กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาตำหนิการทำงานของรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยเฉพาะเรื่องการส่งทหารเข้าไปเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ต่อมา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. ก็สวนกลับอย่างถึงพริกถึงขิงเช่นกัน ทำให้เห็นภาพความขัดแย้งกันอย่างชัดเจนนั้น ปรากฏว่า ล่าสุด พล.อ.สนธิได้นำสมาชิกคมช.ไปร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.ชวลิตเพื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่าการส่งทหารไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจได้พิจารณาความเหมาะสมแล้ว โดยดูความสามารถเฉพาะทางของแต่ละคนที่ส่งไปกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
?สนธิ? ยกทัพ คมช.เข้าพบ ?บิ๊กจิ๋ว?
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่บ้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ภายในซอยปิ่นประภาคม อ.เมือง จ.นนทบุรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. พร้อมด้วย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รองประธาน คมช. พล.อ. บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ สมาชิก คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. เข้าพบ พล.อ.ชวลิตเพื่อร่วมรับประทานอาหารและปรับความเข้าใจกัน หลังจากที่ พล.อ.ชวลิตออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คมช.และรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการส่งทหารเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจจำนวนมาก ท่ามกลางกลุ่มผู้สื่อข่าวทุกแขนงนับร้อยชีวิต เฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
จูบปากดูดดื่มเคลียร์ปัญหาใจ
จนกระทั่งเวลา 20.30 น. ภายหลังการรับประทานอาหารร่วมกัน พล.อ.ชวลิตเปิดเผยว่า คมช.ขอเข้ามาเยี่ยมจึงได้พูดถึงความรู้สึกลึกๆของประชาชนว่าประชาชนให้การสนับสนุน คมช. เพราะหวังในความสำเร็จ แก้ไขปัญหาชาติได้ โดยเฉพาะเหตุผล 4 ข้อในการยึดอำนาจ ประชาชนอยากเห็นรายละเอียด ซึ่ง พล.อ.สนธิเล่าให้ฟังจึงรู้ว่าประเด็นหนึ่งที่ขาดไปคือการสื่อข้อมูลต่างๆไปถึงประชาชน เช่นทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่า คมช.ขออนุมัติจากรัฐบาลให้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาความยากจน ส่วนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้ข้อสรุปตรงกันว่ากิจกรรมใดที่มีขนบธรรมเนียมประเพณี ต้องให้สิทธิและอำนาจประชาชนเป็นผู้กำหนด ส่วนการใช้แนวทางสันติวิธีต้องยืนอยู่บนกฎหมาย และขอให้จัดระบบการสื่อข้อมูลให้ชัดเจน อะไรที่ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมประเพณีของคนในพื้นที่ก็ไม่ควรทำ เช่น มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ให้มีคาราโอเกะ หรือซ่อง ปัจจุบันแนวรบที่ 4 ถือเป็นแนวรบที่สำคัญที่สุด คือสื่อ ดังนั้น ควรบอกกล่าวทำความเข้าใจกับประชาชนให้ได้รับข้อมูลข่าวสารมากที่สุดเพื่อให้ได้ประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.กังวลใจอะไรหรือไม่ พล.อ. ชวลิตตอบว่า คมช.อยากขอความเข้าใจและแรงใจ ทุกคนยืนยันว่าทำงานด้วยความบริสุทธิ์และตั้งใจจริง บางเรื่องอาจมีอะไรไม่เข้าใจก็ต้องพิจารณาแก้ไข ดังนั้น เราต้องให้กำลังใจ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น คมช.ทุกคนรับฟังข้อเสนอของตน เพราะเป็นน้องๆทั้งนั้น วันนี้พูดจากันแบบไม่มีน้อยอกน้อยใจ มีแต่ความเข้าใจกัน
?บิ๊กจิ๋ว? ปัดเรื่องปฏิวัติซ้อน
เมื่อถามว่า ได้พูดเรื่องการปฏิวัติซ้อนหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ได้เล่าให้ คมช.ฟังว่ามีการพูดจากันของกลุ่มคนที่เห็นว่า ?มึงไม่ดีเสียทีก็เอาแม่งอีกเสียที? อะไรอย่างนี้ทำนองนี้มากกว่า คมช.ก็หัวเราะธรรมดา ไม่มีอะไร เพราะก็ได้ยินมาว่าจะมีการปฏิวัติซ้อน พูดกันเล่นๆ คงจะไม่เป็นเช่นนั้น
คมช.น้อมรับข้อเสนอแนะ
?ก่อนกลับผมได้ย้ำกับ คมช.ว่าพวกเราเป็นโซ่ข้อสุดท้ายจริงๆ เพราะ 75 ปีที่เราไปแย่งอำนาจที่สมควรเป็นของพระเจ้าอยู่หัว เป็นของสถาบันที่จะทรงปรับเรื่องการเมืองการปกครอง ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญในการปรับคือสถาบันสูงสุดที่จะปรับไปสู่แนวทางสันติ คมช.คือโซ่ข้อสุดท้าย ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ คมช.แบกรับหน้าที่สำคัญไม่ใช่ว่าเราเชียร์การปฏิวัติเป็นสิ่งดี แต่เราเชียร์ว่าเป็นจุดสุดท้ายที่ทำให้การเมืองการปกครองของชาติเป็นการปกครองที่ยุติธรรมให้กับคนส่วนใหญ่? พล.อ.ชวลิตกล่าว
