?สิงโตคำราม? อังกฤษ ฉลองสูตรการเล่นใหม่ สตีฟ แม็คลาเร็น ด้วยการปราชัยต่อ โครเอเชีย 0-2 เอดู อาร์โด้ โหม่งให้ ตราหมากรุก ขึ้นนำ น.60 ก่อนที่อีกลูกจะเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ แกรี่ เนวิลล์ ส่งให้อังกฤษร่วงไปอยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม ด้าน ?แชมป์โลก? อิตาลี คืนฟอร์มต้อน จอร์เจีย 3-1 ขณะที่ ฝรั่งเศส ไล่ถล่ม หมู่เกาะแฟโร 5-0 ส่วน เยอรมัน บุกไปสอย สโลวาเกีย 4-1ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 เมื่อคืนที่ผ่านมา
<b>ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008</b>
<b>(รอบคัดเลือก)</b>
<b>วันพุธที่ 11 ตุลาคม 2549 </b>
<b>กลุ่ม อี</b>
<b>โครเอเชีย 2 - อังกฤษ 0</b>
<b>สนาม : มักซิเมียร์ </b>
สลาเวน บิลิช กุนซือทีม ?ตราหมากรุก? ใช้งาน เอดูอาร์โด้ คู่กับ มลาเดน ปาทริช หัวหอกฟอร์มฮ็อต ส่วน อังกฤษ นัดนี้ สตีฟ แม็คลาเร็น เลือกใช้ระบบ 3-5-2 โดยให้ สก็อตต์ ปาร์กเกอร์ เล่นแทน สตีเว่น เจอร์ราด ที่ติดโทษแบน และส่ง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงในแดนหลังอีกคน
โครเอเชีย เปิดเกมบุกได้ดีกว่า และ นาทีที่ 7 เอดูอาร์โด้ กองหน้าเชื้อสายบราซิล ที่ได้ลงเล่นแทน อิวาน คลาสนิช ก็หลุดเข้าไปยิงทางกรอบเขตโทษด้านขวา แต่บอลเบาไป โรบินสัน รับสบาย
อังกฤษ ยังทำเกมบุกไม่ถนัด แถมยังเกือบพลาดเองอีก ในนาทีที่ 20 เมื่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ รับบอลคืนหลังแต่โดน มลาเดน ปาทริช ดักเหลี่ยมเบียดเอาบอลไปได้ เลยต้องคว้าเอาไว้ โดนใบเหลืองไปตามระเบียบ
โครเอเชีย น่าได้ประตูอย่างที่สุด ในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ มิลาน ราปายิช เปิดบอลจากฝั่งขวา บอลแฉลบ คาร์ราเกอร์ มาเข้าทาง นิโก้ ครานจ์การ์ ล้มตัวยิงด้วยขวา แต่พอล โรบินสัน กลับปัดไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เลยยังไม่ได้ประตูนำ
ก่อนที่อีก 3 นาทีถัดมา ครานจ์การ์ คนเดิมมีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ ราปายิช ได้บอลหลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนหักเข้ากลางมาหน้าประตู บอลเลยมาถึง ครานจ์การ์ แปด้วยขวาเน้นๆ แต่ไปตรงตัว โรบินสัน อีกตามเคย
ทั้งสองทีมต่างระมัดระวังกันเต็มที่ ทำให้เกมค่อนข้างอึดอัด นาทีที่ 40 ราปายิช ลากตัดจากฝั่งขวา ก่อนยิงด้วยซ้ายข้างถนัด แต่บอลก็ลอยโด่งออกไปไกล จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มครึ่งหลังมา โครเอเชีย ก็มีโอกาสทันที จากลูกเตะมุม ในนาทีที่ 48 ราปายิช เปิดมากลางประตู กองหลังอังกฤษเข้าสกัดไม่โดน มลาเดน ปาทริช ตั้งหัวโหม่งคนเดียวโล่งๆ แต่ โรบินสัน ผวาปักข้ามคานออกไป
อังกฤษ ชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย ในนาทีที่ 54 เมื่อ ปีเตอร์ เคร้าช์ วางยาวมาให้ เวย์น รูนี่ย์ แตะบอลได้ก่อนกองหลังโครเอเชีย แล้วยิงด้วยขวาเต็มข้อ บอลผ่านมือ เปลติโคซ่า ไปแล้ว แต่ก็ลอยข้ามคานออกไปแค่คืบ
