แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

โต้ภาพช็อตเด็ด ?ธรรมรักษ์? ท้าถ้าจริง-ให้ยิงหัว ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : โต้ภาพช็อตเด็ด ?ธรรมรักษ์? ท้าถ้าจริง-ให้ยิงหัว
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

<dd><b>กลุ่ม F</b>

<b>ออสเตรเลีย 3 - 1 ญี่ปุ่น</b>

ฟุตบอลโลก 2006 ที่สนามฟริทซ์-วัลเตอร์ สเตเดี้ยม ในเมืองไกเซอร์สเลาเทิร์น ประเทศเยอรมัน เป็นการแข่งขันรอบแรกของทีมในกลุ่ม F ระหว่าง ออสเตรเลีย กับ ญี่ปุ่น

<b>รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม มีดังนี้</b>

<b>ออสเตรเลีย </b>: มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลูคัส เนลล์, เคริก มัวร์, เจสัน คูลิน่า, เบรทต์ เอเมอร์ตัน, มาร์ค วิดูก้า, แฮรร์รี่คีเวล, วินเซ่ เกรลล่า, สก๊อต ชิพเปอร์ฟิลด์, ลุค วิลค์ไชร์, มาร์โค เบรสเซียโน

<b>ญี่ปุ่น</b> : โยชิคัตสึ คาวากูชิ, ยูอิจิ โคมาโนะ, ทสึเนยัสซึ มิยาโมโต, ฮิเดโตชิ นากาตะ, นาโอฮิโร่ ทาคาฮาระ, จุนซึเกะ, นาคามูระ, อสึชิ ยานากิซาว่า, อเลวซานโดร ซาฯโตส, ทาเคชิ ฟูคูนิชิ, เคสึเก ซึโบอิ, ยูจิ นาคาซาว่า

เริ่มในครึ่งแรก เกมดำเนินไปจนถึงนาทีที่ 26 ญี่ปุ่น ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก จุนซึเกะ นากามูระ ที่เปิดบอลไปในหน้าประตู ปรากฏว่า มารค์ ชวาร์เซอร์ นายทวารออสซี่พยายามขึ้นปัด แต่ถูกเบียดโดย นาโอฮิโร่ ทาคาฮาร่า จนเสียหลักล้มลงทำให้บอลลอยผ่านมือ ชวาร์เซอร์ ก่อนกระดอนพื้นเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

นาทีที่ 31 สึเนยัสซึ มิยาโมโต ได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม จากจังหวะไปทำฟาล์ว มาร์โค เบรสเซียโน ของออสเตเลีย

นาทีที่ 33 วิทเซ เกรลล่า ผู้เล่นออสซี่ได้รับใบเหลือง

นาทีที่ 40 นาโอฮิโร่ ทาคาฮาร่า โดนใบเหลืองเป็นคนที่สามของเกม หลังผู้ตัดสินยกธงและเป่าให้เป็นลูกล้ำหน้า แต่ นาโอฮิโร่ ออกอาการไม่พอใจเตะบอลทิ้งไปนอกสนาม
จบครึ่งแรก ญี่ปุ่น นำอยู่<b> 1-0</b>

ครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 53 ออสเตรเลีย ประเดิมเปลี่ยนตัวสำรอง โดยถอดเอา เบรสเซียโน ออก และส่ง ทิม เคฮิลล์ล์ ลงมา

นาทีที่ 56 เคอิซึเกะ ทสึโบอิ ศูนย์หน้าทีมซามูไร ถูกเปลี่ยนออกเมื่อมีอาการบาดเจ็บที่ขา โดยส่ง เทรุยูกิ โมนิว่า ลงมาตรึงในแดนหลัง

นาทีที่ 58 เคริก มัวร์ แผงหลังทีมออสเตรเลียได้รับใบเหลือง ก่อนจะถูกเปลี่ยนออกในนาทีที่ 61 และส่ง โจชัว เคนเนดี้ ลงมาแทน

นาทีที่ 68 เทรุยูกิ โมนิวะ ได้รับใบเหลือง ก่อนนาทีถัดมา ทิม เคฮิลล์ล์ จะโดนใบเหลืองไปอีกคนเมื่อไปทำฟาล์ว ยูอิจิ โคมาโนะ

นาทีที่ 69 ออสเตรเลียได้ลุ้นประตูตีเสมอ เมื่อ มาร์ค วิดูกา ยิงลูกฟรีคิกทะลุกำแพงญี่ปุ่น บอลพุ่งเขหาประตู แต่ คาวากูชิ นายทวารซามูไรพุ่งซูเปอร์เซฟปัดออกไปป้องกันประตูไว้ได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 75 ออสเตรเลียเปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้าย โดยส่ง จอห์น อลอยซี่ ลงไปแทน ลุค วิลค์ไชร์

