มหาโจรก่อคดีโชกโชนโดนตร.มักกะสันจับขณะเตรียมเข้าปล้นร้านทอง เผยตร.ตั้งด่านตรวจรถแท็กซี่ เจอผู้โดยสารท่าทางมีพิรุธเรียกลงมาตรวจ กลับวิ่งหนีแต่ไม่รอดถูกจับได้ พบในกระเป๋ามีทั้งหมวกไหมพรมและอาวุธปืน สารภาพเตรียมก่อเหตุปล้นร้านทอง แฉประวัติโคตรโหดเป็นอดีตทหารรับจ้างชาวพม่า ก่อคดีปล้นฆ่าโชกโชน เพิ่งโดดรถหนีเรือนจำเมืองคอนระหว่างทางไปศาลสุราษฎร์ฯ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว จากนั้นก็ก่อเหตุอีก 2 คดีหาเงินหนีเข้ากรุงเทพฯ มาถึงได้ไม่นานก็ก่อเหตุชิงทรัพย์ แถมเตรียมจะปล้นร้านทองจึงเสร็จ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่สน.มักกะสัน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ฉันวรลักษณ์ ผกก.สน.มักกะสัน พ.ต.ท.สุวิชา จินดาคำ สว.สส. พ.ต.ท.วันชัย ขาวรัมย์ สวป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายสิทธิชัย หรือฉัตรชัย หรือสุทิน เพชรรัตน์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 4 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 854/2549 ลงวันที่ 28 ต.ค.49 ข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด และเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีจากรถเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างนำตัวไปส่งยังเรือนจำ จ.สุราษฎร์ธานี และเคยก่อคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ สน.คลองตัน พร้อมของกลาง มีอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุนเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด สร้อยคอทองคำ 1 เส้น ล็อกเกตทอง 1 อัน เงินสด 5,900 บาท หมวกไหมพรมสีดำ 2 ใบ ถุงมือสีดำ 1 คู่ มีดและอุปกรณ์เครื่องมือสารพัดช่าง 1 ชุด สำเนาทะเบียนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กวง-300 ภูเก็ต และกระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ร.ต.ต.ณัฐกฤต เชาวสุรัตน์ รองสวป.สน.มักกะสัน นำกำลังตั้งด่านตรวจค้นที่บริเวณใต้สะพานข้ามแยกคลองตัน พบนายสิทธิชัยนั่งมาในรถแท็กซี่ และมีพฤติการณ์มีพิรุธน่าสงสัย จึงขอตรวจค้นนายสิทธิชัย ตกใจทิ้งกระเป๋าสะพายไว้ในรถ แล้วเปิดประตูวิ่งเผ่นหลบหนีออกจากรถ เข้าไปซ่อนตัวในชุมชนเพชรพระราม ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ไปไม่รอดตำรวจวิ่งไล่ติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้
จากการตรวจค้นในกระเป๋าสะพายสีดำที่ทิ้งไว้ในรถแท็กซี่ พบของกลางทั้งหมดอยู่ในกระเป๋า ยกเว้นสร้อยคอทองคำและล็อกเกตที่ตำรวจตามคืนได้ภายหลัง จากนั้นควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล นายสิทธิชัย ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์หญิงสาวคนหนึ่ง เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมล็อกเกตเลี่ยมทอง ภายในซอยปรีดี 2 ถ.สุขุมวิท 71 แขวงพระโขนง เขตวัฒนา กทม. ท้องที่เกิดเหตุ สน.คลองตัน จากนั้นนำล็อกเกตไปขายที่ร้านทองแม่สวัสดิ์ ย่านตลาดห้วยขวาง ในราคา 9,800 บาท จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปตามยึดของกลางดังกล่าวคืนมาได้ จากนั้นได้ประสานติดต่อกับนางอัจฉรา รามแสง ผู้เสียหายที่ถูกจี้ชิงทรัพย์ มาชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาที่ สน.มักกะสัน
