ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา สวมบทฮีโร่ของเหล่าพลพรรคสิงโตน้ำเงินคราม ตะบันประตูสุดสวยให้ เชลซี จัดการโค่น ยักษ์จากสเปน บาร์เซโลน่า แบบสุดมันส์ 1-0 เก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัดนำจ่าฝูงกลุ่มเอ ด้าน ?หงษ์แดง? ลิเวอร์พูล บุกไปเฉือน บอร์กโดซ์ สุดหืด 1-0 จากผลงานของ ปีเตอร์ เคร้าช์ ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน เก็บสามแต้มแรกใน ชปล.ปีนี้ได้สำเร็จหลังเบียดชนะ สปาร์ตัค มอสโก หวุดหวิด 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
<b>ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก </b>
<b>รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3</b>
<b>(เมื่อวันพุธที่ 18 ตุลาคม 2549)</b>
<b>กลุ่มเอ</b>
<b>เชลซี (อังกฤษ) 1 - บาร์เซโลน่า(สเปน) 0</b>
เชลซี มีปัญหาในตำแหน่งผู้รักษาประตู เมื่อไม่มีทั้ง ปีเตอร์ เช็ก กับ คาร์โล คูดิชินี่ ที่เจ็บทั้งคู่ นอกนั้นเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ครบ ขณะที่ บาร์ซ่า ทีมเยือน ขาด ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ กับ ซามูแอล เอโต้ ที่เจ็บ แต่ได้ คาร์เลส ปูโญล ปราการหลังกัปตันทีม ฟิตทันลงคุมแนวรับ ส่วนแดนหน้า ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ได้ลงซดทีมเก่าด้วย
เริ่มเกมขึ้นมา ทั้งสองทีมทำเกมกันได้อย่างสูสี แต่เป็น เชลซี ที่มีโอกาสก่อนในนาทีที่ 17 จากจังหวะที่ มิคาเอล เอสเซียง ไหลบอลให้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษเหน่งๆ บอลผ่านมือ บิคตอร์ บัลเดส ไปแล้ว แต่ติดบล็อค จานลูก้า ซัมบร็อตต้า ที่สกัดเอาไว้ได้จากเส้น อังเดร เชฟเชนโก้ จะซ้ำอีกครั้ง แต่ถลำไป เลยโดน ราฟาเอล มาร์เกซ ตามเสียบทั้งลูกทั้งคนออกหลัง
โอกาสงามๆ ครั้งแรกของ บาร์ซ่า เกิดขึ้นในนาทีที่ 24 ชาบี เอร์นานเดซ ไหลบอลให้ ลิโอเนล เมสซี่ หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แต่ซัดมุมแคบไม่ผ่านมือ ฮิลาริโอ
เกมดำเนินมาถึงครึ่งชั่วโมงพอดี ทีมเยือนจากสเปน น่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง เดโก้ เปิดบอลให้ ชาบี หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนล็อบบอลเข้าซ้าย แล้วซัดมุมแคบทันที แต่ ฮิลาริโอ ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดเอาไว้ได้อีก
ถัดมานาทีเดียว เจ้าบ้านได้โอกาสงามๆ บ้าง จากจังหวะที่ มิชาเอล บัลลัค ดีดบอลให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซัดจากระยะ 25 หลา โด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เชลซี ได้เตะมุม แลมพาร์ด ตักเข้ามาให้ บัลลัค เทกตัวโหม่งข้ามคานออกไปอีก จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังผ่านไปได้ 2 นาที กองเชียร์สิงโตน้ำเงินคราม ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา จับบอลแล้วพลิกเข้าเท้าขวา ก่อนซัดเร็วทันทีจากระยะ 20 หลา บอลพุ่งหนีมือ บิคตอร์ บัลเดส เสียบมุมเข้าไปอย่างหมดจด เชลซี ขึ้นนำ 1-0
