแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเพียงสิ่งที่ตนได้รับข้อมูลมาว่าการไปประชุมเอเปกจะไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาเป็นปัญหาในการประชุม

-?สนธิ?ขอเวลาพิจารณาอีก3วัน

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นำเรื่องการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกเข้าสู่วาระในครม. ซึ่งพล.อ.สุรยุทธ์ กับพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะประธานคมช. พูดจากันไว้ก่อนแล้ว โดยพล.อ.สนธิขอเวลา 3-4 วันจะแจ้งผล หากเลยเวลานี้จะถือว่ายังไม่เลิก ให้รอไปก่อน การไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกจะต้องไปถามประธานคมช. เพราะนายกฯชี้แจงชัดเจน จะต้องฟัง คมช. ถ้ายังไม่เลิกก็ต้องยอมรับการตัดสินใจคมช. เหตุที่ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกเพราะสถานการณ์ขณะนี้มีส่วน โพลต่างๆที่ออกมาก็สนับสนุนให้คงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก เพราะไม่กระทบกระเทือนต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ที่กดดันและเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎอัยการศึกส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เปอร์เซ็นต์ที่ออกมาเรียกร้องถือเป็นส่วนน้อย เหตุผลหนึ่งที่คมช.ยังไม่ยกเลิก เป็นการยืนตามเสียงข้างมากของประชาชน เมื่อถามถึงกระแสข่าวคลื่นใต้น้ำที่จะมารวมตัวกันที่กทม.ภายใน 1-2 วันนี้ รมว.กลาโหม กล่าวว่า กองทัพภาคต่างๆ ได้รับคำสั่งจากผบ.ทบ.แล้วเพื่อจัดการกับคลื่นใต้น้ำ กองทัพภาคจะสกัดกั้นคงไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะมีเล็ดลอดมาได้บ้างเพื่อมาผสมกับพวกที่อยู่ภายใน หากการชุมนุมไม่ได้ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไปคงไม่มีปัญหา ตราบใดยังเคารพกฎกติกากันอยู่ก็สามารถชุมนุมได้

-อ้างมีไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

เมื่อถามว่าหากไม่มีการอธิบายได้ว่าคลื่นใต้น้ำคืออะไร การคงกฎอัยการศึกไว้อาจจะกลายเป็นกระแสกลับมาโจมตีรัฐบาลเอง รมว.กลาโหมกล่าวว่า ยังไม่มีการปฏิบัติที่ชี้ให้เห็นว่าการคงไว้กฎอัยการศึกมีผลดีอย่างไร ต่อไปคงจะปฏิบัติให้เห็นว่าการคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึกมีผลดีต่อบ้านเมือง ปัจจุบันไม่ได้มีผลเสียมากมายนัก เราคำนึงถึงความมั่นคงเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงต่างประเทศ

ต่อข้อถามว่าการคงกฎอัยการศึกไว้จะกระทบต่อการประชุมเอเปกของนายกฯ หรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ต้องถามนายกฯ ถ้าเลยวันนี้ไปแล้ว และคมช.ยังไม่ส่งสัญญาณว่าจะยกเลิก ก็ไปประชุมโดยที่ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก การคงกฎอัยการศึกไว้เพราะเพื่อความไม่มั่นคง ไม่เฉพาะเรื่องคลื่นใต้น้ำอย่างเดียว ยังมีความมั่นคงหลายๆ อย่างในประเทศ คมช.อยากให้รัฐบาลทำงานด้วยความราบรื่น อยากให้เร่งการคืนอำนาจให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด ผ่านกระบวนการร่างรัฐธรรมมนูญ มีการเลือกตั้งโดยไม่มีอุบัติเหตุ

พล.อ.บุญรอด กล่าวถึงกระแสข่าวปฏิวัติซ้อนว่า จบไปแล้ว ได้กินข้าวร่วมกันแล้วระหว่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธกับคณะคมช. ทำความเข้าใจกันไปแล้ว ส่วนกระแสข่าวที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย ชัดเจนให้กลับหลังเลือกตั้งและมีรัฐธรรมนูญแล้วทุกอย่างชัดเจน

-คลื่นใต้น้ำยังมี-แต่ไม่หนักใจ

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. สมาชิกคมช. ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม คมช. เกี่ยวกับการยกเลิกกฎอัยการศึกว่า เรื่องนี้ต้องถามพล.อ.สนธิ ถึงความเหมาะสมอีกครั้ง ส่วนเรื่องคลื่นใต้น้ำนั้น ก็มีอยู่ คงไม่หมดไปจากประเทศไม่ว่ายุคไหน เพียงแต่จะมีมากหรือมีน้อย ควบคุมได้หรือไม่ ไม่ต้องไปตื่นเต้นมากมายว่าจะกระทบความมั่นคงหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ต้องดูแลและละเลยไม่ได้

เมื่อถามว่าคมช.หนักใจกับสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีอะไรหนักใจ แต่สิ่งต่างๆย่อมมีผิดปกติหรือติดลบบ้าง แต่ไม่ได้มากมาย ไม่มีอะไรสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ คมช.ก็พยายามทำงานแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกฝ่ายโดยเฉพาะสื่อมวลชน

