วานนี้ (8 พ.ย.) พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมาพำนักที่ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว สาขาวัดสวนแก้ว จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงปัญหาการซื้อที่ดินปรปักษ์ว่า มูลนิธิวัดสวนแก้วพร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อยุติ หากทายาทเจ้าของที่ดินเดิมที่ฟ้องร้องนั้นจะให้จ่ายเงินซื้อที่ดินมากเกินกว่า 2 ล้านบาท ทางวัดไม่มีเงินจ่าย ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการศาล ส่วนเงิน 10 ล้านบาท ที่จ่ายซื้อให้กับคนที่ไปครอบครองปรปักษ์แล้วนำมาขายให้นั้น ก็จะไม่ฟ้องร้องเอาผิดเช่นกัน อยู่ที่จิตสำนึกของเจ้าตัว หากฟ้องร้องกลับจะทำให้เป็นทุกข์ และเสียภาพลักษณ์กับทางวัด
?คาดว่าวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ จะกลับไปวัดสวนแก้ว และเรื่องน่าจะสรุปได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกหลอกลวงในการซื้อที่ดินประมาณ 1,000 คน จะมารวมตัวกันในวันดังกล่าวที่วัดสวนแก้ว โดยจะเชิญให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับฟังเสียงสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น? เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าว
ขณะที่นายมนัส พูนสวัสดิ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนนทบุรี นัดไกล่เกลี่ยคู่ความกรณีการซื้อที่ดินของมูลนิธิสวนแก้ว ของพระพยอม กับทายาทของนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ โดยศาลได้เรียกตัวแทนมูลนิธิสวนแก้วคือนางดวงใจ ฐิติยารักษ์ เลขานุการมูลนิธิสวนแก้ว เข้าหารือก่อน และเรียกนายถนอม หิรัญประดิษฐ์ ทายาทนางทองอยู่ เข้าหารือ
เบื้องต้นศาลระบุว่า มูลนิธิสวนแก้วจัดซื้อที่ดินและเสียภาษีอย่างถูกต้อง ขั้นตอนต่อไปคือต้องหาหนทางเยียวยาสังคม โดยไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียประโยชน์ โดยจะให้ทายาทนางทองอยู่ ได้ปรึกษากันว่าจะขายที่ดินดังกล่าวให้กับมูลนิธิสวนแก้วหรือไม่ แต่คงไม่ใช่ราคา 10 ล้านบาทเช่นเดิม ขณะนี้ทายาทนางทองอยู่ อยู่ระหว่างการปรึกษากัน
อย่างไรก็ตาม นายถนอม กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ไม่อยากกระทบกระทั่งกับวัดสวนแก้ว เนื่องจากนับถือมานาน หากเป็นไปได้อาจจัดผ้าป่าเพื่อหาเงินช่วยซื้อที่ดินให้วัดด้วย จึงอยากให้สังคมมองทายาทอย่างผู้สุจริต เพราะที่ผ่านมาข่าวที่ออกไปสร้างความเสียหายให้ครอบครัว ทั้งที่ไม่เคยมีเจตนาจะแย่งที่ดินกับวัด และอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์