<b>ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คืนนี้ (อาทิตย์ 22 ต.ค.) มีเกมดวลแข้งรวม 5 คู่ แต่คู่เอกจะเป็นคู่ไหนไปไม่ได้นอกจากแมตช์หยุดโลก ?ศึกวันแดงเดือด? ครั้งที่ 147 ที่สนามโอลด์แทรฟเฟิร์ดของ ?ปิศาจแดง? แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่นำเป็นจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้ จะเปิดรังต้อนรับ ?หงส์แดง? ลิเวอร์พูล คู่แค้นคู่อาฆาตที่รั้งอันดับ 11 ของตาราง ซึ่งคู่นี้จะเริ่มเตะเป็นคู่แรก ตรงกับเวลาไทย 19.00 น. และมีการถ่ายทอดสดให้ชมทางยูบีซีอีเอสพีเอ็นช่อง 39 </b>
ทั้งผีแดงและหงส์แดงต่างเพิ่งคว้าชัยจากเกมแชมเปียนส์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ทั้งคู่ โดยแมนฯยูเปิดรังถล่มโคเปนเฮเกนสบายแข้ง 3-0 ส่วนลิเวอร์พูลบุกไปเชือดบอร์กโดซ์คารัง 1-0 ขณะที่สภาพความพร้อมของทั้ง 2 ทีมนั้น หงส์แดงทีมเยือนของกุนซือราฟา เบนิเตซ ต้องลุ้นตัวโก่งว่า ?สตีวีจี? สตีเวน เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม จะฟิตทันลงสนามนัดนี้ได้หรือไม่ ถ้าเจอร์ราร์ดลงไม่ได้ เชื่อว่าจะบั่นทอนศักยภาพของหงส์แดงลงอีกเยอะเลยทีเดียว นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังต้องลุ้นโมโม ซิสโซโก และเดิร์ก เคาต์ ด้วย
ตรงข้ามกับเจ้าถิ่นปิศาจแดง ที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เพอร์เฟกต์มากกว่า เนื่องจากขุนพลตัวเก่งอยู่กันครบพร้อมหน้า ทั้งพอล สโคลส์, ไรอัน กิกส์, หลุยส์ ซาฮา, คริสเตียโน โรนัลโด โดยเฉพาะเวย์น รูนีย์ นั้น แม้จะยิงไม่ได้ในเกมยำโคเปนเฮเกน แต่ก็กลับมาเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มและอันตรายอีกครั้งแล้ว ในส่วนของปูมสถิติที่พบกันมา 146 ครั้ง ปรากฏว่าผีแดงเหนือกว่าเล็กน้อย ชนะ 54 ครั้ง ขณะที่หงส์แดงชนะ 49 ครั้ง และที่เหลือเป็นเสมอกัน 43 ครั้ง แต่ถ้านับเฉพาะที่พบกันในพรีเมียร์ลีก แมนฯยูเหนือกว่าบาน เพราะซิวชัยได้มากถึง 14 ครั้ง และแพ้ให้ลิเวอร์พูลแค่ 7 ครั้งเท่านั้น ที่เหลืออีก 7 ครั้ง เสมอกัน สำหรับการพบกันที่โอลด์แทรฟเฟิร์ดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนฯยูเฉือนชนะลิเวอร์พูลไปแบบเจ็บแสบ 1-0 จากประตูชัยในนาทีสุดท้ายของริโอ เฟอร์ดินานด์ แนวโน้มเกมนี้ยังเชื่อว่าแมนฯยูจะอาศัยความได้เปรียบที่เล่นในบ้านเบียดเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้หวุดหวิดเช่นเดียวกับฤดูกาลที่แล้ว
ส่วนโปรแกรมอีก 4 คู่ที่เหลือของพรีเมียร์ลีกในวันเดียวกัน ดังนี้ แบล็กเบิร์น-โบลตัน (เริ่ม 21.00 น.), มิดเดิลสโบรช์-นิวคาสเซิล (เริ่ม 21.00 น.), ทอตแนม ฮอตสเปอร์-เวสต์แฮม (เริ่ม 21.00 น.) ขณะที่คู่ปิดท้ายนั้น ?ปืนใหญ่? อาร์เซนอล จะยกพลบุกเยือนทีมน้องใหม่ เรดดิ้ง เริ่ม 22.00 น. โดยมีถ่ายทอดสดทางยูบีซีอีเอสพีเอ็น 39 เช่นกัน
ทางด้านศึกลาลีกาสเปนวันเดียวกัน ก็มีเกมซุปเปอร์ บิ๊กแมตช์ยักษ์ชนยักษ์เช่นกัน ?ราชันชุดขาว? เรอัล มาดริด ที่ฟอร์มช่วงหลังในลีกไม่ค่อยดีนัก จะเปิดรังซานติเอโก เบอร์นาบิว รับการมาเยือนของ ?เจ้าบุญทุ่ม? บาร์เซโลนา แชมป์เก่า 2 สมัยซ้อน และนำเป็นจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้ โดยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว บาร์ซาบุกมาเข่นชนะ มาดริดคาบ้านด้วยสกอร์ท่วมท้น นัดนี้ขุนพลราชันชุดขาวของกุนซือฟาบิโอ คาเปลโล จึงหวังจะล้างแค้นแชมป์เก่าให้ได้ ติดตามลุ้นการถ่ายทอดสดคู่นี้ได้ทางยูบีซีซุปเปอร์ สปอร์ตแอ็กชั่น ช่อง 36 เริ่มเวลา 02.00 น.
อนึ่ง ทางด้านศึกพรีเมียร์ลีก คู่แรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า วีแกน แอธเลติก ระเบิดฟอร์มเปรี้ยง เปิดบ้านไล่ถลุง ?เรือใบสีฟ้า? แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อับปางพังพาบถึง 4-0 โดยวีแกนได้ประตูจากเอมิล เฮสกีย์ นาที 2, ริชาร์ด ดันน์ กองหลังแมนฯซิตี้ ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 4, อองรี กามารา น.65 และหลุยส์ อันโตนิโอ บาเลนเซีย น.67 จากชัยชนะท่วมท้นนัดนี้ ทำให้วีแกนขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 13 มี 8 คะแนน จาก 8 นัด ส่วนแมนฯซิตี้ยังคงมี 9 แต้มเท่าเดิม จาก 9 นัด รั้งที่ 12
ส่วนผลคู่อื่นๆในวันเดียวกัน ?สิงโตน้ำเงินคราม? เชลซี แชมป์เก่าสองสมัยซ้อน ทะยานแซง ?ผีแดง? แมนฯยู ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงชั่วคราวแล้ว หลังเปิดบ้านขย้ำ ?ปอมปีย์? พอร์ตสมัธ 2-1 เชลซีได้ประตูในครึ่งหลังล้วนๆ จาก 2 แข้งใหม่ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ คืออังเดร เชฟเชงโก ซัดนำร่อง นาที 55 และมิชาเอล บัลลัค โหม่งปิดกล่องย้ำชัย นาที 57 ก่อนที่เบนจานี เอ็มวารูวารี จะซัดตีไข่แตกให้ปอมปีย์ นาที 69 ส่งผลให้เชลซีมีเพิ่มเป็น 22 คะแนน ปาดแซงหน้าแมนฯยูขึ้นมานำจ่าฝูง โดยมีแต้มมากกว่าผีแดง 3 คะแนน แต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด ผลคู่อื่นๆ ชาร์ลตัน เสมอ วัตฟอร์ด 0-0 และเอฟเวอร์ตัน ชนะ เชฟฯยู 2-0
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์