?คมช.คุยกันตลอดรวมถึงการวิจารณ์การทำงานของ คมช.เองด้วย อะไรที่ยังไม่สมบูรณ์แบบก็พยายามทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ได้หวังทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะทำให้ดีที่สุด ดังนั้น อยากให้สื่อมวลชนช่วยเสนอข่าวเกี่ยวกับการทำงานของคมช. ส่วนโฆษกคมช.ที่แต่งตั้งขึ้นก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดทำเอกสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครอง หรือสมุดปกขาว เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนและประชาคมโลก โดยจัดทำฉบับภาษาไทย 20,000 เล่ม ภาษาอังกฤษ 1,000 เล่ม อยู่ระหว่างการจัดพิมพ์จะเสร็จสมบูรณ์ประมาณปลายเดือนนี้? พล.อ.บุญสร้าง กล่าว

-สุริยะใสจี้คมช.แบ่ง?สี?พื้นที่

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการที่ครม.ยังไม่มีการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกว่า การเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกำหนดที่แน่นอน สะท้อนประสิทธิภาพในการจัดการคลื่นใต้น้ำของคมช. และรัฐบาลว่ายังบกพร่อง ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนสับสนต่อสถานการณ์การเมือง จนกระทบต่อกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม เพราะประชาชนอาจหวาดผวาเกรงกลัว ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์

นายสุริยะใส กล่าวว่า นายกฯจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนคงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน และภาครัฐจะต้องยกเลิกโดยเร็ว เพื่อสร้างบรรยากาศให้ประชาชนมั่นใจ และกล้าออกมามีส่วนร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำกิจกรรมทางการเมืองตามวิถีประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างมีความหวัง ที่ผ่านมานอกจากคมช.แล้วไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงหรือข้อมูลเรื่องใต้น้ำเป็นอย่างไร พื้นที่จุดเสี่ยงอยู่ตรงไหน จึงอยากให้คมช.ชี้แจงให้ประชาชนได้รู้หรือแบ่งเป็นระดับสี เช่น สีแดง หมายถึงมีการเคลื่อนไหวเข้มข้น สีเหลืองเบาบาง สีเขียวปลอดคลื่นใต้น้ำ ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่นั้นๆ เป็นหูเป็นตาแจ้งข่าวสารหรือชี้เบาะแสให้รัฐบาลและคมช.อีกทางหนึ่ง ไม่ใช่ใช้แต่กำลังทหารเข้าไปแก้ปัญหาอย่างเดียว

นายสุริยะใส กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคไทยรักไทยอย่าทำเป็นปากว่าตาขยิบ ต้องช่วยปรามสมาชิกพรรค หรือช่วยเป็นหูเป็นตาให้ข้อมูลกับคมช. ถ้าเพียงแต่บอกว่าพรรคไม่ทำและไม่เกี่ยว คงไม่มีใครเชื่อ เพราะการเคลื่อนไหวหลายแห่งเกี่ยวโยงกับคนในพรรคไทยรักไทยบางคน

-แฉเบื้องหลัง?จิ๋ว?เคลื่อนไหว

รายงานข่าวเปิดเผยว่า กรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาเคลื่อนไหวเปิดประเด็นเรื่องบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ที่มีทหารเข้าไปนั่งจำนวนมาก และการเรียกร้องให้คมช.และรัฐบาล พิจารณาให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศนั้น ไม่ใช่เพราะพล.อ.ชวลิต มีความขัดแย้งกับคมช. แต่เจตนาที่แท้จริงคือการหาโอกาสคุยกับทหารอย่างเปิดเผย โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือจัดระเบียบการเมืองใหม่หลังการปฏิวัติ 19 ก.ย. เป็นกลยุทธ์การเดินเกมทางการเมือง โดยจับมือกับบ้านสี่เสาเทเวศร์ และน.ต.ฐิติ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคสามัคคีธรรม ที่เคยเป็นฐานการเมืองให้กับรัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร

รายงานข่าวเผยว่า ความเคลื่อนไหวของบ้านสี่เสาฯ นั้น ขณะนี้มีอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย 2 คน คือนายพินิจ จารุสมบัติ หัวหน้ากลุ่มวังพญานาค และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้ากลุ่มลำตะคอง จับมือกันเหนียวแน่น ขณะที่ขั้วของน.ต.ฐิติ มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม เป็นกำลังสำคัญ ซึ่งบ้านสี่เสาฯและกลุ่มของน.ต.ฐิติ กำลังไล่เก็บตกอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่แพแตกหลังการปฏิวัติ เพื่อรวบรวมจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ จากนั้นจะถ่ายโอนกำลังทั้งหมดให้พล.อ.ชวลิต เป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่ทางการเมืองในอนาคต

-จัดตั้งพรรคใหม่-เชิดนายกฯ

อย่างไรก็ตาม สำหรับพรรคการเมืองใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น พล.อ.ชวลิต จะไม่นั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกำหนดทิศทางการเมืองของประเทศ ที่สำคัญจะเป็นผู้สรรหาตัวนายกรัฐมนตรี โดยยึดนโยบายหลักคือเรื่องสมานฉันท์ สร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็นกลาง ทั้งนี้ พรรคดังกล่าวยังไม่ได้ตั้งชื่อ คาดว่าเป็นพรรคขนาดกลางที่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยมีทหารเป็นผู้สนับสนุน

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ส่วนพรรคไทยรักไทยนั้น อดีตแกนนำของพรรคเกือบทุกกลุ่ม มั่นใจว่าพรรคไทยรักไทยจะถูกยุบแน่นอน แต่จะไม่หายไปจากสารบบการเมืองไทย โดยการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคไทยรักไทยจะยังมีที่นั่งในสภา โดยอาศัยฐานการเมืองที่แข็งแกร่งในภาคเหนือและภาคอีสาน และการทำงานการเมืองของอดีตส.ส.ของพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติของทหาร แต่จะกลายเป็นพรรคขนาดกลาง มีส.ส.ไม่ถึง 100 คน และมีแนวโน้มว่าเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพราะถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมรัฐบาล

-ทรท.โวยห้าม?แม้ว?กลับไทย

นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตส.ส.นครพนม พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงพล.อ.สุรยุทธ์ ระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ควรกลับไทยหลังมีรัฐบาลใหม่หรืออีก 1 ปีข้างหน้าว่า ที่ผ่านมาพล.อ.สุรยุทธ์ และคมช. พูดเสมอว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทย มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมคนไทยทั่วไป แต่สิ่งที่ทำขณะนี้ที่ยื้อเวลาไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ เป็นพฤติกรรมที่ขัดแข้งกัน คมช.กำลังสร้างภาพว่ารัฐบาลและคมช.เป็นประชาธิปไตย พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย การจำกัดสิทธิเสรีภาพเช่นนี้เท่ากับจำกัดสิทธิเสรีภาพคนไทยทั้งหมด ล่าสุดคมช.และรัฐบาลประกาศจะไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ทั้งที่ชื่อของคปค.เป็นชื่อที่ฟังดูเป็นประชาธิปไตยสวยหรู แต่ปฏิบัติไม่ได้ พยายามจุดประเด็นเรื่องคลื่นใต้น้ำ ทั้งที่ไม่มีอะไร คมช.บอกเหตุผลการยึดอำนาจว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทยเล่นพรรคเล่นพวกในการบริหารประเทศ แต่พอคมช.และรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหาร กลับเล่นพรรคเล่นพวกยิ่งกว่าโดยเฉพาะการสืบทอดอำนาจ

?คมช.และรัฐบาลมีพฤติกรรมบริหารงานสองมาตรฐาน มีการตั้งธงที่จะยุบสลายพรรคไทยรักไทยโดยเร็ว เพราะเกรงประชาชนที่รักและศรัทธาจะลุกขึ้นต่อต้าน ในฐานะส.ส.อีสานยอมรับว่ามีประชาชนในพื้นที่จำนวนมากบอกว่าจะให้เคลื่อนไหวแสดงพลังอะไรก็ขอให้บอก ผมได้ยับยั้งไป หลังจากนี้ขึ้นอยู่ว่าการยุบพรรคไทยรักไทยมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่? นายศุภชัย กล่าว

-?แม้ว-อ้อ?โผล่ช็อปปิ้งฮ่องกง

วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์โอเรียนทัลเดลี่นิวส์ของฮ่องกง ตีพิมพ์ภาพและข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ภริยา เดินเที่ยวช็อปปิ้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางย่านธุรกิจของฮ่องกงด้วยท่าทางผ่อนคลาย เป็นเวลาราว 40 นาที โดยแวะเข้าไปในร้านเสื้อผ้าหลายร้าน เช่น ร้านมาร์ก จาค็อบ ที่พ.ต.ท.ทักษิณลองสวมชุดๆหนึ่ง แต่ไม่ได้ซื้อ

เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เพิ่งเดินทางมาถึงฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจะไปประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังได้กล่าวติดตลกด้วยว่า ?ผมมาหางานทำ ตอนนี้ว่างงานอยู่? เมื่อถามว่าจะเดินทางกลับเมืองไทยหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า จะกลับก็ต่อเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพแล้ว

จากนั้นระหว่างที่คุณหญิงพจมานเลือกซื้อกระเป๋าสะพาย 1 ใบ และเสื้อ 2 ตัว รวมมูลค่า 4,680 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 21,900 บาท พ.ต.ท.ทักษิณเป็นฝ่ายจ่ายเงินให้ โดยใช้เครดิตการ์ดและพูดติดตลกกับพนักงานขายว่า ?ผมไม่มีเงินน่ะ? จากนั้นทั้งสองจึงขึ้นรถตู้ออกไป

-เปิดเซฟ?แม้ว-เมีย?รวย9พันล.

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ยื่นแสดงต่อป.ป.ช. หลังพ้นตำแหน่งจากการทำรัฐประหาร ดังนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีทรัพย์สิน 557,363,123 บาท ประกอบด้วย เงินสด 1 ล้านบาท เงินฝากในบัญชีธนาคาร 6 บัญชี 509,327,925 บาท หลักทรัพย์และเงินลงทุนอื่น 13,443,017 บาท ที่ดิน 3 แปลง 1,149,350 บาท สิทธิและสัมปทาน 17,642,830 บาท ทรัพย์สินอื่น 14,800,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกา ราคาเรือนละ 1 ล้านบาท

คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา มีทรัพย์สิน 8,842,085,955 บาท หนี้สิน 110,360,000 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกกว่าหนี้สิน 8,731,725,955 บาท ประกอบด้วย เงินสด 1 ล้านบาท เงินฝากธนาคารพาณิชย์ 18 บัญชี 3,425,960,497 บาท เงินฝากในสถาบันการเงิน 1 แห่ง 60,652,246 บาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาล 20 ล้านบาท เงินลงทุนหลักทรัพย์จดทะเบียน 653,835,286 บาท หลักทรัพย์และเงินลงทุนอื่น 1,686,426,449 บาท เงินให้กู้ยืม 28 ล้านบาท ที่ดิน 122 แปลง 1,999,101,820 บาท บ้าน 4 หลัง มูลค่า 324 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้างอื่น 38 หลัง 291,290,994 บาท ยาพาหนะ 11 คัน 41,082,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 356,662 บาท ทรัพย์สินอื่น 310,380,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอมรกต ราคา 20 ล้านบาท แหวนเพชรซึ่งมีมูลค่าสูงสุด วงละ 17 ล้านบาท ซึ่งการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ นายพานทองแท้ และน.ส.แพทองธาร บุตรชายและบุตรสาว ไม่ได้ยื่นแสดง เนื่องจากบรรลุนิติภาวะแล้ว

