แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

สงฆ์นราฯแถลง งดบิณฑบาตร ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : สงฆ์นราฯแถลง งดบิณฑบาตร

โจรใต้ยังก่อกวนไม่เลิก ล่าสุดยิงตชด.ชุดลาดตระเวนดับ 2 ศพที่ยะหา ก่อนชิงปืนไปอีก 2 กระบอก เผยสุดโหดใช้มีดสับหน้าศพซ้ำ สมเด็จพระบรมฯ ทรงกำหนดเยี่ยมชาวบ้านที่หนีภัยไปอยู่วัด พร้อมให้เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงาน ขณะที่พระในพื้นที่จ.นราธิวาส หวั่นความปลอดภัย ออกแถลงการณ์งดออกบิณฑบาตโดยไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ยังมีการลอบวางเพลิงบ้านพักครู?รือเสาะ? แถมป่วนทั้งเผาธงชาติ-ยางรถยนต์-วางระเบิด ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย

วางเพลิงบ้านพักครู?รือเสาะ?

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 11 พ.ย. ร.ต.ต.พิบูลย์ ธินิกุล ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้บ้านพักครู บริเวณด้านหลังอาคารโรงเรียนบ้านยะบะ อุปการวิทยา ม.1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จึงรายงาน พ.ต.อ.บันลือ ชูเวชย์ ผกก.สภ.อ.บาเจาะ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณภัยนำรถดับเพลิงเทศบาลตำบลรือเสาะ จำนวน 2 คัน ออกไปสกัดเพลิงและตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ พบไฟกำลังโหมไหม้อยู่ที่บริเวณด้านหลังของบ้านพัก โดยไฟกำลังลุกลามขึ้นไปติดที่บริเวณหลังคาชั้น 2 ของบ้าน จึงช่วยกันฉีดน้ำเพื่อสกัดต้นเพลิง โดยใช้เวลา 20 นาทีไฟจึงสงบลง

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า คนร้ายได้นำน้ำมันเบนซินบรรจุไว้ในขวดแล้วจุดไฟ จากนั้นจึงปาขึ้นไปบนชั้น 2 จนขวดแตกและไฟได้ลุกลามติดฝาผนัง โดยบ้านพักสร้างด้วยไม้มานานที่อยู่ในสภาพเก่าจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี นอกจากนี้ คนร้ายยังสุมเศษกระดาษและไม้กองไว้ที่ใกล้หน้าต่างชั้นล่างพร้อมกับจุดไฟเผาแล้วหลบหนี สำหรับบ้านหลังนี้มีนายพรชาติ เพชรวงศ์ อายุ 44 ปีเป็นผู้ดูแล แต่ไม่มีใครพักอาศัยจึงเป็นโอกาสของกลุ่มคนร้ายเข้ามาลอบวางเพลิง

เผาธงชาติ-ยางรถยนต์-วางบึ้ม

จากนั้นเวลา 06.30 น.วันเดียวกัน กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ยังโปรยตะปูเรือใบบนถนนหมายเลข 4060 สายรือเสาะ-ศรีสาคร บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลรือเสาะ ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ และยังเผาธงชาติที่แขวนไว้ที่บริเวณรั่วโรงเรียนและวางตะปูเรือใบ แล้วเผาธงชาติและวางระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนระเบิดด้วยนาฬิกาปลุกแบบดิจิตอล น้ำหนัก 5 กิโลกรัม บรรจุไว้ในกล่องเหล็กซุกไว้ริมถนนหมายเลข 4107 สายรือเสาะ-นราธิวาส บริเวณบ้านบูเก๊ะตีงี หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ แต่เจ้าหน้าที่สามารถยิงทำลายได้ก่อนจะระเบิดขึ้น

นอกจากนี้ แนวร่วมอีกกลุ่มได้โปรยตาปูเรือใบ เผาธงชาติ เผายางรถยนต์ทิ้งไว้บนถนนหมายเลข 4060 สายรือเสาะ-รามัน บริเวณบ้านสาวอ ม.2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ ส่งผลให้รถยนต์ของชาวบ้านได้รับความเสียหายไปหลายคัน ส่วนสาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ใต้รายวัน