และแล้ว โครเอเชีย ก็มาได้ประตูจนได้ ในนาทีที่ 60 จากจังหวะที่ นิโก้ โควัช ลากไปเปิดด้วยซ้ายเข้ามากลางประตู จอห์น เทอร์รี่ กับ แอชลี่ย์ โคล เข้าสกัดไม่ถึง บอลเลยมาถึง เอดูอาร์โด้ ตั้งหัวโหม่งลูกย้อยเสียบคานเข้าไป เป็นประตูขึ้นนำ 1-0
อังกฤษ พยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่ แต่กลายเป็นว่าต้องมาเสียประตูที่สองแบบเหลือเชื่อ ในนาทีที่ 68 เมื่อแกรี่ เนวิลล์ รับบอลคืนหลังมา ก่อนส่งคืนต่อให้ พอล โรบินสัน จะเตะเปิดยาว แต่กลายเป็นว่า ลูกกลับไปกระดอนพื้นสนามข้ามฝ่าเท้า โรบินสัน ก่อนจะกลิ้งเข้าประตูไปแบบนิ่มๆ เล่นเอากองเชียร์ ?สิงโตคำราม? ช็อกทั้งสนาม เป็นประตูนำ 2-0 ของเจ้าถิ่น
หลังจากนั้น สตีฟ แม็คลาเรน เปลี่ยนเอา เจอร์เมน เดโฟ, คีแรน ริชาร์ดสัน และ ฌอน ไรท์-ฟิลิปส์ ลงมาทีเดียว 3 คนรวด แต่ก็ทำอะไร โครเอเชียไม่ได้ จบเกม โครเอเชียเก็บสามคะแนนด้วยการเอาชนะ อังกฤษ แบบสบายๆ 2-0
<b>รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม </b>
<b>โครเอเชีย</b>: สติเป้ เปลติโกซ่า - เวดราน คอร์ลูก้า, ดาริโอ ซิมิช, โรเบิร์ต โควัช, โจซิป ซิมูนิช - นิโก้ ครานจ์การ์, นิโก้ โควัช, ลูก้า โมดริช, มิลาน ราปายิช - เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา, มลาเดน เปตริช
<b>สำรอง</b>: เวดราน รุนเย่, มาร์โก บาบิช, บอสโก้ บาลาบัน, ดาริโอ คเนเซวิช, เยอร์โก้ เลโก้, เซริช, อิวาน คลาสนิช
<b>อังกฤษ</b>: พอล โรบินสัน - เจมี่ คาร์ราเกอร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น เทอร์รี่ - แกรี่ เนวิลล์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, สกอตต์ ปาร์คเกอร์, แอชลีย์ โคล - ปีเตอร์ เคร้าช์, เวย์น รูนีย์
<b>สำรอง</b>: ฟิล เนวิลล์, คริส เคิร์กแลนด์, คีแรน ริชาร์ดสัน, เจอร์เมน จีนาส, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เจอร์เมน เดโฟ, ดาร์เรน เบนท์
<b>กลุ่มบี</b>
<b>จอร์เจีย 1 - อิตาลี 3</b>
ทีมชาติอิตาลี บุกมาเยือนถิ่นของ จอร์เจีย ที่ทบิลิซี่ ในยูโร 2008 รอบคัดเลือก ซึ่งบรรดานักเตะอัซซูร์รี่ ต่างต้องการคว้าชัยชนะให้ได้ เพื่อเก็บแต้มให้มากขึ้น
เกมนี้ อิตาลี ไม่มี เจนนาโร่ กัตตูโซ่ มิดฟิลด์ตัวหลักติดโทษแบน โดยเป็นซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า ที่หายเจ็บลงเล่นแทน ขณะที่ ลูก้า โทนี่, อันโตนิโอ ดิ นาตาลี ประสานงานร่วมกันในแดนหน้า ขณะที่ จอร์เจีย มีคาค่า คาลัดเซ่, ซูรับ คิซานิชวิลี่ นำทีม
ครึ่งแรก นาทีที่ 18 อิตาลีได้ประตูนำ 1-0 เมื่อ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ แผลงฤทธิ์ยิงระยะไกล 30 หลาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ชนิดที่ จอร์จี้ โลมาเอีย นายทวารจอร์เจียหมดสิทธิ์เซฟ
อย่างไรก็ตาม จอร์เจียตามตีเสมอเป็น 1-1 นาที 26 ดาวิด คเวียร์กเวเลีย ขึ้นโหม่งไปติด จานลุยจิ บุฟฟ่อน ผู้รักษาประตูปัดบอลไปเข้าทาง จอร์จี้ ชาเชชวิลี่ วอลเล่ย์จากกรอบเขตโทษตุงตาข่าย จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1