-?อ้อ?แจ้งทรัพย์สินที่ดินรัชดาฯ

เมื่อเทียบกับสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 49 พบว่ามีทรัพย์สิน 512,497,748 บาท คุณหญิงพจมาน มีทรัพย์สิน 8,886,988,791 บาท รวมช่วงระยะเวลา 6 เดือน พ.ต.ท.ทักษิณมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 44,865,375 บาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินฝากในธนาคาร ขณะที่คุณหญิงพจมาน ทรัพย์สินลดลง 155,262,836 บาท ส่วนใหญ่ลดลงจากเงินฝากในธนาคาร 111,387,374 บาท หลักทรัพย์จดทะเบียน 45,607,230 บาท

หากเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นบัญชีทรัพย์สินสมัยเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 44 พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีทรัพย์สิน 508,825,279 บาท รวมระยะเวลา 5 ปี 7 เดือนที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 48,537,844 บาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อวันที่ 18 ก.พ.44 มีทรัพย์สิน 9,848,497,869 บาท รวมระยะเวลา 5 ปี 7 เดือน มีทรัพย์สินลดลง 1,116,771,914 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน วันที่ 19 ก.ย. 49 คุณหญิงพจมาน ได้แสดงรายการทรัพย์สินในส่วนของที่ดินย่านรัชดาภิเษก เนื้อที่ 747 ตร.ว. มูลค่า 74,700,000 บาท ที่กำลังถูกคตส.ตรวจสอบอยู่ โดยระบุว่าเป็นรายการเพิ่มเติม ลำดับที่ 113 เป็นที่ดินแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. โดยโฉนดที่ดินดังกล่าวมีการเขียนแผนที่รังวัดและตรวจแผนที่ในวันที่ 9 ม.ค.2547 และมีการตรวจสอบเอกสารการเขียนและรังวัดแผนที่ในวันที่ 15 ม.ค.2547 โฉนดที่ดินดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2547

-เดือนเศษ?สุริยะ?เงินเพิ่ม65ล.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 มีทรัพย์สิน 16,346,378 บาท นางอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ ภริยา มีทรัพย์สิน 61,489,184 บาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรม มีทรัพย์สิน 879,749,753 บาท นางสุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ ภริยา มีทรัพย์สิน 485,888,965 บาท เมื่อเทียบกับสมัยที่ยื่นหลังพ้นจากตำแหน่งรมว.คมนาคม ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2549 มีทรัพย์สิน 814,741,133 บาท นางสุริสา มีทรัพย์สิน 485,272,313 บาท ซึ่งระยะเวลาเพียง 1 เดือนเศษ นายสุริยะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 65,008,620 บาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินปันผลค้างรับของธนาคารกสิกรไทยจำนวน 57 ล้านบาท

พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯและรมว.ยุติธรรม มีทรัพย์สิน 24,178,126 บาท นางอัจฉรา วรรณสถิตย์ ภริยา มีทรัพย์สิน 61,486,188 บาท, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกฯ มีทรัพย์สิน 11,484,325 บาท พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภริยา มีทรัพย์สิน 523,252,023 บาท นายพสุ และน.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ บุตร มีทรัพย์สิน 26,637,286 บาท, น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรองนายกฯ มีทรัพย์สิน 116,144,261 บาท

-?เนวิน-เมีย?รวยเฉียดพันล้าน

นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ มีทรัพย์สิน 438,482,453 บาท มีบ้าน 1 หลัง ในเขตพระโขนงราคา 50 ล้านบาท และบ้าน 3 หลัง อ.เมือง จ.เชียงราย มูลค่า 41 ล้านบาท อพาร์ตเมนต์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มูลค่า 28 ล้านบาท นาฬิกา 50 เรือน มูลค่า 32 ล้านบาท เครื่องลายคราม ชุดคริสตัล เครื่องเงิน 21 ล้านบาท ท่านผู้หญิงสุธาวัลย์ เสถียรไทย ภริยา มีทรัพย์สิน 343,326,197 บาท โดยเครื่องประดับจำพวกอัญมณีกว่า 90 รายการ 91,730,000 บาท ทั้งนี้ ท่านผู้หญิงสุธาวัลย์ยื่นบัญชีทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 49 มีทรัพย์สิน 235,141,575 บาท รวม 6 เดือนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 108,184,622 บาท ส่วนใหญ่เพิ่มจากเงินฝากในบัญชีธนาคารพาณิชย์ 32 ล้านบาท ได้รับมรดกเพิ่มจากหลักทรัพย์จดทะเบียน 23 ล้านบาท ที่ดิน 20 แปลง มูลค่า 53 ล้านบาท

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ มีทรัพย์สิน 7,103,370 บาท นางนุชนารถ เวชชาชีวะ ภริยา มีทรัพย์สิน 5,794,510 บาท, นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ มีทรัพย์สิน 147,550,224 บาท นางกรุณา ชิดชอบ ภริยา มีทรัพย์สิน 757,766,124 บาท, พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรมว.กลาโหม มีทรัพย์สิน 17,522,094 บาท นางวนิดา อิศรางกูร ณ อยุธยา ภริยา มีทรัพย์สิน 11,100,548 บาท

นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง มีทรัพย์สิน 169,033,424 บาท นางมธุรส พิทยะ ภริยา มีทรัพย์สิน 12,317,569 บาท, นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมช.คลัง มีทรัพย์สิน 6,009,802 บาท นางอรอุมา รัตนากร ภริยา มีทรัพย์สิน 4,703,898 บาท, นายไชยยศ สะสมทรัพย์ อดีตรมช.คลัง มีทรัพย์สิน 2,850,781 บาท นางชลชินี สะสมทรัพย์ ภริยา มีทรัพย์สิน 115,426,837 บาท

-?กันตธีร์?อู้ฟู่สุด4.6พันล้าน

นายกันตธีร์ ศุภมงคล อดีตรมว.ต่างประเทศ มีทรัพย์สิน 4,606,946,937 บาท ประกอบด้วยเงินฝากในบัญชีธนาคารพาณิชย์ 21 บัญชี 192,069,431 บาท เงินฝากสถาบันการเงินอื่น 608,659,323 บาท เงินฝากต่างประเทศ 422,456,655 บาท หลักทรัพย์จดทะเบียนและรับอนุญาต 11,833,080 บาท ที่ดิน 196 แปลง 2,956,228,925 บาท บ้าน 1 หลัง 24,472,000 บาท สิ่งปลูกสร้างอื่น 15 หลัง 384,464,522 บาท ยานพาหนะ 1 คัน 6,473,000 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 290 ล้านบาท นางโสภาวรรณ ศุภมงคล ภริยา มีทรัพย์สิน 34,500,061 บาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 48 มีทรัพย์สิน 4,465,663,756 บาท รวมเวลา 1 ปี 6 เดือน นายกันตธีร์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 141,283,181 บาท

นายประชา มาลีนนท์ อดีตรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มีทรัพย์สิน 391,560,955 บาท นางแพทริเซีย มาลีนนท์ ภริยา มีทรัพย์สิน 54,158,345 บาท, นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีทรัพย์สิน 24,484,570 บาท

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรมว.เกษตรฯ มีทรัพย์สิน 850,938,766 บาท นายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ สามี มีทรัพย์สิน 75,646,077 บาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.49 มีทรัพย์สิน 845,016,377 บาท รวมระยะเวลา 6 เดือน คุณหญิงสุดารัตน์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท, นายอดิศร เพียงเกษ อดีตรมช.เกษตรฯ มีทรัพย์สิน 1,590,002 บาท นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ภริยา มีทรัพย์สิน 12,877,718 บาท

-?เสี่ยเพ้ง?ฝากไว้ที่ลูก800ล้าน

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรมว.คมนาคม มีทรัพย์สิน 15,213,222 บาท หนี้สิน 17 ล้านบาท รวมมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 1,786,777 บาท ด.ช.พริษฐ์ และด.ญ.พิชญา รักตพงศ์ไพศาล บุตร มีทรัพย์สิน 848,900,693 บาท โดยมีที่ดิน 6 แปลง 706,042,000 บาท บ้าน 1 หลัง 100 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้างอื่น 2 หลัง 40 ล้านบาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม ครบ 1 ปี เมื่อ 14 มี.ค.49 มีทรัพย์สิน 14,638,458 บาท รวมระยะเวลา 6 เดือน นายพงษ์ศักดิ์มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท

นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรมช.คมนาคม มีทรัพย์สิน 5,230,867 บาท นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา มีทรัพย์สิน 19,218,372 บาท นายธงธรรม เวชยชัย บุตร มีทรัพย์สิน 177,907 บาท, พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ อดีตรมช.คมนาคม มีทรัพย์สิน 57,999,383 บาท นางธิติมา เจริญศิริ ภริยา มีทรัพย์สิน 830,652 บาท นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีทรัพย์สิน 4,001,435 บาท นางสลักจฤฏดิ์ ติยะไพรัช ภริยา มีทรัพย์สิน 5,813,331 บาท

นายวิเศษ จูภิบาล อดีตรมว.พลังงาน มีทรัพย์สิน 92,892,541 บาท นางสุปาณี จูภิบาล ภริยา มีทรัพย์สิน 89,492,842 บาท, นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีตรมช.พาณิชย์ มีทรัพย์สิน 58,462,039 บาท

-?สมศักดิ์?โชว์สมบัติแค่12ล้าน

พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา อดีตรมว.มหาดไทย มีทรัพย์สิน 49,960,101 บาท นางสลิลลาวัลย์ วันทนา ภริยา มีทรัพย์สิน 19,485,208 บาท เทียบกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งรมว.มหาดไทย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.48 มีทรัพย์สิน 33,628,488 บาท รวมระยะเวลา 1 ปี 1 เดือนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 16,331,613 บาท

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาดไทย มีทรัพย์สิน 15,725,053 บาท นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ภริยา มีทรัพย์สิน 13,411,878 บาท, นายสมชาย สุนทรวัฒน์ อดีตรมช.มหาดไทย มีทรัพย์สิน 138,066,485 บาท นางวรรณวิภา สุนทรวัฒน์ ภริยา มีทรัพย์สิน 118,716,043 บาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง วันที่ 14 มี.ค.48 มีทรัพย์สิน 164,708,560 บาท รวมระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน ทรัพย์สินลดลง 26,642,075 บาท นางวรรณวิภา ทรัพย์สินลดลง 48,131,706 บาท