จากนั้นนาทีที่ 76 ญี่ปุ่นมีโอกาลลุ้ได้ประตู เมื่อ ทาคาฮาระ พาบอลจากครึ่งสนามเลี้ยงหลุดไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายไปทางซ้ายให้ อสึชิ ยานากิซาว่า ที่เติมขึ้นมา แต่กลับจ่ายไม่ดี ให้ย้อนหลัง ทำให้ ยานากิซาว่า ยิงไปตรงตัว ชวาร์เซอร์ รับไว้ได้สบายมือ
นาทีที่ 78 อลอยซี่ ตัวสำรองออสซี่รับใบเหลือง

นาทีที่ 79 ญี่ปุ่น ส่ง ชินจิ โอโนะ ลงมาแทน ยานากิซาวะ

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 83 อลอยซี่ ยิงฟรีคิกทะลุกำแพง แต่นายทวารซามูไร ก็ซูเปอร์เซฟกระดอนออกมาให้แผลงหลังสกัดออกข้างไป

แต่เพียงนาทีเดียว กองเชียร์ออสซี่ ก็ได้เฮกันลั่น เมื่อมาได้ประตูตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะทุ่มไกลของออสเตรเลีย คาวากูชิ นายทวารญี่ปุ่นพยายามออกมาชกบอล แต่กลับพลาด บอลกระดอนไปตกกลางประตูจนชุลมุน และเป็น <b>ทิม เคฮิลล์</b> ผู้เล่นสำรองที่ลงมาในครึ่งหลัง ที่เข้ามาเกี่ยวด้วยขวาซัดเข้าประตูไปเป็น<b> 1-1 </b>ในนาทีที่ 84

จากนั้นนาทีที่ 88 ฟูกูนิจิ มีโอกาสตะบันบอลหน้าเขตโทษ แต่บอลพุ่งออกข้างเสาไปอย่างได้ลุ้น
แต่เพียงนาทีถัดมานาทีที่ 89 ออสเตรเลียมาได้ประตูพลิกขึ้นนำเป็น 2-1 อย่างเหลือเชื่อ เมื่อ เคฮิลล์ คนเดิมกลายเป็นซูเปอร์ซับ จากการหาจังหวะซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งผ่านคาวากูชิ ไปชนเสาด้านในเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด

เกมของ ญึ่ปุ่น เริ่มระส่ำ จึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้าย โดยส่ง<b> มาซาชิ โอกุระ </b>ลงมาแทน โมนิว่า นาทีที่ 91

แต่สถานการณ์ของญี่ปุ่นกลับยังไม่ดีขึ้น โดนออสเตรเลียเปิดเกมรุกเข้าใส่ตลอดช่วง 5 นาทีสุดท้าย จนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 92 ออสเตรเลียมาได้ประตูนำห่างเป็น 3-1 เมื่อ จอห์น อลอยซี่ เลี้ยงบอลจี้หลบแผงหลังญี่ปุ่น ก่อนตัดสินใจยิงด้วยซ้ายบริบริเวณเส้นหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม

หมดเวลาการแข่งขัน ออสเตรเลีย พลิกเอาชนะญี่ปุ่น ไปอย่างสนุก 3-1 โดยแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมนี้ เป็น ทิม เคฮิลล์ มิดฟิลด์ผู้ยิง 2 ประตูให้กับออสเตรเลีย พร้อมขึ้นเป็นดาวซัลโวที่ยิงได้เท่ากับ มิโลสลาฟ โคลเซ่ ของเยอรมัน และ เปาโล วันโชเป้ ของคอสตาริกา.

<dd><b>กลุ่ม E</b>

<b>สหรัฐอเมริกา 0 - 3 สาธารณรัฐเชก</b>

การแข่งขันคู่ที่ 2 เป็นเกมในกลุ่มอี ระหว่าง ?ลุงแซม? สหรัฐอเมริกา ของผู้จัดการทีม บรูซ อารีนา พบกับ ทีมสาธารณรัฐเชก ของโค้ช คาเรล บรูคเนอร์ ในเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามฟีฟ่า เวิลด์คัพ เกลเซนเคียร์เชน ผู้ตัดสินของเกมนี้ คาร์ลอส อามาริลญา จากปารากวัย ท่ามกลางสภาพอากาศ ท้องฟ้าโปร่ง อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส

นัดนี้เชกขาด มิลาน บารอส ที่ยังไม่ฟิต เริ่มเกมแค่ 5 นาที เชกขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ซเดเนก กรีเกรา ขึ้นเกมทางกราบขวา ก่อนโยนโค้งเข้ากลางอย่างเหมาะเหม็งให้ กองหน้าร่างโย่ง แยน โคลเลอร์ โดดโขกเต็ม ๆ ลูกแสกหน้า เคซีย์ เคลเลอร์ ตุงตาข่าย เชกทะยานหนีมะกัน 1-0 พอได้ประตูนำ สาธารณรัฐเชกถอยไปตั้งรับแล้วโต้กลับ ทำให้อเมริกาได้ครองบอลทำเกมรุกเข้าใส่ จนเข้าสู่นาทีที่ 27 น่าตีเสมอได้อย่างที่สุด เมื่อกัปตันทีมมะกัน เคลาดิโอ เรย์นา สบโอกาสซัดหวังผลหน้ากรอบโทษ บอลผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก ไปแล้ว แต่ลูกชนเสากระดอนออกมา ก่อนแนวรับเชกเคลียร์ทิ้งไปได้ อเมริกายังโหมบุกอย่างหนักหวังตีเสมอให้ได้ แต่กลับมาโดนประตูทิ้งห่างเป็น 2-0 จากการยิงไกลสุดสวยของ โทมัส โรซิคกี ที่ซัดบอลพุ่งเข้าสามเหลี่ยมบนสุดสวยหมดปัญญาที่ เคลเลอร์ จะปัดป้องไว้ได้ ท้ายครึ่งแรก แยน โคลเลอร์ ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง วราติสลาฟ ลอกเวนซ์ มาแทนยืนค้ำข้างหน้าแทน ครบ 45 นาทีแรก เชกนำอเมริกา 2-0

เปิดฉากครึ่งหลัง อเมริกา เปลี่ยนตัวผู้เล่น 2 คนรวด ส่ง จอห์น โอไบรอัน กับเอดดี จอห์นสัน ลงมาแทน เปาโล มาสโตรนี และสตีฟ เชรันโดโล ปรับแผนเล่นกองหลังแค่ 3 คน หวังตามตีเสมอให้จงได้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสจะแจ้ง กลับเป็นเชกที่ได้ลุ้นในเกมโต้กลับหลายครั้งจาก ลอกเวนซ์, กรีเกรา แต่พลาดไปหมด และอีกครั้งที่ โรซิคกี ได้กดเต็ม ๆ แต่บอลชนคาน นาทีที่ 70 สหรัฐฯน่าได้ลูกตีไข่แตก จากการส่องของ เอดดี จอห์นสัน แต่บอลไม่ตรงกรอบ ทว่า ช่วงท้ายเกม โทมัส โรซิคกี ได้บอลจาก พาเวด เนดเวด ลากแหวกแนวรับอเมริกาเข้าไปดีดผ่าน เคซีย์ เคลเลอร์ พาสาธารณรัฐเชกทะยานหนีขาด 3-0 ครบ 90 นาที เชกเก็บชัยชนะเหนือสหรัฐอเมริกาแบบสบายเท้า 3-0

<b>รายชื่อ 11 ตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม</b>

<b>สหรัฐอเมริกา</b> - เคซีย์ เคลเลอร์, สตีฟ เชรันโดโล, เอดดี โปป, โอกูชิ ออนเยวู, เอดดี เลวิส, ดามาร์คัส บีสลีย์, เปาโล มาสโตรนี, แลนดอน โดโนแวน, เคลาดิโอ เรยนา, บอบบี คอนเวย์, ไบรอัน แมคไบรด์

<b>สาธารณรัฐเชก</b> - ปีเตอร์ เช็ก, ซเดเนก กรีเกรา, โทมัส อูฟาลูซี, เดวิด โรเซห์นัล, มาเรก แยนคูลอฟสกี, โทมัส โรซิคกี, โทมัส กาลาเซก, พาเวด เนดเวด, คาเรล โพบอร์สกี, แยน โคลเลอร์, ยาโรสลาฟ พลาซิล

<dd><b>กลุ่ม E</b>

<dd><b>อิตาลี 2 - 0 กานา</b>

ส่วนกลุ่ม อี อีกคู่ ?อัซซูรี? อิตาลี อดีตแชมป์ 3 สมัย ประเดิมสนามในศึกฟุตบอลโลก 2006 อย่างสวยงามด้วยการสยบ กานา ทีมน้องใหม่จากทวีปแอฟริกา 2-0 จากการยิงของ อันเดรีย ปิร์โล กองกลางตัวเก่งในนาทีที่ 39 และ วินเชนโซ ยากวินตา กองหน้าสำรอง นาทีที่ 83 จากชัยชนะทำให้ อิตาลี มี 3 คะแนน เท่ากับ เช็ก แต่ลูกได้เสียเป็นรองจึงรั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป อิตาลี พบ สหรัฐอเมริกา วันที่ 17 มิ.ย. นี้ ส่วนกานา พบกับทีมเช็ก ในวันเดียวกัน

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215