มาถึงครึ่งหลัง จอร์เจียเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อยาบา คานคาวา โดนใบแดงนาที 60 และสามนาทีต่อมา อิตาลีขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จานลูก้า ซามบร็อตต้า โยนบอลให้ เมาโร คาโมราเนซี่ โหม่งเข้าประตูไป
จากนั้น อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ โยนบอลจากฝั่งซ้ายให้ ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า สังหารให้อิตาลีนำห่าง 3-1 นาที 71 หมดเวลาการแข่งขัน อิตาลี บุกมาต้อน จอร์เจีย 3-1
มาถึงครึ่งหลัง จอร์เจียเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อยาบา คานคาวา โดนใบแดงนาที 60 และสามนาทีต่อมา อิตาลีขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จานลูก้า ซามบร็อตต้า โยนบอลให้ เมาโร คาโมราเนซี่ โหม่งเข้าประตูไป
จากนั้น อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ โยนบอลจากฝั่งซ้ายให้ ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า สังหารให้อิตาลีนำห่าง 3-1 นาที 71 หมดเวลาการแข่งขัน อิตาลี บุกมาต้อน จอร์เจีย 3-1
<b>รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม </b>
<b>จอร์เจีย</b> : จอร์จี้ โลมาเอีย - โอตาร์ คิซานิชวิลี่, คาค่า คาลัดเซ่ (กัปตันทีม), ซูรับ คิซานิชวิลี่, จอร์จี้ ชาเชชวิลี่ - ซูรับ เมนเตชาชวิลี่, ยาบา คานคาวา, เลวาน สคิติชวิลี่, ดาวิด คเวียร์กเวเลีย - โอตาร์ มาร์ตสวาล้าดเซ่, มิคาอิล แอชเวเทีย
<b>อิตาลี </b>: จานลุยจิ บุฟฟ่อน - มัสซิโม่ อ็อดโด้, อเลสซานโดร เนสต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, จานลูก้า ซามบร็อตต้า - อันเดรีย ปีร์โล่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เมาโร คาโมราเนซี่, ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า - ลูก้า โทนี่, อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่
<b>กลุ่ม จี</b>
<b>ฮอลแลนด์ 2 - อัลบาเนีย 1</b>
ฮอลแลนด์ เปิดสนาม อัมส์เตอร์ดัม อารีน่า พบกับ อัลบาเนีย โดยเจ้าบ้านไม่มี เดิร์ค ไคท์ ที่เจ็บข้อเท้า ทำให้ ไรอัน บาเบล ได้โอกาสลงเล่นในแดนหน้าแทน ส่วนแดนกลางได้ ไนเจล เดอ ย็อง ฟิตทันลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนไม่มีปัญหาในการจัดทัพ ส่งคู่หัวหอกร่างใหญ่ เอริออน บ็อกดานี่ กับ อิ๊กลี่ ตาเร่ ลงเล่น
เปิดฉากครึ่งแรกเป็น อัศวินสีส้ม ที่บุกอย่างหนักตามฟอร์ม กระทั่งนาทีที่ 15 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ยอริส มาไธจ์เซ่น โหม่งตั้งให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 5 ใน 5 เกมที่ลงเล่นให้ทีมชาติ ของกองหน้าจากสโมสร อาร์เซน่อล อีกด้วย
ถึงนาทีที่ 23 ขุนพลดัตช์ น่าจะได้ประตูที่ 2 หนีห่างด้วย แดนนี่ ลันด์ซาต ได้บอลหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษแล้ว แต่ดันซัดเหินข้ามคานออกไป