จากนั้นเกมเปิดแลกกันอย่างสนุก นาทีที่ 52 บาร์ซ่า ได้ฟรีคิกระยะ 30 หลา โรนัลดินโญ่ ปั่นไปตรงตัว ฮิลาริโอ
นาทีที่ 54 เป็นโอกาสทองของเจ้าบ้านที่น่าจะได้ประตูที่ 2 จากจังหวะสวนกลับของ มิคาเอล เอสเซียง ที่ลุยขึ้นมาจากแดนตัวเองและมีเพื่อนเติมขึ้นมาทั้งซ้ายและขวา แต่พอถึงหน้าเขตโทษบาร์ซ่า กลับไม่ยอมจ่าย แล้วเลือกยิงเอง และก็ไปติดบล็อคกองหลังทีมเยือนอย่างน่าเสียดาย
ถัดมานาทีเดียว เกมรุกของ เชลซี เกือบลงล็อคอีกครั้ง เมื่อ แลมพาร์ด ปาดบอลออกให้ เชฟเชนโก้ ได้ซัดโล่งๆ แต่กลับดีดบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้ายเกม แผงหลังของเจ้าบ้านทำได้ดีไม่มีข้อผิดพลาด จนกระทั่งจบเกม เชลซี อัด บาร์เซโลน่า ไปได้ 1-0 เก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัด
<b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </b>
<b>เชลซี </b>: ฮิลาริโอ, คาลิด บูลาห์รูซ, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, มิคาเอล เอสเซียง, โคล้ด มาเกเลเล่, มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, อังเดร เชฟเชนโก้, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
<b>สำรอง</b> : เยส มา-คาลัมเบย์, โจ โคล, เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป, อาร์เย่น ร็อบเบน, เวย์น บริดจ์, เปาโล แฟร์ไรร่า, ซาโลมอน คาลู
<b>บาร์เซโลน่า</b> : บิคตอร์ บัลเดส, จานลูก้า ซัมบร็อตต้า, คาร์เลส ปูโญล, ราฟาเอล มาร์เกซ, โจวานนี่ ฟาน บร็องค์ฮอร์สท์, ชาบี เอร์นานเดซ, เอ็ดมิลสัน, เดโก้, ลิโอเนล เมสซี่, โรนัลดินโญ่, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นสัน
<b>สำรอง </b>: อัลเบิร์ต ฆอร์เกร่า, ติอาโก้ ม็อตต้า, ลูโดวิช ชูลี่, ลิลิยอง ตูราม, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, โอเลเกร์ เปรซาส, อันเดรส อิเนียสต้า
<b>กลุ่มซี</b>
<b>บอร์กโดซ์ (ฝรั่งเศส) 0 - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 1</b>
<b>สนาม : สต๊าด ฌักส์ ฌาบ็อง-เดลมาส</b>
บอร์กโดซ์ รองแชมป์ลีก เอิงเมื่อฤดูกาลที่แล้วลงเล่นในถิ่นตัวเองปะทะ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ ชิพ อังกฤษ ซึ่งนัดนี้หงส์แดงมาเยือนโดยไม่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่บาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าและเดิร์ค เค้าท์ ศูนย์หน้าทีมชาติฮอลแลนด์ที่บาดเจ็บข้อเท้า
ทางด้าน บอร์กโดซ์ ได้ แฟร์นันโด มิดฟิลด์บราซิเลียนพ้นโทษแบนกลับมา รวมถึง โยฮัน มิกูด์ เพลย์เมกเกอร์หายเจ็บลงเล่นได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลส่ง เคร็ก เบลลามี่และปีเตอร์ เคร้าช์ ประสานงานร่วมกันในแดนหน้า เบาเดอไวน์ เซนเด้นลงเล่นแทนเจอร์ราร์ด
เกมช่วง 10 นาทีแรกเกมเป็นไปอย่างสูสี นาที 13 เวนเดล ยิงฟรีคิกระยะไกล 40 หลา บอลเหินข้ามคานออกไป และอีกสี่นาทีต่อมา มาร์ค กอนซาเลซ หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่บอลไปตรงตัวอุลริช ราเม่ ผู้รักษาประตูบอร์กโดซ์
