แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

เจอเอ็ม 16 สังหารกอบกุลแล้ว เพรียวพันธ์เชื่อสรุปคดีบ่ายนี้ ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : เจอเอ็ม 16 สังหารกอบกุลแล้ว เพรียวพันธ์เชื่อสรุปคดีบ่ายนี้
ภาพจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ

<b>กลุ่ม C</b>

<b>ฮอลแลนด์ 1 - 0 เซอร์เบียและมอนเตเนโกร</b>

ฟุตบอลโลก 2006 ที่สนามเซ็นทรัล สตาดิโอน ในเมืองไลป์ซิก เยอรมัน เป็นการแข่งขันของทีมในกลุ่ม C ระหว่าง "อัศวินสีส้ม" เนเธอร์แลนด์ (ฮอลแลนด์) กับ เซอร์เบียและมอนเตเนโกร

เกมดำเนินไปจนถึงนาทีที่ 18 ฮอลแลนด์ ได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กระดกบอลขึ้นหน้าให้ อาร์เยน ร็อบเบน ใช้สปีดหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษระยะ 18 หลา บอลพุ่งเลียดลอดแขน ดราโกสลาฟ เยฟริช นายทวารเซอร์เบียฯ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 34 เดยัน สแตนโควิช ผู้เล่นเซอร์เบียร์ฯ รับใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม หลังจากไปทำฟาล์ว จอห์น ไฮติงก้า ของฮอลแลนด์

นาทีที่ 43 เซอร์เบียฯ ส่ง ออกเยน โคโรมัน ลงมาแทน เนเน็ด ยอร์เยวิค

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 47 ก่อนหมดครึ่งแรก โคโรมัน ก็มีโอกาสยิงด้วยซ้ายบริเวณมุมกรอบเขตโทษขวา แต่บอลลอยเหินข้ามคานไปชนิดได้ลุ้น

จบครึ่งแรก ฮอลแลนด์ นำ 1-0

เริ่มครึ่งเวลาหลัง เซอร์เบียฯ แก้เกมรุก โดยส่ง นิโคล่า ซิกอิก ลงมาแทนหัวหอก ซาโว มิโลเซวิค นาทีที่ 46

นาทีที่ 56 ฟาน บรองฮอสต์ โดนใบเหลือง หลังไปทำฟาล์ว โคโรมัน ผู้เล่นสำรองของเซอร์เบียฯ

นาทีที่ 60 ฮอลแลนด์ส่ง เดนนี่ แลนด์ซาท ลงมาแทน มาร์ค ฟาน บอมเมล

นาทีที่ 64 โคโรมัน โดน ไฮติงก้า กระแทกล้มลง กรรมการเป่าฟาล์วให้เซอร์เบียฯ ได้ฟรีคิก ขณะที่ โคโรมัน โวยกรรมการว่า ไฮติงก้า ควรได้ใบเหลือง แต่กรรมการกลับชูใบเหลืองให้ โคโรมัน ก่อน สแตนโควิช ของเซอร์เบียฯ จะรับหน้าที่ปั่นฟรีคิกมุมกรอบเขตโทษด้านซ้ายข้ามคานไป

นาทีที่ 67 เซอร์เบียฯ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้าย โดยถอด มัตเตย่า เคซมัน ออก และส่ง ดานิเยล จูโบย่า ลงมาแทน ก่อนนาทีที่ 69 ฮอลแลนด์ ก็ตัดสินใจถอด รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกคนสำคัญของทีมออก และส่ง ดิงค์ เคิท ลงมาแทน

นาทีที่ 78 ร็อบเบน กระชากบอลเข้ากลางผ่านแผงหลังเซอร์เบียฯ ก่อนซัดด้วยซ้ายบริเวณหัวกระโหลกกรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งหักออกข้างเสาประตูไป

นาทีที่ 81 อิวิกา ดรากูติโนวิช แผงหลังเซอร์เบียฯ เข้าสไลด์ ร็อบเบน ล้มลงบริเวณข้างกรอบเขตโทษฝั่งขวา กรรมการควักใบเหลืองให้ ดรากูติโนวิช ก่อน ฟาน เพอร์ซี จะอาสาบรรจงปั่นฟรีคิก บอลโค้งผ่านหน้าประตูออกเสาสองไปอย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 84 เกมหยุดไปชั่วขณะ เมื่อ เอ็ด วิน ฟาน เดอซาร์ บาดเจ็บจากการปะทะกับ ซิกอิค ก่อน ไฮติงก้า จะถูกกรรมการชูใบเหลือง หลังจากพยายามดึงเกมช้าในการเตะลูกฟรีคิก

นาทีที่ 89 ร็อบเบน อาศัยความเร็วกระชากบอลจากกลางสนามไปถึงมุมกรอบเขตโทษด้ายซ้าย ก่อน โกรัน การานซิช ผู้เล่นเซอร์เบียฯ จะเอาตัวเบียด ร็อบเบน จนล้มลง กรรมการให้ใบเหลือง การานซิช