จากการตรวจสอบประวัตินายสิทธิชัย เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์หลายคดีทราบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 854/2549 ลงวันที่ 28 ต.ค.49 ข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด และยังเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีจากรถเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างนำตัวไปส่งเรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากการสอบสวนนายสิทธิชัยให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.30 น. ได้ตัดกุญแจและหลบหนีการควบคุมตัวจากเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนำตัวขึ้นรถกระบะไปส่งเรือนจำสุราษฎร์ธานี เพื่อฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในคดีชิงทรัพย์ ระหว่างทางที่รถติดสัญญาณไฟแดง และกระโดดลงจากรถเข้าอู่รถเพื่อตัดโซ่ตรวนที่ขา หลบซ่อนตัวอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี และก่อคดีลักรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กวง-300 ภูเก็ต ที่จอดไว้ในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สุราษฎร์ธานี
นายสิทธิชัยให้การรับสารภาพอีกว่า ต่อมาได้ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวออกไปก่อเหตุปล้นปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่สภ.อ.พุนพิน ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท เงินสด 2,000 บาท และนำสร้อยคอทองคำไปขาย ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีขึ้นมา จ.ชุมพร เพื่อไปหาเพื่อน และหาซื้ออาวุธปืนลูกซองสั้น พร้อมกระสุน จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าเข้ากทม. แต่ในระหว่างทางมีด่านตำรวจจำนวนมาก จึงตัดสินใจนำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งในหนองน้ำในเขต จ.เพชรบุรี ก่อนจะตีตั๋วขึ้นรถทัวร์เดินทางเข้ากทม. และทันทีที่เดินทางมาถึง กทม.ก็ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์นางอัจฉราทันทีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากชิงทรัพย์ตอนเช้าแล้วก็ไปซื้อหมวกไหมพรม ถุงมือสีดำ มีด อุปกรณ์เครื่องมือสารพัดช่าง และกระเป๋าสะพาย เพื่อเตรียมลงมือปล้นร้านทองที่หน้าตลาดคลองตัน โดยวางแผนว่าสวมชุดลายพรางทหารคุมหมวกไหมพรม หลังปล้นระหว่างหนีจะเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา และยังได้เตรียมเสบียงอาหารแห้งและยา หากผิดพลาดได้รับบาดเจ็บจะได้กบดานรักษาตัวเอง โดยได้มาสังเกตการณ์ดูลาดเลาแล้ว 1 วัน เห็นว่าผู้คนพลุกพล่านคิดว่าหากก่อเหตุแล้วจะหลบหนีได้ง่าย แต่ยังไม่ทันก่อเหตุลงมือก็มาถูกจับกุมตัวได้ก่อน
นายสิทธิชัยให้การอีกว่า ตนเป็นคนสัญชาติพม่า พ่อแม่เป็นชาวพม่าและหลบหนีมาอยู่ชายแดนไทย จ.ชุมพร ได้ขึ้นทะเบียนว่าเป็นผู้อยู่ในความควบคุมของประเทศไทยแต่ไม่มีบัตรประชาชน เรียนจบระดับชั้น ม.3 ในประเทศไทย อ่านและเขียนภาษาไทยได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเคยไปเป็นทหารรับจ้างในกองทัพพม่าเพื่อต่อสู้กับกองกำลังกะเหรี่ยง เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้ประสานตำรวจ สน.คลองตัน มาอายัดตัวดำเนินคดีข้อหาชิงทรัพย์ รวมทั้งประสานไปยังตำรวจสภ.อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และสภ.อ.พุนพิน มาอายัดตัวดำเนินคดีต่อไป
นายสิทธิชัยผู้ต้องหานั้นเป็นบุคคลเชื้อชาติไทย แต่อยู่ระหว่างรอการพิสูจน์สัญชาติ เคยก่อคดีปล้นฆ่าเด็กวัยรุ่นลูกผู้ใหญ่บ้านในเขต จ.ชุมพร และก่อคดีชิงทรัพย์ทั้งในเขตจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาแล้ว 5 ครั้ง อีกทั้งก่อนจะหลบหนีจากรถเรือนจำ เคยถูกศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่าคนตายในเขต จ.ชุมพร อีกด้วย
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์