ฟร้องค์ ฌูริเย็ตติ กองหลังบอร์กโดซ์โดนใบเหลือง หลังจากทำฟาวล์ มาร์ค กอนซาเลซ ทางด้านหลังในนาที 21 และอีกสิบนาทีต่อมา หงส์แดงได้ลูกฟรีคิก ชาบี้ อลอนโซ่ ยิงฟรีคิกเต็มแรง ลิลิยอง ลาสล็องด์ กองหน้าประสบการณ์สูงของบอร์กโดซ์โหม่งสกัดให้พ้นอันตรายออกไป
นาที 35 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูนำเมื่อ เคร็ก เบลลามี่ ผ่านบอลให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ยิงโล่งๆ ที่เสาสอง บอลผ่านหน้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย โดยอีกสี่นาทีต่อมา ปีเตอร์ เคร้าช์ ได้บอลหลุดเข้าไปยิงที่เสาแรก แต่ทำพลาดเองเมื่อซัดเข้าข้างตาข่าย จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0
ในครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่เปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงสนาม นาที 49 ฌอง-โคล้ด ดาร์กเชอวิลล์ได้บอลหลุดกัปดักเช็คล้ำหน้า ก่อนจ่ายต่อให้ โยฮัน มิกูด์ ยิงไม่เข้ากรอบ และอีกสี่นาทีต่อมา เจ้าถิ่นได้ฟรีคิก แฟร์นันโด ซัดเต็มแรง โฆเซ่ มานูเอล เรน่า นายทวารหงส์แดงใช้มือชกบอลออกไปอย่างหวุดหวิด
นาที 56 หลุยส์ การ์เซีย ได้ซัดในกรอบเขตโทษ อุลริช ราเม่ นายทวารบอร์กโดซ์ล้มตัวเซฟได้ตรงเส้นประตู จนกระทั่งมาถึงนาที 57 ลิเวอร์พูลได้ประตูนำ 1-0 เคร็ก เบลลามี่ เปิดลูกเตะมุม บอลมาเข้าหัว ปีเตอร์ เคร้าช์ โหม่งกลางประตูเข้าไปอย่างสวยงาม
ริคาร์โด้ โกเมซ เทรนเนอร์บอร์กโดซ์แก้เกมทันที เปลี่ยนตัวสำรองสองคนรวดนาที 62 มารูยาน ชามัคห์ ดาวยิงโมร็อกโกและฌูเลียง โฟแบร์ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสลงมาเล่นแทน ลิลิยอง ลาสล็องด์, อเลฆานโดร อลอนโซ่ ตามลำดับ ส่วนราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลส่ง เดิร์ค เค้าท์ลงมาแทนปีเตอร์ เคร้าช์ นาที 64 และโมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ เข้ามาแทนมาร์ค กอนซาเลซ นาที 67
เวลาที่เหลืออยู่ บอร์กโดซ์ พยายามอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ บอร์กโดซ์ 1-0
<b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </b>
<b>บอร์กโดซ์</b> : อูลริช ราเม่, ฟร้องค์ ฌูริเย็ตติ, การ์ลอส เอ็นริเก้, ดาวิด เฌมมาลี่, เวนเดล, ริโอ อันโตนิโอ มาวูบ้า, อเลฮานโดร เซซ่าร์ อลอนโซ่, แฟร์นันโด เมเนกาซโซ่, โยฮัน มิกูด์, ลิลิยอง ลาสล็องด์, ฌอง-โคล้ด ดาร์กเชอวิลล์
<b>สำรอง</b> : มาติเยอ วัลแวร์กเด้, เอดิสัน เปเรีย, ฌูเลียง โฟแบร์, ปิแอร์ ดูกาสส์, โจเซฟ เอนาคาร์ฮิเร่, ฟลอริยอง มาร็องช์, มารูยาน ชามัคห์
<b>ลิเวอร์พูล </b>: โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, ซามี่ ฮูเปีย, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, หลุยส์ การ์เซีย ฆาเบียร์ ซานซ์, ชาเบียร์ อลอนโซ่ โอลาโน่, เบาเดอไวน์ เซนเด้น, มาร์ค กอนซาเลซ, ปีเตอร์ เคร้าช์, เคร็ก เบลลามี่
<b>สำรอง</b> : เจอร์ซี่ ดูเด็ค, เจอร์เมน เพนแนนท์, เดิร์ค เค้าท์, โมฮาเหม็ด ลามีน ซิสโซโก้, สตีเฟ่น วอร์น็อค, กาเบรียล ปาเล็ตต้า, ลี เปลเตียร์
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์