ช่วงท้ายเกม มีการทดเวลาบาเจ็บออกไป 3 นาที ทั้งสองทีมแลกเกมบุก และมีจังหวะฟาล์วกันบ่อยครั้ง ก่อนจะหมดเวลาการแข่งขัน ฮอลแลนด์ เอาชนะ เซอร์เบียฯ ไปเฉียดฉิว 1-0 โดย อาร์เย็น ร็อบเบน เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้

<b>กลุ่ม D</b>

<b>เม็กซิโก 3 - 1 อิหร่าน</b>

?จังโก้?เม็กซิโก ลงสนามรอบแรก นัดแรกกลุ่ม D เจอกับ อิหร่าน ที่ สนามแฟรงเกน สเตเดี้ยม เมืองเนิร์นแบร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา เปิดเกมในครึ่งแรก อิหร่าน ที่ก่อนเกมตกเป็นรอง กลับเปิดเกมบุกแลกกับเม็กซิโกได้อย่างสูสี และแค่นาทีที่ 11 อิหร่านหวิดได้ประตูขึ้นนำเมื่อ วาฮิด ฮาชีเมียน กองหน้าอิหร่านได้โขกโล่ง ๆ หน้าประตู แต่โดน ออสวัลโด ซานเชซ นายทวารจังโก้พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด จากนั้นเม็กซิโกใช้จังหวะโต้กลับเร็วขึ้นไปทำหวาดเสียวน่าประตูอิหร่านได้หลายครั้ง จนอิหร่านต้องทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษหยุดเกม และความพยายามของเม็กซิโกมาประสบความสำเร็จ จากลูกฟรีคิกฝั่งขวาที่ ปาเวล ปาร์โด เปิดไปกลางประตูแล้ว กิเยร์โม ฟรังโก โขกชงไปให้หัวหอก โอมาร์ บราโว ซัดจ่อ ๆ 4 หลาเข้าไปในนาทีที่ 28 ทำให้เม็กซิโกขึ้นนำ 1-0 ทันที

อย่างไรก็ตามกองเชียร์เม็กซิโกดีใจได้แค่ 8 นาที อิหร่านก็ตีคืนได้ทันควัน จากลูกเตะมุมที่อิหร่านหยอดเข้ากลางประตู แล้ว ออสวัลโด ซานเชซ นายทวารเม็กซิโก ออกมาปัดบอลพลาดไปเข้าทางปืนของ ยาห์ยา โกลโมฮัมมาดี กองหลังอิหร่านขึ้นมายิงเผาขนระยะ 6 หลาเข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 36 ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1

?จังโก้?เม็กซิโก ลงสนามรอบแรก นัดแรกกลุ่ม D เจอกับ อิหร่าน ที่ สนามแฟรงเกน สเตเดี้ยม เมืองเนิร์นแบร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา เปิดเกมในครึ่งแรก อิหร่าน ที่ก่อนเกมตกเป็นรอง กลับเปิดเกมบุกแลกกับเม็กซิโกได้อย่างสูสี และแค่นาทีที่ 11 อิหร่านหวิดได้ประตูขึ้นนำเมื่อ วาฮิด ฮาชีเมียน กองหน้าอิหร่านได้โขกโล่ง ๆ หน้าประตู แต่โดน ออสวัลโด ซานเชซ นายทวารจังโก้พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด จากนั้นเม็กซิโกใช้จังหวะโต้กลับเร็วขึ้นไปทำหวาดเสียวน่าประตูอิหร่านได้หลายครั้ง จนอิหร่านต้องทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษหยุดเกม และความพยายามของเม็กซิโกมาประสบความสำเร็จ จากลูกฟรีคิกฝั่งขวาที่ ปาเวล ปาร์โด เปิดไปกลางประตูแล้ว กิเยร์โม ฟรังโก โขกชงไปให้หัวหอก โอมาร์ บราโว ซัดจ่อ ๆ 4 หลาเข้าไปในนาทีที่ 28 ทำให้เม็กซิโกขึ้นนำ 1-0 ทันที อย่างไรก็ตามกองเชียร์เม็กซิโกดีใจได้แค่ 8 นาที อิหร่านก็ตีคืนได้ทันควัน จากลูกเตะมุมที่อิหร่านหยอดเข้ากลางประตู แล้ว ออสวัลโด ซานเชซ นายทวารเม็กซิโก ออกมาปัดบอลพลาดไปเข้าทางปืนของ ยาห์ยา โกลโมฮัมมาดี กองหลังอิหร่านขึ้นมายิงเผาขนระยะ 6 หลาเข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 36 ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1
ครึ่งหลังกุนซือจังโก้ ริคาร์โด ลาวอลเป ปรับทัพเปลี่ยนตัวกองกลาง 2 คนรวด ส่ง อันโตนิโอ ซินญา กับ หลุยส์ เปเรซ ลงไปแทน กิเยร์โม ฟรังโก กับ เคราร์โด ตอร์ราโด แต่ผ่านไปแค่ 7 นาที ยาเรด บอร์เกตติ กองหน้าคนสำคัญของจังโก้เจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง โฮเซ ฟอนเซกา ไปแทนอีก จากนั้นเกมเป็นของเม็กซิโกที่เปิดเกมบุกกดดันอิหร่านได้มากกว่า และนาทีที่ 62 อิหร่านต้องเปลี่ยน อาลี คาริมี มิดฟิลด์จากทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ที่เจ็บออกแล้วส่ง เมห์ซาด มาดานซี ลงไปแทนเช่นกัน