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.แรงงาน มีทรัพย์สิน 12,769,017 บาท นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยา มีทรัพย์สิน 10,263,796 บาท, นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ มีทรัพย์สิน 19,301,563 บาท นางจิราภรณ์ ฉายแสง ภริยา มีทรัพย์สิน 84,606,695 บาท, นายรุ่ง แก้วแดง อดีตรมช.ศึกษาธิการ มีทรัพย์สิน 1,105,995 บาท นางผ่องใส แก้วแดง ภริยา มีทรัพย์สิน 4,633,258 บาท, นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรมว.สาธารณสุข มีทรัพย์สิน 29,411,562 บาท หนี้สิน 33,570,297 บาท รวมมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 4,158,735 บาท

-?พินิจ?จนสุดเป็นหนี้กว่า4ล้าน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีต รมช.สาธารณสุข มีทรัพย์สิน 1,499,016 ,195 บาท นางสนองนุช ชาญวีรกูล ภริยา มีทรัพย์สิน 1,289,403,527 บาท ด.ช.เศรณี ด.ญ.นัยน์ภัท ชาญวีรกูล บุตร มีทรัพย์สิน 9,794,316 บาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่งรมช.พาณิชย์ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.49 มีทรัพย์สิน 1,718,478,168 รวมระยะเวลา 6 เดือน นายอนุทิน มีทรัพย์สินลดลง 219,461,973 บาท จากเงินฝากในบัญชีธนาคารลดลง 86 ล้านบาท หลักทรัพย์จดทะเบียนลดลง 219 ล้านบาท นางสนองนุช ยื่นบัญชีทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 49 มีทรัพย์สิน 2,009,644,427 บาท รวมระยะเวลา 6 เดือน มีทรัพย์สินลดลง 720,240,900 บาท จากหลักทรัพย์จดทะเบียน 713 ล้านบาท

นายประวิช รัตนเพียร อดีตรมว.วิทยาศาสตร์ฯ มีทรัพย์สิน 14,322,404 บาท นางพัชราภรณ์ รัตนเพียร ภริยา มีทรัพย์สิน 3,439,247 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐมนตรีที่รวยสุดในครม.ทักษิณ ชุดที่ถูกคปค.เข้ายึดอำนาจ ได้แก่ นายกันตธีร์ ศุภมงคล มีทรัพย์สิน 4,606,946,937 บาท ส่วนคู่สมรสรัฐมนตรีที่รวยที่สุด ได้แก่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีทรัพย์สิน 8,731,725,955 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่รวยสุดคือ ด.ช.พริษฐ์ และด.ญ.พิชญา รักตพงศ์ไพศาล บุตรนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล มีทรัพย์สิน 848,900,693 บาท สำหรับรัฐมนตรีที่จนสุด คือ นายพินิจ จารุสมบัติ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 4,158,735 บาท

-ตุลาการรธน.เริ่มคดี?ยุบพรรค?

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุมคณะตุลาการ โดยมีเรื่องในวาระพิจารณา 2 เรื่อง คือ กรณีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องตามมาตรา 67 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 เพื่อขอให้ยุบพรรคไทยรักไทย เนื่องจากกระทำความผิดตามมาตรา 66 (1) และ(3) และพิจารณาเรื่องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 66 (2)และ(3) ของพ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

จากนั้นนายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า เป็นเพียงการพิจารณารับทราบคำร้องและคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่ได้พิจารณาลงลึกถึงเนื้อหาในตัวคำร้อง โดยที่ประชุมนัดประชุมพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ย. เพื่อพิจารณากรอบการพิจารณาในคดีคำร้องยุบพรรค ทั้งหมดจะดำเนินการไปตามข้อกำหนดวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการยื่นบัญชีพยาน การนั่งพิจารณาไต่สวน รวมทั้งกรอบระยะเวลาการพิจารณา ส่วนจะมีการรวมคำร้องที่อัยการสูงสุด ขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคเข้าด้วยกันหรือไม่นั้น ถือเป็นดุลพินิจของตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ที่ประชุมทราบแล้วว่าคดีทั้ง 5 พรรคมีความเกี่ยวเนื่องกัน

-อาจให้ถ่ายทอดสดการไต่สวน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้การพิจารณาคดียุบพรรค มีการถ่ายทอดสดจะสามารถทำได้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะตุลาการ แต่ในระเบียบวิธีพิจารณามีข้อกำหนดในเรื่องดังกล่าวไว้ว่า ให้ดำเนินการไต่สวนโดยเปิดเผย เมื่อถามว่าคณะตุลาการรับทราบหรือยังว่า พรรคประชาธิปัตย์แต่งตั้งนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค เป็นหัวหน้าคณะในการสู้คดียุบพรรค นายไพบูลย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือแต่งตั้งมาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเนื้อหาของหนังสือได้แต่งตั้งบุคคลใดมาทำหน้าที่บ้าง ในวันที่ 16 พ.ย.จะนำหนังสือดังกล่าวนำเสนอต่อคณะตุลาการฯ ให้พิจารณา ในการพิจารณาเรื่องยุบพรรค คณะตุลาการจะพิจารณาอย่างต่อเนื่องทุกวันอังคารและพฤหัสบดี แต่สามารถนำคดีอื่นเข้ามาสู่การพิจารณาได้ หากเป็นช่วงการรอสืบพยาน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่นายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นเรื่องขอให้คณะตุลาการฯ มีคำสั่งยุบพรรคการเมืองเพิ่มอีก 3 พรรค คือ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรครักษ์แผ่นดินไทย และพรรคธัมมาธิปไตย ซึ่งคำขอให้ยุบพรรคไม่เกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องของอัยการสูงสุด ที่ขอให้ยุบพรรคทั้ง 5 พรรค เพราะไม่ใช่ความผิดตามมาตรา 66 แต่เป็นเรื่องของการกระทำผิด ในเรื่องการรับสมาชิกพรรค การไม่จัดประชุมตามปฏิทินประจำปีของพรรคการเมือง

-คตส.แฉพิรุธจัดซื้อ?กล้ายาง?