ขณะที่ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รองประธาน คมช. กล่าวว่า พล.อ.ชวลิตแสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจในการทำงานของ คมช. ทาง คมช.ก็เห็นด้วยกับแนวทางที่ พล.อ.ชวลิตเสนอแนะ
ตท.9 ปัดข่าววางแผนปฏิวัติซ้อน
พล.ท.จักรกฤษณ์ อินทรทัต โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะเตรียมทหารรุ่น 9 (ตท.9) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณให้กลุ่มนายทหาร ตท.9 ทำการปฏิวัติซ้อนว่า ไม่ทราบ แต่คิดว่าคงเป็นข่าวลือข่าวปล่อย ตท.9 ไม่เคยพูดคุยกันในเรื่องนี้ มีแต่ทำงานไปตามภารกิจหน้าที่ ใครจะปล่อยข่าวอย่างไรไม่ทราบ แต่เห็น ตท.9 ทุกคนทำงานกันตามปกติ ส่วนใครจะยกหูโทรศัพท์คุยกับใครนั้น ไม่ทราบ แต่ข่าวที่ปล่อยออกมา ถ้าไปเต้นตามก็จะเข้าทางทันที
พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 และเป็น ตท.9 กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเป็นข่าวออกมาได้อย่างไร ตท.9 เป็นผู้ใต้ บังคับบัญชา ต้องสนองนโยบายการทำงานของ ผบ.ทบ. ขณะนี้ทำงานก็หนักพออยู่แล้ว เพราะอยากทำให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย ยังงงอยู่ว่าจะปฏิวัติซ้อนอย่างไร
?บุญรอด? ย้ำ 14 พ.ย.เลิกกฎอัยการศึก
สำหรับการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. คงจะไปคุยกับนายกรัฐมนตรีในเร็วๆนี้ ขอให้ดูวันที่ 14 พ.ย. ว่า แนวโน้มจะออกมาในรูปแบบใด ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ มีผลต่อการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกหรือไม่ พล.อ.บุญรอดตอบว่า มีผลแน่นอน การจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกได้ ต้องมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้ว หรือมีน้อย และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อถามว่า ถ้าความคิดเห็นของรัฐบาลกับ คมช. แตกต่างกัน รัฐบาลมีสิทธิการตัดสินใจหรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า ไม่ใช่แตกต่างกัน รัฐบาลมีหน้าที่ทำงานในฝ่ายบริหาร ส่วนเรื่องความมั่นคงต้องให้คมช.ดูแลรับผิดชอบ เปรียบเสมือนเป็นรัฐบาลหอยคือทำงานอย่างเดียว
?สนธิ? โบ้ยนายกฯตัดสินใจ
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. กล่าวถึงการรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปเกี่ยวกับการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลจากหน่วยต่างๆ จึงยังไม่ได้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี และไม่แน่ใจว่าจะไปเข้าพบวันไหน ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช. วิเคราะห์สถานการณ์เห็นว่าควรยกเลิกหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ต้องให้นายกฯเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้ง เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง อาจยกเลิกกฎอัยการศึกหลังจากนายกฯเดินทางไปประชุมที่เวียดนาม พล.อ.สนธิกล่าวว่า มีหลายมุม อยู่ในการตัดสินใจของนายกฯ เมื่อถามว่า คมช.พิจารณาถึงอนาคตหรือไม่ว่า ถ้ายกเลิกแล้ว สถานการณ์จะวุ่นวาย โดยเฉพาะการเลือกตั้ง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มันประกอบกันทุกเรื่อง จะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ
ปิดตายเว็บไซต์ระฆังดอทคอม
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมระบบการรับเรื่องราวร้องทุกข์ว่า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ไปปรับปรุงช่องทางในการเปิดรับข้อร้องเรียนจากประชาชน เนื่องจากเว็บไซต์ระฆังดอทคอม ที่ใช้ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ล่มไปตั้งแต่มีการเปลี่ยน แปลงรัฐบาล จึงได้ให้ไปจดทะเบียนเปิดเว็บไซต์ www.1111.co.th ขึ้นมาใช้แทน โดยให้ใช้ควบคู่ไปกับฮอตไลน์สายด่วนหมายเลข 1111 เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชนจดจำได้ง่ายเพียงหมายเลขเดียว ส่วนตู้รับเรื่องร้องเรียนหน้าบ้านพิษณุโลก จะยังคงใช้งานต่อไป นอกจากนี้ ได้สั่งให้ปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ตอบสนองปัญหาการร้องเรียนเร็วขึ้น ไม่ปล่อยเรื่องเงียบหายไปเป็นเดือน
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์