จากนั้นอิหร่านที่ตั้งรับแน่นมาพลาดจนได้ เมื่อ อิบราฮิม เมอร์ซาปูร์ นายทวารอิหร่าน ออกมาเตะเคลียร์บอลพลาด ไปโดน อันโตนิโอ ซินญา มิดฟิลด์อิหร่านตัดบอลได้จากริมกรอบเขตโทษ ก่อนทำชิ่งต่อไปให้ โอมาร์ บราโว หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงตุงตาข่ายในนาทีที่ 76 ทำให้ อิหร่าน ขึ้นนำ 2-1 และเป็นประตูที่ 2 ในเกมนี้ของ บราโว ด้วย และอีกแค่ 3 นาทีต่อมา อันโตนิโอ ซินญา ได้จังหวะขึ้นโขก 10 หลาหน้าประตูเข้าไปอีกลูกในนาทีที่ 79 ทำให้อิหร่านนำห่าง 3-1 ก่อนเอาชนะไปในที่สุดด้วยสกอร์นี้

<b>กลุ่ม D</b>

<b>แองโกลา 0 - 1 โปรตุเกส</b>

?ฝอยทอง?โปรตุเกส ลงสนามทำศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบแรก กลุ่ม D พบกับ แองโกลา ซึ่งได้เข้ารอบสุดท้ายเวิลด์ คัพ เป็นครั้งแรก ที่สนามฟีฟ่า เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม ในเมืองโคโลญจน์ เมื่อวันอาทิตย์ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา เริ่มเกมได้แค่ 4 นาที หลุยส์ ฟิโก ตัดบอลได้บริเวณเกือบกึ่งกลางสนาม ก่อนกระชากบอลหนีกองหลัง แองโกลา ไปถึงเส้นหลัง แล้วเปิดเรียดใส่พานมาหน้าประตูให้ เปาเลตา ยิงโล่ง ๆ ช่วยให้ โปรตุเกส นำ 1-0

จากนั้น แองโกลา โหมเกมบุกเพื่อเอาประตูคืน แต่ โปรตุเกส ยังเหนียวแน่น และครองเกมส่วนใหญ่เอาไว้ได้ พร้อมกับพาบอลเข้าไปสร้างโอกาสได้หลายครั้ง นาที 35 ก็เกือบได้อีก เมื่อ ฟิโก เปิดเตะมุมโด่งจากฝั่งขวามาหน้าประตูให้ คริสเตียโน โรนัลโด โหม่งเหน่ง ๆ เต็มหัว แต่บอลชนคานกระเด้งออกไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมานาที 44 โรนัลโด ได้ซัดเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษอีกครั้ง บอลพุ่งวาบเกือบเสียบเสา แต่ เจา ริคาร์โด นายทวารของแองโกลา พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด จากนั้นทั้งคู่ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้หมดครึ่งแรก โปรตุเกส นำ แองโกลา อยู่ 1-0

เริ่มครึ่งหลังยังคงเป็น โปรตุเกส ที่ครองเกมเข้าทำเกมรุกได้มากกว่าเหมือนเดิม แต่ก็หาจังหวะเจาะเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษไม่ถนัด เพราะ แองโกลา แก้เกมมาดี และเน้นเหนียวแน่นกว่าเดิม ทำให้ต้องลองส่องไกลจากนอกเขตโทษ ซึ่งก็ไม่สร้างปัญหาให้ เจา ริคาร์โด แต่อย่างใด ช่วงกลางครึ่งหลังทีมฝอยทองผ่อนเกมลงไปเองอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ แองโกลา มีโอกาสตั้งเกมหาโอกาสเข้าทำได้บ้าง แต่ก็ยังหาจังหวะเข้าไปจบสกอร์ไม่ได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ช่วง 15 นาทีสุดท้าย โปรตุเกส ปลุกเกมของตัวเองให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง และโหมเกมรุกอย่างหนัก เพื่อทำประตูเช็กบิล แต่ก็ได้แค่ป้วนเปี้ยนอยู่นอกกรอบเขตโทษเท่านั้น เพราะกองหลังแองโกลา ไม่ผิดพลาดเองง่าย ๆ ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถทำอะไรเพิ่มกันได้ หมดเวลา โปรตุเกส เฉือนชนะ แองโกลา 1-0 เก็บ 3 แต้มประเดิมสนามสำเร็จ โดยเกมต่อไป โปรตุเกส จะพบกับ อิหร่าน ในวันที่ 17 มิ.ย. ขณะที่ แองโกลา พบกับ เม็กซิโก ในวันที่ 16 มิ.ย.

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215