ฮอลแลนด์ ยังพลาดจังหวะทำประตูที่ 2 อีกครั้งในนาทีที่ 38 ไรอัน บาเบล หลุดเข้าเขตโทษอีกครั้ง แต่ซัดด้วยเท้าขวาเหินข้ามคานออกไปอีกคน
อย่างไรก็ดี ก่อนจบครึ่งแรก 3 นาที ดัตช์ ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จนได้ จากจังหวะที่ ฟาน เพอร์ซี่ หักบอลเข้ากลางประตู และเป็น เนวิล เดเด้ สกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป จบครึ่งแรก ฮอลแลนด์ นำ 2-0
ครึ่งหลัง ฮอลแลนด์ เริ่มเล่นแผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยให้ อัลบาเนีย มีโอกาสลุ้นทำประตูตีไข่แตกหลายจังหวะ
กระทั่งนาทีที่ 67 อัลบาเนีย ก็มาได้ประตูตีไข่แตกเป็น 1-2 สำเร็จ เอริออน บ็อกดานี่ ผ่านบอลอย่างสุดสวยออกทางกราบขวาให้ เดบาติค เคอร์รี่ ซัดเรียดผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ เสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังเสียประตูเจ้าบ้านก็ยังตั้งเกมไม่ติด ปล่อยให้ทีมเยือนบุกเข้าใส่เกือบตลอด จนกระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน ฮอลแลนด์ เฉือนเอาชนะ อัลบาเนีย ไปได้หวุดหวิด 2-1
<b>รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม</b>
<b>ฮอลแลนด์</b> : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, คาลิด บูลาห์รูซ, อังเดร ออยเยอร์, ยอริส มาไธจ์เซ่น, โจวานนี่ ฟาน บร็องค์ฮอร์สท์, แดนนี่ ลันด์ซาต, ไนเจล เดอ ย็อง, เวสลี่ย์ ชไนจ์เดอร์, อาร์เย่น ร็อบเบน, ไรอัน บาเบล, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
<b>อัลบาเนีย</b> : อาร์ยาน เบกาจ, อาร์เมนด์ ดัลล์คู, เบสนิค ฮาซี่, เนวิล เดเด้, อาเดรียน อาเลียจ์, อัลติน ลาล่า, เดบาติค เคอร์รี่, เออร์วิน สเคล่า, อัลติน ฮาซี่, เอริออน บ็อกดานี่, อิ๊กลี่ ตาเร่
<b>กลุ่ม บี.</b>
<b>ฝรั่งเศส 5 - หมู่เกาะแฟโร 0</b>
ทีมชาติฝรั่งเศส ลงเล่นในบ้านพบ หมู่เกาะแฟโร บ๊วยกลุ่มบี ซึ่งเรย์มงด์ โดเมเน็ค เทรนเนอร์หวังลูกทีมเลส์ เบลอส์ รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 คว้าชัยให้ได้ หลังจากพวกเขาพลิกล็อคแพ้ สกอตแลนด์ 0-1 ที่กลาสโกว์เมื่อวันเสาร์ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
นัดนี้ ฝรั่งเศส สามารถส่ง วิลเลี่ยม กัลลาส ลงสนามหลังจากหายเจ็บ ขณะที่ ฌูเลียง เอสกูเด้ ก็ลงเล่นเช่นกัน ส่วนหลุยส์ ซาฮา กองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดผ่านความฟิตลงเล่นได้คู่กับเธียร์รี่ อองรี โดยก่อนเตะ ทุกคนในสนามพร้อมใจกันยืนสงบนิ่ง 1 นาทีไว้อาลัยให้กับผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์เครื่องบินของหมู่เกาะแฟโรตก