บึ้มทหารบาดเจ็บอีก2นาย

ต่อมาเวลา 06.50 น. ร.ต.ท.อรรถวุฒิ เพชรแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดขึ้นริมถนนสายบาเจาะ-บ้านทอน บริเวณบ้านดูกู หมู่ 5 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดเดินทางไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.หน่วยนปพ. และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.นราธิวาส

ที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดขนาดกว้าง 1 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร อยู่ริมถนน โดยมีเศษดิน หินกรวด หญ้า กระจายทั่วพื้นถนนปะปนกับเศษสะเก็ดระเบิด อาทิ เศษกล่องเหล็ก เหล็กหุนตัดสั้น เชื้อปะทุ เศษซิมการ์ด โทรศัพท์มือถือ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคนร้ายนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม บรรจุไว้ในกล่องเหล็กวางซุกไว้ในพงหญ้ารกทึบข้างทาง จุดชนวนด้วยสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ขณะเกิดเหตุ ร.อ.วีระชีพ ขยั่นธรรม ผบ.หน่วยกำลังทหารชุดลาดตระเวนเดินเท้า รวม 7 นาย สังกัดร้อย ร.3012 ฉก.32 ค่ายตากสิน จ.จันทบุรี ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในวัดอุไรรัตนาราม อ.บาเจาะ แรงระเบิดส่งผลให้ พ.จ.อ.สงกรานต์ กุดวงแก้ว มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ และพลฯ โชคชัย ไม้ทอง หูอื้อ แน่นหน้าอกและแขนซ้ายทะลอก เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบาเจาะ แพทย์อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวพักฟื้นที่ฐานได้

ยิงตชด.ดับ2-ชิงปืน2กระบอก

เมื่อเวลา 07.55 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.ดุลยนิตย์ ชูเชื้อ ร้อยเวร สภ.อ.ยะหา จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเสียชีวิต 2 นาย ที่บนถนนในหมู่บ้าน บ้านทำนบ หมู่ 2 ต.ปะแต อ.ยะหา จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.อภิรักษ์ สังข์ขาว ผกก.สภ.อ.ยะหา นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งในระหว่างทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุที่บริเวณหมู่ 5 บ้านมูนุง ต.ปะแต อ.ยะหา คนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบและวางกล่องต้องสงสัย เพื่อสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ติดตามและเข้าช่วยเหลือ

เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุพบศพ ด.ต.ศรีจันทร์ ไอยวรรณ อายุ 59 ปี และจ.ส.ต.ประเสริฐ ปิดดำ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน มว.ตชด.44023 ฉก.13 ปฎิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนโรงงานยาสูบ 2 หมู่ 3 ต.ปะแต อ.ยะหา นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณลำตัวหลายนัด นอกจากนั้น ที่บริเวนใบหน้ายังถูกของมีคมฟันจนหน้ายับ ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาดเอ็ม 16 ขนาด 11 ม.ม. ขนาด 9 ม.ม. และขนาด .38 ตกอยู่รวม 16 ปลอก นอกจากนั้น คนร้ายยังได้นำอาวุธปืนเอชเค และปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. ของเจ้าหน้าที่หลบหนีไปด้วย

สุดโหดใช้มีดสับหน้าศพซ้ำ

สอบสวนทราบว่าในขณะที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนเพื่อเดินทางออกไปสืบสวนหาข่าวสารในพื้นที่ คนร้ายคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบพร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่ทันที จนตำรวจทั้ง 2 นายเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้ลงมาที่ศพพร้อมใช้มีดฟันเข้าที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 พร้อมหยิบอาวุธปืนแล้วหลบหนีไป เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.ไพทูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จว.ยะลา และพ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รองผบก.ภ.จว.ยะลา นำกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ยะลา พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกปิดล้อมไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในเส้นทางที่จะใช้หลบหนีแล้ว

