แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

?ในหลวง? เสด็จฯกลับแล้ว พักฟื้นพระตำหนักจิตรลดาฯ ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : ?ในหลวง? เสด็จฯกลับแล้ว พักฟื้นพระตำหนักจิตรลดาฯ
หนูรักในหลวง - นักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง มาร่วมลงนามถวายพระพรในหลวง

<dd>?หงส์แดง? ลิเวอร์พูล ทำแฟนใจเสีย นำก่อน3-0 ก่อนโดนไล่2ลูกรวด สุดท้ายเฉือนชนะ กาลาซาตาลาย หวิว 3-2 ขณะที่ ?สิงโตน้ำเงินคราม? เชลซี ฟอร์มยังเจ๋งบุกอัด เลฟสกี้ โซเฟีย สบาย3-1 เก็บสามแต้มนำฝูงเดี่ยว เนื่องจากอีกคู่ แวร์เดอร์ เบรเมน เปิดบ้าน เสมอ บาร์เซโลน่า ไป1-1 แบ่งไปทีมละแต้ม ส่วน อินเตอร์ มิลาน สุดบู่ โดน บาเยิร์น มิวนิค บุกเผาเครื่องคาบ้าน 0-2 แพ้รวด2นัดแล้ว ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อคืนวันพุธที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา </dd>

<dd><b>ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก</b></dd>
<dd><b>กลุ่มซี</b></dd>
<dd><b>ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 3 - กาลาตาซาราย (ตุรกี) 2</b></dd>

<dd>ลิเวอร์พูล ทีมดังจากพรีเมียร์ ชิพ อังกฤษ เปิดบ้านพบ กาลาตาซาราย จากตุรกี โดยเกมนี้ หงส์แดงส่ง เดิร์ค เค้าท์กับปีเตอร์ เคร้าช์ เป็นตัวหลักแดนหน้า ส่วนผู้มาเยือนนำโดย ฮาคาน ซูเคอร์ กัปตันทีมและริโกแบร์ ซง </dd>

<dd>ในครึ่งแรก เกมผ่านไปแค่ 5 นาที หงส์แดงเกือบได้ประตูออกนำ เมื่อปีเตอร์ เคร้าช์ เปิดบอลให้ หลุยส์ การ์เซีย ยิงด้วยเท้าขวาระยะ 25 หลา บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ ฟาริด มอนดรากอน ผู้รักษาประตูเซฟไว้ได้ </dd>

<dd>นาทีที่ 9 ลิเวอร์พูลได้ประตูนำ 1-0 ฟาบิโอ ออเรลิโอ โยนบอลจากทางฝั่งซ้ายเข้ามาให้ปีเตอร์ เคร้าช์ ยิงระยะ 6 หลาเข้าประตูไป และนาทีถัดมา หงส์แดงเกือบได้ประตูที่ 2 เมื่อ ฟาบิโอ ออเรลิโอ เลี้ยงตัดจากทางฝั่งซ้าย ก่อนซัดบริเวณกรอบเขตโทษ บอลไปตรงตัว ฟาริด มอนดรากอน</dd>

<dd>แต่ความพยายามของลิเวอร์พูลเป็นผลเมื่อนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 14 จากการที่กองหลังกาลาตาซาราย เคลียร์บอลไม่ดี บอลมาเข้าทางเจอร์เมน เพนแนนท์ เปิดข้ามมายังเสาสอง ให้หลุยส์ การ์เซีย โหม่งตุงตาข่าย</dd>

<dd>กาลาตาซารายเกือบได้ประตูตีไข่แตก นาทีที่ 24 ซิฮาน ฮาสโปลาตลี่ ได้บอลหลุดขึ้นไปทางฝั่งขวา ก่อนยิงเต็มแรง แต่ เรน่า ใช้ขาบล็อกลูกออกไปได้ทันเวลา </dd>