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการจัดซื้อกล้ายางพาราของกรมวิชาการเกษตร โดยมีนายบรรเจิด สิงคะเนติ ประธานอนุกรรมการ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง และนางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ร่วมประชุมหารือและรับฟังข้อมูลจากนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายบรรเจิด เปิดเผยหลังการประชุมว่า นายฉกรรจ์ให้ความร่วมมือดีมาก ทำให้รู้ว่ามีการกำหนดสเปคกล้ายางพาราอย่างไร ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นผู้กำหนดทีโออาร์ ซึ่งเป็น 1 ในกรรมการทั้ง 9 ชุดของคณะกรรมการที่ดำเนินโครงการทั้งหมด โดยอนุกรรมการตรวจสอบฯ จะเชิญกรรมการที่กำหนดทีโออาร์ดังกล่าวมาให้ข้อมูลว่ามีหลักเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติบริษัทที่เข้าร่วมประมูลโครงการว่า เพราะเหตุใดจึงกำหนดเฉพาะบริษัทที่ผลิตพันธุ์พืชเท่านั้น ซึ่งเป็นการกำหนดคุณสมบัติที่กว้างมาก และเพราะเหตุใดจึงไม่กำหนดคุณสมบัติเฉพาะที่เป็นบริษัทที่ผลิตกล้ายางเท่านั้น โดยกรรมการชุดนี้เป็นระดับเจ้าหน้าที่ในกรมวิชาการการเกษตร รวมถึงจะตรวจสอบว่าในการกำหนดทีโออาร์นั้น ได้เขียนขึ้นมาเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้ผู้ผลิตหรือนักธุรกิจรายใดหรือไม่ ส่วนการสอบลงพื้นที่นั้น เราต้องดึงบุคลากรมาช่วยงานในคตส. ถ้าครบจะแบ่งทีมกันไปสอบ ซึ่งลงไปตรวจสอบทั้งทิศใต้และอีสาน โดยเราต้องสอบในส่วนกลางให้เคลียร์เสียก่อนจึงจะลงพื้นที่ได้

-พบจุดเชื่อมโยงถึงฝ่ายการเมือง

เมื่อถามว่าจะสอบถามว่ามีบริษัทหรือฝ่ายการเมืองเข้ามามีส่วนกำหนดทีโออาร์หรือไม่ นายบรรเจิด กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องสอบถามหรือเรียกมาชี้แจง เพราะมีข้อมูลล่าสุดว่ามีความเกี่ยวโยงในระดับนโยบายอย่างชัดเจน หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง(สกย.) โดยทางอนุกรรมการฯ จะพิจารณาความเชื่อมโยงทั้งจากบริษัทและนักการเมืองด้วย เมื่อถามว่าในการกำหนดทีโออาร์จะบอกอะไรได้บ้างในการตรวจสอบโครงการ นายบรรเจิด กล่าวว่า เราต้องดูภาพรวมทั้งหมด ดูจากคุณสมบัติของบริษัทเอกชนที่เข้ารับงานประมูลว่ามีความเหมาะสมหรือไม่กับโครงการแบบนี้

นายบรรเจิด กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บหลักฐานและข้อมูลในพื้นที่ปลูกยาง โดยเฉพาะอีสานและภาคใต้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. เซ็นลงนามขอยืมตัวเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตำรวจ 5- 6 นาย มาช่วยสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลพื้นที่ด้วย

ด้านนายฉกรรจ์ กล่าวว่า มาให้ข้อมูลและชี้แจง ซึ่งคตส.ได้สอบถามภาพรวมการดำเนินงานของโครงการการจัดซื้อกล้ายางพารา ซึ่งขณะนั้นตนเป็นอธิบดีกรมวิชาการการเกษตร พร้อมถามถึงที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร โดยรายละเอียดทั้งหมดส่งให้คตส.หมดแล้ว ซึ่งตนได้มอบเอกสารเงื่อนไขสัญญาการว่าจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่งมาผลิตกล้ายางให้โครงการนี้ แก่คตส.ด้วย

-ใกล้สรุป-สอบที่ดิน?หญิงอ้อ?

นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อที่ดิน ย่านรัชดาฯ ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบว่า คาดว่าจะสรุปผลการตรวจสอบเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่ได้ช่วงต้นเดือนธ.ค. โดยการประชุมวันที่ 15 พ.ย. จะเชิญเจ้าหน้าที่จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการประมูลทั้งหมด จากนั้นวันที่ 30 พ.ย. จะเชิญพยานปากสำคัญมาให้ข้อมูล เมื่อถามว่าพยานปากสำคัญที่ระบุคือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ใช่หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่มีคำตอบในเรื่องนี้

คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการ คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบโครงการวางท่อร้อยสายในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ย. จะมีการสอบพยานบุคคลที่เหลืออีก 1 ปาก คาดว่าจะสรุปผลเพื่อเสนอต่อคตส.ได้ภายในเดือนธ.ค. การสอบสวนของสตง.ที่ผ่านมาถือว่าครอบคลุมแล้ว การมาสอบครั้งนี้เหมือนทำตามระบบของศาลเท่านั้น

เมื่อเวลา 13.40 น. นายธีรยุทธ กันตะรัตนกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง การตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารจำกัด หรือเซ็นทรัลแล็บ เดินทางมามอบเอกสารให้แก่ทางคตส. โดยมีคุณหญิงจารุวรรณ รับเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง ซึ่งเอกสารมีจำนวน 1 ลัง