วางบึ้มทหารชุดเก็บกู้ระเบิด

เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวรสภ.อ.รือเสาะ ได้รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณริมถนนสายรือเสาะ-จะหว๊ะ ม.7 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จึงได้ประสานขอกำลังทหาร-ตำรวจฝ่ายปกครองเข้าไปตรวจสอบที่เกิด เมื่อไปถึงพบเศษปุ๋ยแอมโมเนีย กล่องเหล็ก และเศษโทรศัพท์มือถือตกกระจายอยู่บนถนน จึงได้รวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา คนร้ายได้ลอบเผายางรถยนต์บนถนนสายดังกล่าว และได้ลอบวางระเบิดไว้เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ต่อมาเรือเอกสิงหา ทองโปร่ง หัวหน้าชุดเฉพาะกิจที่ 33 ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและได้พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องประกอบไว้ในกล่องเหล็ก บรรจุในกระสอบปุ๋ยวางไว้ที่บริเวณเดียวกันกับที่ลอบเผายางรถยนต์

ยิงผู้ช่วยผู้ใหญบ้านรือเสาะดับ

ในเวลาไล่เรี่ยกัน ร.ต.ท.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวรสภ.อ.รือเสาะ ได้รับแจ้งเหตุคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบใช้อาวุธปืนยิงใส่นายสะอารี ยูโซ๊ะ อายุ 59 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ 10/1 ม.2 บ้านโคกสะตอ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักมาถึงบริเวณถนนสายโคกสะตอ-บาตง ห่างจากบ้านพักประมาณ 1 ก.ม.กระสุนปืนเข้าบริเวณศีรษะ หน้าอก ช่องท้อง และกลางแผ่นหลังรวม 5 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านช่วยนำตัวส่งร.พ.รือเสาะ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์รายวันของกลุ่มก่อความไม่สงบก่อนหน้านี้

ตร.หาดใหญ่เข้ม-หวั่นลามอีก

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ห้องประชุมงานป้องกันปราบปราม สภ.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.ท.เล็ก มียัง สวป.สภ.อ.หาดใหญ่ ประชุมชุดสายตรวจ ในการออกปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันเหตุสถานการณ์ใต้ในพื้นที่รับผิดชอบ พ.ต.ท.เล็กกล่าวว่า ให้สายตรวจทุกนายออกประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และคิวรถตู้ที่วิ่งระหว่าง อ.หาดใหญ่ ถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ประชาชนช่วยกันดูแลสังเกตสิ่งของต้องสงสัย รถจยย. และรถยนต์ที่มาจอดทิ้งไว้นานผิดปกติ ไม่มีใครรับเป็นเจ้าของให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบทันที

?โดยเฉพาะคิวรถตู้ทุกคิวที่วิ่งระหว่างหาดใหญ่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปขอความร่วมมือในการตรวจสอบสิ่งของที่ฝากมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งให้ช่วยตรวจสอบกระเป๋า หีบห่อ สัมภาระต่างๆ ที่มากับรถตู้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ก่อความไม่สงบ? พ.ต.ท.เล็กกล่าว

ประกบฆ่าชาวบ้านกลางถนน

เวลา 12.20 น. ร.ต.ท.วรศักด์ รอดสัมฤทธิ์ สารวัตรเวร สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบยิงนายเจะมูดอ เปาะมา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.8 ต.กะดุนง เสียชีวิต เหตุเกิดที่หน้ามัสยิดอูแตกอแล ม.3 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี ก่อนเกิดเหตุขณะที่นายเจะมูดอกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากที่ทำนาเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพัก ระหว่างทางได้มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ซูซูกิ รุ่นสแมช สีเข้ม ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดจำนวนหลายนัด กระสุนถูกที่ลำตัวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป สำหรับประเด็นสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