ครึ่งแรก เพียงนาทีแรกเท่านั้น ฝรั่งเศสได้ประตูนำ 1-0 วิลลี่ ซาญอล ผ่านบอลให้ เธียร์รี่ อองรี ชิ่งต่อไปที่เสาสองให้ หลุยส์ ซาฮา สังหารตุงตาข่าย และนาที 22 ฝรั่งเศสนำห่างเป็น 2-0 เมื่อหลุยส์ ซาฮาเปิดบอลให้ วิลลี่ ซาญอล ที่อยู่ตรงเสาสอง ชิ่งต่อให้ เธียร์รี่ อองรี ยิงเข้าไป นับเป็นประตูที่ 38 ของอองรี ในการติดทีมชาติฝรั่งเศสเป็นนัดที่ 90 จบครึ่งแรก ฝรั่งเศสนำ 2-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง นาที 55 เฌเรมี่ ตูลาล็องยิงด้วยเท้าซ้ายในจังหวะแรก ยาคุป มิคเคลเซ่น ผู้รักษาประตูหมู่เกาะแฟโรเซฟไว้ได้ แต่ยังไม่พ้นอันตราย เธียร์รี่ อองรี ยิงซ้ำตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสิน โซริน คอร์โปเดอัน ของโรมาเนียไม่ให้ได้ประตู เนื่องจากล้ำหน้า
และแล้วนาที 76 เลส์ เบลอส์หนีไปอีกเป็น 3-0 ฟลอร็องต์ มาลูด้า เปิดลูกเตะมุม ดาวิด เทรเซเก้ต์ โหม่งให้ นิโกล่าส์ อเนลก้า ตัวสำรองยิงที่เสาสองเข้าประตูไป และนาทีต่อมา ฝรั่งเศสนำห่าง 4-0 วิลลี่ ซาญอล จ่ายบอลให้ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ซัดที่เสาแรกตุงตาข่าย
จากนั้นนาที 84 ตราไก่นำห่างเป็น 5-0 ฟลอร็องต์ มาลูด้า ยิงก่อนจังหวะแรก ยาคุป มิคเคลเซ่น นายทวารทีมเยือนปัดบอลมาเข้าทาง ดาวิด เทรเซเก้ต์ ยิงซ้ำเข้าไป นับเป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ จบเกม ฝรั่งเศส ขยี้ หมู่เกาะแฟโร 5-0
<b>รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม </b>
<b>ฝรั่งเศส</b> : มิกกาแอล ล็องโดร้ - วิลลี่ ซาญอล, วิลเลี่ยม กัลลาส, ลิลิยอง ตูราม, ฌูเลียง เอสกูเด้ - ฟร้องค์ ริเบรี่, เฌเรมี่ ตูลาล็อง, ปาทริค วิเอร่า (กัปตันทีม), ฟลอร็องต์ มาลูด้า - หลุยส์ ซาฮา, เธียร์รี่ อองรี
<b>สำรอง</b> : ฌอง-อแล็ง บูมซง, ฟร็องซัวส์ แกลร์ก, อาลู ดิยาร์ร่า, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดาวิด เทรเซเก้ต์, ซิลแว็ง วิลตอร์
<b>หมู่เกาะแฟโร </b>: ยาคุป มิคเคลเซ่น - ว้ากเนอร์ มอร์เทนเซ่น, อั๊ตลี่ ดาเนียลเซ่น, มาร์นี่ เยอร์ฮุส, ซิมุน ซามูเอลเซ่น - ร็อกวี่ ยาค็อบเซ่น, โฟรดี้ เบนยามินเซ่น, มิคค์ยาล โธมาสเซ่น, เปาลี่ แฮนเซ่น - ยาคุป อา บอร์ก, คริสเตียน ฮ็อกนี่ ยาค็อบเซ่น
<b>สำรอง</b> : ไมน์ฮาร์ดท์ ยอนเซ่น (ผู้รักษาประตู), เฮอร์เบิร์ต ลอน ยาค็อบเซ่น, ยานุส ยอนเซ่น, ราสมุส โนลโซ, คารี่ นีลเซ่น, ยอนฮาร์ด เฟเดริคส์เบิร์ก, อาร์นยอร์น แฮนเซ่น
<b>กลุ่ม ดี</b>
<b>สโลวาเกีย 1 - เยอรมัน 4</b>
เยอรมัน บุกมาเยือนถิ่นของ สโลวาเกีย ในการสู้ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 รอบคัดเลือก โดยเจ้าถิ่นมีโรเบิร์ต วิทเท็ค, มาเร็ค มินทาลเป็นแกนหลัก ส่วนอินทรีเหล็กส่ง มิชาเอล บัลลัค, มิโรสลาฟ โคลเซ่, ลูคัส โพดอลสกี้ นำทีม
ครึ่งแรก นาที 13 เยอรมันได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ โยนบอลจากทางปีกขวาให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ซัดตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 21 ของเขาในการเล่นให้ทีมชาติเยอรมันเป็นนัดที่ 37
เยอรมันยังเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่องนำห่างเป็น 2-0 นาที 25 เมื่อฟิลิปป์ ลาห์ม โยนบอลอย่างแม่นยำ
จากทางกราบซ้ายให้ มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีมโหม่งตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 34 ของเขาในทีมชาติ
