จากคดีสะเทือนขวัญ หลังฆาตกรไม่ทราบจำนวน บุกเชือดคอฆ่าเปลือย ด.ญ.นฤนารถ โพธิ์ประเสริฐ หรือน้องฟลุค นร.ชั้น ม.1/5 รร.ฤทธิยะวรรณาลัย อายุ 12 ขวบ เสียชีวิตคาบ้านพัก ในท้องที่ สน.บางเขน โดยตำรวจหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็น สน.บางเขน กก.สส.บก.น.2 และกองปราบปราม ยังคงสืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้ โดยความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พ.ย. พ.ต.ท.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ สว.สส.สน.บางเขน เผยว่า ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ยังคงออกหาข่าวในบริเวณที่เกิดเหตุ และยังมั่นใจว่าฆาตกรรายนี้เป็นกลุ่มเพื่อนของผู้ตาย โดยจะรายงานความคืบหน้าให้กับ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 ที่เดินทางมาติดตามคดีที่ สน.บางเขน ในเช้าวันที่ 13 พ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนของกองปราบฯ นำโดย พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรียนเมฆ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผกก.1 บก.ป. ยังออกสืบสวนหาข่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยประสานข้อมูลใกล้ชิดกับฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ซึ่งแนวทางการสืบสวนของทั้ง 2 หน่วยไปในทิศทางเดียวกันว่า ฆาตกรใจโหดรายนี้ต้องมีความสนิทชิดเชื้อกับผู้ตาย เพราะจากการสอบปากคำพยานใกล้ชิด การตรวจสถานที่เกิดเหตุ และสภาพศพ โดยเฉพาะบาดแผลผู้ตายที่บริเวณลำคอ มีลักษณะเฉือนซ้ำไปซ้ำมา อีกทั้งยังมีบาดแผลอีกหลายแห่งที่บริเวณศีรษะ เชื่อว่าคนร้ายต้องการให้ ด.ญ.นฤนารถเสียชีวิตสถานเดียวเท่านั้น โดยสาเหตุอาจจะมาจากเรื่องหึงหวง รักๆใคร่ๆในวัยเด็ก
เย็นวันเดียวกัน ที่วัดหลักสี่ บางเขน มีการฌาปนกิจศพ ด.ญ.นฤนารถ เหยื่อฆาตกร โดยมี พล.อ.ท.เดชา หันหาบุญ ประธานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน รร.ฤทธิยะวรรณาลัย เป็นประธาน ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของนางนาถยา เล็กใบ ผู้เป็นแม่ รวมทั้งกลุ่มญาติๆ เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ศิษย์เก่า กว่า 500 คน ที่มาร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย โดยกลุ่มเพื่อนๆของ น้องฟลุค หลายคนถึงกับร่ำไห้ ต่างเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
ด้านนางนาถยาเปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดต่อกับตนอยู่ตลอด แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า โดยส่วนตัวแล้วจะให้ไปสงสัยว่าคนร้ายเป็นกลุ่มใดนั้น ไม่รู้ และไม่รู้จะไปสงสัยใคร ยิ่งมีข่าวว่าฆาตกรอาจจะเป็นเพื่อนๆของลูกสาว และตำรวจเรียกไปสอบปากคำหมดแล้ว ในวันนี้ทุกคนก็มาร่วมงานเผาศพของน้องฟลุคด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากงานศพน้องฟลุค เสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพักอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งเป็นบ้านหลังเกิดเหตุ ไม่ไปไหนทั้งสิ้น
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์