พระบรมฯทรงเยี่ยมชาวบ้าน

ส่วนกรณีชาวบ้านจาก บ.สันติ 1 บ.สันติ 2 ในพื้นที่ อ.บันนังสตา และอ.ธารโต จำนวนกว่า 100 คน เดินทางออกจากหมู่บ้านเข้ามาพักอาศัยอยู่ในวัดนิโรธสังฆาราม เขตเทศบาลนครยะลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางจังหวัดได้แจ้งมายังกลุ่มผู้อพยพว่าให้ส่งตัวแทนจำนวน 3 คน เพื่อเตรียมเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินมายัง จ.ยะลา เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจเยี่ยมประชาชนชาวจังหวัดยะลาในวันที่ 13 พ.ย. โดยกลุ่มผู้อพยพจะส่งตัวแทนคือนายธงชัย เอี่ยมหิรัญ, นายจรัญ เกลี้ยงศรีพร้อม และนางสมพร ไกรนรา เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นางสมพร ไกรนรา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 หมู่ 6 บ.สันติ 2 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เปิดเผยว่า รู้สึกปราบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก โดยจะถวายรายงานถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ และจะขอพระราชทานความเมตตาให้พระองค์ท่านช่วยเหลือ

ธารน้ำใจไหลช่วยต่อเนื่อง

สำหรับยอดรวมล่าสุดของผู้ที่เดินทางอพยพออกมาจากพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 53 ครอบครัว 176 คน โดยบรรยากาศภายในวัดในวันนี้ยังคงมีความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ ต่างเดินทางมายังวัดเพื่อนำเงินสด อาหารแห้ง ผลไม้ ข้าวสาร มาบริจาคกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยอดเงินบริจาคมีจำนวน 99,590 บาท นอกจากนั้น หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หมวดพยาบาล หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 กองพันพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากรที่ 201 นำโดยร.ท.โกสินทร์ ชัยชำนาญ ผบ.หมวดพยาบาล ฉก.11 (พัน พท.201) ได้นำยาเวชภัณฑ์ พร้อมรับตรวจโรค ถอนฟันให้กับชาวบ้าน

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายังวัดนิโรธสังฆาราม เพื่อเข้าเยี่ยมผู้อพยพและนำเงินบริจาคของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. และเงินส่วนตัวมาบริจาคให้จำนวนหนึ่ง พล.ต.อ.อชิรวิทย์เปิดเผยว่า ได้เดินทางลงมาเพื่อเข้าร่วมงานรดน้ำศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต และก็ตั้งใจไว้ว่าจะเดินทางมาให้กำลังใจแก่กลุ่มชาวบ้านทุกท่าน เชื่อว่าขณะนี้ทางรัฐบาลกำลังแก้ปัญหา และทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น

พระในนราฯงดออกบิณฑบาต

วันเดียวกัน พระเทพศิลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ได้เรียกเจ้าคณะอำเภอและตำบล ในพื้นที่จ.นราธิวาส ได้เข้าร่วมประชุมด่วนที่โรงเรียนปริยัติธรรม วัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ และกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการลอบวางระเบิด และซุ่มกราดยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ซึ่งทำหน้าที่เป็นชุดรักษาความปลอดภัยครู และพระสงฆ์ขณะกำลังเดินออกบิณฑบาตในช่วงเช้า จนส่งผลให้พระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน จนถึงขณะนี้พบว่าเหตุการณ์ความไม่สงบได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป

ในที่ประชุมได้มีมติร่วมกันออกแถลงการณ์ให้พระสงฆ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส งดออกรับบิณฑบาตจากประชาชนบนถนนในช่วงเช้าทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.นี้เป็นต้นไป อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์ความไม่สงบจะเข้าสู่สภาวะปกติ และทางคณะสงฆ์จะมีการประชุมเพื่อหามาตรการ และแนวทางในการป้องกัน ร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอทุกอำเภอ และหัวหน้ากองกำลังตำรวจ ทหารทั้งหมดที่รับผิดชอบ และมีส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.เป็นต้นไป จะไม่มีพระสงฆ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ออกมารับบิณฑบาตตามท้องถนนในย่านชุมชนต่างๆ อีกในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ของจ.นราธิวาส จึงออกแถลงการณ์ให้พุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธา และต้องการนำอาหารไปตักบาตรที่วัดแต่ละแห่งในพื้นที่แทน เพื่อความปลอดภัยของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งนี้ ได้มีการนำใบแถลงการณ์ให้เจ้าคณะตำบลไปแจกจ่ายตามวัดและสำนักสงฆ์ต่างๆ ในเขตปกครองได้ปฏิบัติตามมติดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