ในช่วงท้ายครึ่งแรก เยอรมันนำห่างออกไปอีกเป็น 3-0 นาที 36 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยิงจากกรอบเขตโทษเข้าไป จบครึ่งแรก เยอรมันนำห่าง 3-0
อย่างไรก็ตาม สโลวาเกียตีไข่แตกไล่ตามหลังมาที่สกอร์ 1-3 จากลูกยิงของ สตานิสลาฟ วาร์ก้า นาที 58 โดยเกมต่อจากนั้นเจ้าถิ่นมีโอกาสมากขึ้น แต่ไม่สามารถยิงเพิ่มได้
มิหนำซ้ำนาที 72 เยอรมันหนีไปอีกเป็น 4-1 มิโรสลาฟ โคลเซ่ ผ่านบอลให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ยิงตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ จบเกม เยอรมัน บุกมาต้อน สโลวาเกีย 4-1
<b>รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม </b>
<b>สโลวาเกีย </b>: คามิล คอนโตฟอลสกี้ - ปีเตอร์ เปตราส, แยน ดูริก้า, สตานิสลาฟ วาร์ก้า, มาร์ติน สเคอร์เตล - มิโรสลาฟ คาร์ฮาน, แยน โคซัค, มาร์ติน เปตราส, ดูซาน สเวนโต้ - มาเร์ค มินทาล, โรเบิร์ต วิทเท็ค
<b>เยอรมัน</b> : เยนส์ เลห์มันน์ - อาร์เน่ ฟรีดริช, เคลเมนส์ ฟริตซ์, มานูเอล ฟรีดริช, ฟิลิปป์ ลาห์ม - แบร์นด์ ชไนเดอร์, มิชาเอล บัลลัค, ทอร์สเท่น ฟริงก์ส, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ - มิโรสลาฟ โคลเซ่, ลูคัส โพดอลสกี้
<b>กลุ่ม บี.</b>
<b>ยูเครน 2 - สกอตแลนด์ 0</b>
ที่ เอ็นเอสซี โอลิมปิสกี สเตเดี้ยม ในเคียฟ เป็นเกมยูโร 2008 รอบคัดเลือก กลุ่มบี ระหว่าง ยูเครน กับ สกอตแลนด์ จ่าฝูงซึ่งเก็บชัยชนะมาติดต่อกันสามนัดรวด
เกมนี้ เจ้าถิ่นได้รับข่าวดีเมื่อ อังเดร เชฟเชนโก้ กองหน้าจาก เชลซี หายป่วยกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้อีกครั้ง ขณะที่นักเตะตาร์ตันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยให้ ร็อบบี้ นีลสัน จาก ฮาร์ทส์ ลงเล่นแทนตำแหน่งของ คริสเตียน เดลลี่ ที่เจ็บ เช่นเดียวกับแดนหน้าที่ เคนนี่ มิลเลอร์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
เจ้าถิ่นเริ่มต้นได้สวย เมื่อ เชฟเชนโก้ ลากลุยขึ้นทางขวาก่อนตัดเข้าในแล้วตัดสินใจซัดเรียดแฉลบผู้เล่นสกอตแลนด์ออกหลังเป็นเตะมุมตั้งแต่นาทีที่ 5 แต่ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ที่ถอยไปช่วยเกมรับก็โหม่งสกัดลูกคอร์เนอร์พ้นอันตรายออกมาได้
นักเตะตาร์ตันต้องงัดลูกหนักออกมาใช้หยุดเกมของยูเครนตลอด นาทีที่ 11 เจมส์ แม็คฟาดเดน ก็โดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม จนติดโทษแบนในเกมนัดถัดไปกับจอร์เจียโดยปริยาย
นานๆครั้ง สกอตแลนด์จะมีโอกาสบุกแต่ก็ได้ลุ้นเหมือนกันในนาทีที่ 15 เมื่อ พอล ฮาร์ทลีย์ ตัดสินใจแทงให้ เฟลทเชอร์ ได้หลุดไปเปิดบอลจากริมเส้น แต่บอลยังไปไม่ถึง มิลเลอร์ ก็ถูกกองหลังยูเครนสกัดทิ้งออกมาได้ก่อน
ผ่านมาถึงนาทีที่ 22 เฟลทเชอร์ ก็รับใบเหลืองไปอีกรายจากการโวยผู้ตัดสิน และจะติดโทษแบนในเกมกับจอร์เจียเช่นเดียวกับ แม็คฟาดเดน