-ลั่นไม่มี?ซูเอี๋ย?คดีกรุงไทย

นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ กรรมการคตส. ในฐานะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวโทษผู้บริหารธนาคารกรุงไทยที่อนุมัติสินเชื่อให้กับบริษัทเอกชนโดยผิดกฎหมาย กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมสอบพยานคดีนี้ทั้งหมด 9 ปาก และจะทำหนังสือขอใช้เว็บไซต์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจะเข้าไปตรวจสอบการซื้อขายหุ้น นอกจากนี้จะทำหนังสือขอข้อมูลไปยังกรมที่ดิน และและธนาคารที่เกี่ยวข้อง โดยล่าสุดทางป.ป.ช.ส่งเอกสารมาให้คณะอนุกรรมการแล้ว พบว่าในสำนวนที่ธปท.ทำไว้ มีการสอบพยานถึง 50 ปาก ดังนั้นต้องมาดูว่าจะต้องสอบพยานเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะตรวจสอบถึงนักการเมืองด้วยหรือไม่ นางเสาวนีย์ กล่าวว่า คงเป็นอย่างนั้น โดยจะดูว่าเงินที่หลุดไปยังตลาดหุ้นไปอยู่ที่ใคร และที่กลายเป็นเงินสดอยู่ที่ไหน รวมถึงจะตามดูแคชเชียร์เช็ควงเงิน 26 ล้านบาทไปตกอยู่ที่ใคร ขณะนี้ทำงานอย่างหนักคงต้องคอยกัน เพราะหากทำไปแล้วไปหลุดในชั้นศาลเสียเวลาเปล่า รับรองไม่มีซูเอี๋ยหรือเกี้ยเซี้ยกันแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีอนุกรรมการสอบที่ดินย่านรัชดาของคุณหญิงพจมาน และคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการหวยบนดิน จะเชิญ 3 อดีตนายกฯ มาชี้แจง นางเสาวนีย์ กล่าวว่า เป็นข้อเสนอของนายอุดม เฟื่องฟุ้ง รายละเอียดต้องถามจากนายอุดม

-?เติ้ง?ขอเลื่อนวันเข้าชี้แจงคตส.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณี คตส.จะส่งหนังสือเพื่อเรียกเก็บภาษีกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กรณีรับโอนหุ้นโดยเสน่หาจากคุณหญิงพจมาน ว่า ต้องรอว่าคตส.จะส่งหนังสือกลับมาเมื่อไหร่ จากนั้นจะส่งให้กรมสรรพากรดำเนินการทันที ส่วนการตั้งนายอรัญ ธรรมโน อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานตรวจสอบกรณีกรมสรรพากรไม่เก็บภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จากบริษัทแอมเพิลริช ของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร นั้น ยืนยันว่าตั้งเพื่อตรวจสอบคดีนี้เรื่องเดียว ไม่เกี่ยวเนื่องไปถึงคดีภาษีอื่นๆ ที่สืบไปจนถึงปี 2540

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์กรณีคตส.จะเชิญอดีตนายกฯ 3 คน คือ นายชวน หลีกภัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และตนเอง ไปให้ข้อมูลการจัดซื้อขายที่ดิน และนโยบายหวยบนดินในสมัยที่ดำรงตำแหน่งว่า ได้รับหนังสือเชิญไปให้ข้อมูลในวันที่ 16 พ.ย. แต่ติดภารกิจสำคัญ ไม่สามารถเลี่ยงได้ จึงจะให้ผอ.พรรคทำหนังสือแจ้งไปยังคตส.และหากเป็นไปได้จะขอเป็นผู้กำหนดวัน และเวลาที่จะไปให้ข้อมูลเอง

?เรื่องหวยผมเล่นไม่เป็น ผมไม่เคยเล่นหวยตลอดชีวิต เคยซื้อลอตเตอรี่ครั้งเดียวก็ไม่ถูก เรื่องพวกนี้ผมไม่มีความรู้อะไรเลย วันที่ 16 พ.ย. ผมไม่สะดวก แต่ถ้าให้ผมเลือกวันไปให้ข้อมูลเองก็ยินดี? นายบรรหาร กล่าว

-ป.ป.ช.เร่งประชุมสางคดีใหญ่

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นไป คณะกรรมการป.ป.ช.จะประชุมกันทุกวัน เพื่อเร่งรัดการพิจารณาคดีต่างๆ ที่ค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะคดีนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง หรือคดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากๆ ได้ขอให้ประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีต่างๆ มารายงานผลการไต่สวนให้ที่ประชุมป.ป.ช.ทราบในเดือนธ.ค.นี้ด้วย จากนั้นปลายเดือนธ.ค.จะแถลงผลงานให้สาธารณชนทราบอีกครั้ง

นายปานเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการรับโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระหว่างนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี มูลค่า 738 ล้านบาท เมื่อปี 2540 ว่า น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวน แจ้งต่อที่ประชุมป.ป.ช.ว่า ในวันที่ 16 พ.ย.จะเชิญนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากรมาให้ปากคำเป็นคนสุดท้าย จากนั้นคณะอนุกรรมการจะสรุปสำนวนชี้มูลความผิดส่งให้ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาลงมติต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนป.ป.ช.จะลงมติได้

นายปานเทพ กล่าวว่า สำหรับการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ขณะนี้ครม.ทั้งหมดยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินมาครบแล้ว จะเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบตั้งแต่วันที่ 1-15 ธ.ค. ที่สำนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน ชั้น 30 อาคารธนภูมิ ถ.เพชรบุรี

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215