สำนักพระพุทธฯเตรียมช่วย

นางจุฬารัตน์ บุญญากร รักษาการผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงคณะสงฆ์ จ.นราธิวาส ออกแถลงการณ์งดออกบิณฑบาตตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 พ.ย.นี้ อย่างไม่มีกำหนดว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนราธิวาสแล้ว และจากการติดต่อกลับไปขอยืนยันข้อมูล ก็ทราบว่าที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดนราธิวาส มีมติและออกแถลงการณ์เช่นนั้นจริง เพื่อความปลอดภัยของพระสงฆ์ ซึ่งในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็จะจัดส่งอาหารแห้งและเงินกองทุนวัดช่วยวัดเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ส่วนการสร้างขวัญกำลังแก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนนั้น คงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย

นางจุฬารัตน์ กล่าวอีกว่า พระสงฆ์ในพื้นที่อื่นๆ อาจจะงดบิณฑบาตอีกหรือไม่นั้น รักษาการผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ในช่วงเย็นหรืออย่างช้าวันที่ 12 พ.ย.นี้ ทางจังหวัดนราธิวาสจะส่งข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ พร้อมฝากถึงประชาชนให้ช่วยกันสอดส่อง หากพบสิ่งผิดสังเกตว่าจะมีการก่อเหตุให้รีบแจ้งหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลทันที

?บิ๊กจิ๋ว?ชี้การช่วยไม่ใช่ทางแก้

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องขณะนี้ว่า การปูพื้นฐานจิตใจ การปฏิบัติที่ดี การช่วยเหลือสังคมสงเคราะห์ที่ดียังไม่ใช่หัวใจการแก้ปัญหา หัวใจคือ การขยายความคิดการปฏิบัติทางการเมือง ซึ่งเป็นคำถามที่มีมา 100 ปี เรื่องรัฐไทยทำไมต้องไปกรีธาทัพกับรัฐปัตตานี เรื่องนี้เป็นเรื่องประวัติศาสตร์มา 4 พันปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ว่าใครผิดใครถูกหรือใครแพ้ใครชนะ ซึ่งแผ่นดินไทยไม่ว่าศาสนาใดก็ได้ เป็นความสวยงาม เราเป็นระบอบประชาธิปไตย ตนยังเคยเสนอยุทธศาสตร์ดอกไม้หลากสีมาแล้ว ซึ่งตอนนี้จะเห็นว่าขบวนการดังกล่าวหัวไปทาง หางไปทาง ไม่ได้เชื่อมโยงต่อเนื่องกันแล้ว ตนไม่เคยเห็นกระบวนการที่ตกต่ำถึงขนาดนี้ แนวร่วมสูญสลาย ต้องเอาผู้หญิงเอาเด็กมาเป็นแนวร่วมเคลื่อนไหวแทน ใครมองว่าเขาเข้มแข็ง ตนว่าเขาตกต่ำสุดแล้ว ทำไมเราไม่ขยายผลดำเนินการแนวคิดทางการเมืองตอนนี้

?การรุกของขบวนการตอนนี้ หัวไม่สั่งแต่หางกระดิก แม้แต่พระยังไปฆ่าได้ คนคุมข้างบนเขาทำกันไม่ได้ ขบวนการไม่ได้เชื่อมโยงกันแล้ว ดังนั้น ต้องเร่งส่งเสริมแนวคิดทางการเมือง เชื่อว่านายกฯ และผบ.ทบ.อาจทำอยู่แต่เป็นเรื่องลับ ไม่ออกมาพูด เพราะท่านเป็นมืออาชีพกันทั้งนั้น เป็นมือจัดตั้ง ทำงานด้านมวลชน ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ถ้าเขาทำแล้วยังไม่ได้ ค่อยมาว่ากัน? อดีตนายกฯ กล่าว

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215