ท้ายครึ่งแรกในนาทีที่ 37 โอเล็ก กูเซฟ พยายามเข้าไปโวยผู้ตัดสินเพื่อเอาจุดโทษหลังเบียดกับ เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ จนล้มลงในเขต แต่ มาร์ติน ฮานส์สัน เชิ้ตดำชาวสวีเดนโบกมือให้เล่นต่อไป จากนั้นอีกสามนาที อังเดร โวโรนิน ก็ได้โอกาสซัดมุมแคบบอลทำท่าจะพุ่งเสียบเข้าทางเสาใกล้อยู่แล้ว แต่ เคร็ก กอร์ดอน นายทวารสกอตต์ก็ยังพุ่งไปปัดไว้ได้อีก หมด 45 นาที สกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
ครึ่งหลัง ยูเครน โหมบุกหนักตั้งแต่ต้นหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้ นาทีที่ 48 เชฟเชนโก้ ก็เกือบมีชื่อเป็นผู้ทำสกอร์ เมื่อได้หลุดเข้าไปโยกหลอก กอร์ดอน แต่จังหวะสุดท้ายกลับซัดไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย จากนั้นอีกสองนาที หัวหอกเชลซีก็พลาดโอกาสทองไปอีกครั้ง เมื่อได้เทกตัวขึ้นโหม่งโล่งๆคนเดียวหลุดกรอบไป
กระทั่งนาทีที่ 60 ความพยายามของ ยูเครน ก็เป็นผล เมื่อ เชฟเชนโก้ ตัดสินใจตะบันฟรีคิกแฉลบไปเข้าทางปืน โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ ซัดในเขตโทษตุงตาข่ายเป็น 1-0
อีกสามนาทีถัดมา สกอตแลนด์ เกือบสังเวยประตูที่สองเหมือนกัน เมื่อ เชฟเชนโก้ มีโอกาสซัดเหน่งๆบีบให้ กอร์ดอน ต้องออกแรงปัดไว้ในจังหวะแรก ก่อนจะได้กองหลังมาช่วยหวดสกัดพ้นอันตรายไปได้ ก่อนมีใครตามเข้ามาซ้ำดาบสอง
ทีมเยือนเกือบลุ้นตีเสมอได้เหมือนกันในนาทีที่ 66 เมื่อ มิลเลอร์ เจตนาครอสบอลไปที่หน้าประตู แต่บอลลอยโค้งเข้าหากรอบก่อนพุ่งชนคานกระดอนออกมา
ช่วงเวลาที่เหลือ ยูเครน หันมาเล่นเกมโต้กลับตามถนัด เปิดโอกาสให้สกอตแลนด์ได้ครองบอลมากขึ้น แต่ก็หาช่องเจาะเข้าไปทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก
เกมทำท่าว่าจะจบเพียงเท่านี้แต่แล้วนาทีที่ 90 ยูเครนก็มาได้ลูกจุดโทษ แล้วก็เป็น อังเดร เชฟเชนโก้ ที่รับหน้าที่สังหารไม่พลาด
หมดเวลา ยูเครน ชนะไป 2-0 ยัดเยียดความปราชัยให้กับสกอตแลนด์เป็นครั้งแรกในรอบสี่นัด
<b>รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม </b>
<b>ยูเครน</b>: โอเล็กซานเดอร์ ชอฟคอฟสกี้ - อังเดร เนสมาชนี, วยาเชสลาฟ ซวิเดอร์สกี้, โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์, อังเดร รูโซล, อนาโตลี ติมอสชุค, โอเลก เชลาเยฟ, โอเลก กูเซฟ, มักซิม คาลินิเชนโก้, อังเดร เชฟเชนโก้, อังเดร โวโรนิน
<b>สำรอง</b>: บอกดาน ชูสท์, บอกดาน เชอร์ชุน, โอเล็กซานเดอร์ ไรคุน, อาร์เตม มิเลฟสกี้, อังเดร โวโรเบ, เซอร์เก นาซาเรนโก้, โอเล็กเซ กาย
<b>สกอตแลนด์</b>: เคร็ก กอร์ดอน - ร็อบบี้ นีลสัน, เดวิด เวียร์, สตีเว่น เพรสลีย์, เกรแฮม อเล็กซานเดอร์, แกรี่ คาลด์เวลล์, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, พอล ฮาร์ทลีย์, เคนนี่ มิลเลอร์, เจมส์ แม็คฟาดเดน
<b>สำรอง</b>: นีล อเล็กซานเดอร์, สตีเฟ่น แม็คมานัส, คริส บอยด์, ลี แม็คคัลล็อค, แกรี่ ทีล, สกอตต์ เซเวริน, สกอตต์ บราวน์
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์