<dd>ท้ายเกมครึ่งแรก นาที 39 สตีเว่น เจอร์ราร์ด กระชากบอลจากกลางสนามก่อนซัดเต็มข้อด้วยเท้าขวาระยะไกล 30 หลา แต่ ฟาริด มอนดรากอน เซฟได้เยี่ยม จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0</dd>

<dd>เข้าสู่ครึ่งหลัง กาลาตาซารายเปลี่ยนผู้เล่นสำรอง 2 ราย ฮาซาน ซาสและอูมิต คาราน ลงมาเล่นแทน ซิฮาน กับ เมห์เม็ต โทปาล ตามลำดับ ตั้งแต่นาที 46 </dd>

<dd>ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำห่างเป็น 3-0 นาที 52 เจอร์เมน เพนแน้นท์ พาบอลมาทางกราบขวาก่อนโยนอย่างแม่นยำให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ จักรยานอากาศเข้าไปอย่างสวยงาม </dd>

<dd>อย่างไรก็ตาม กาลาตาซารายมาตีไข่แตกไล่ตามหลังมาที่สกอร์ 1-3 นาที 59 อาร์ด้า ตูรานโยนบอลให้ อูมิต คาราน ตัวสำรองโหม่งตุงตาข่าย จากนั้นนาที 65 กาลาตาซารายไล่ตามหลังมาเป็น 2-3 ซาบรี้ ซาริโอกลู เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ อูมิต คาราน โหม่งเข้าประตูไป นับเป็นประตูที่สองของเขาในเกมนี้ </dd>

<dd>เวลาที่เหลืออยู่ ผู้มาเยือนพยายามตีเสมอให้ได้ แต่ไม่สำเร็จ จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ กาลาตาซาราย 3-2</dd>

<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </b></dd>
<dd><b>ลิเวอร์พูล</b> : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล อั๊กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เจอร์เมน เพนแนนท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาเบียร์ อลอนโซ่ โอลาโน่, หลุยส์ การ์เซีย ฆาเบียร์ ซานซ์, เคิร์ค เค้าท์, ปีเตอร์ เคร้าช์ </dd>
<dd><b>สำรอง </b>: เจอร์ซี่ ดูเด็ค, ซามี่ ฮูเปีย, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, มาร์ค กอนซาเลซ, เคร็ก เบลลามี่, โมฮาเหม็ด ลามีน ซิสโซโก้, เบาเดอไวน์ เซนเด้น </dd>
<dd><b>กาลาตาซาราย</b> : ฟาริด มอนดรากอน, ซิฮาน ฮัสโปลัตลิ, ริโกแบร์ ซง, สเตปัน โทมัส, ออร์ฮาน อั๊ค, อายฮาน อั๊คมาน, เมห์เม็ต โทปาล, ซาบรี ซาริโอกลู, ซาซ่า อิลิช, อาร์ด้า ตูราน, ฮาคาน ซูเคอร์ </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : เฟฟซี่ เอลมาส, โอคาน บูรุค, ฮาซาน ซาส, มาร์เซโล่ อาเดรียน การ์รุสก้า, เอ็มเร่ อาซิค, ฮาซาน คับเซ่, อูมิต คาราน </dd>

<dd><b>กลุ่มเอ</b></dd>
<dd><b>เลฟสกี้ โซเฟีย (บัลแกเรีย) 1 - เชลซี (อังกฤษ) 3</b></dd>

<dd>เลฟสกี้ เปิดบ้าน วาสซิล เลฟสกี้ เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ในเมือง โซเฟีย ต้อนรับ เชลซี ทีมยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ โดยเจ้าบ้านได้ ลูซิโอ ว้ากเนอร์ พ้นโทษแบนกลับมาประจำการทางแบ็กซ้ายอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันชวดใช้งาน จอร์จี้ อิวานอฟ กองหน้าตัวเก่งที่เจ็บ เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ทำให้ ฮริสโต้ โยวอฟ ต้องรับบทกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียว</dd>

<dd>ด้าน ?สิงโตน้ำเงินคราม? ได้ข่าวดีเมื่อ จอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังกัปตันทีม ฟิตทันลงสนามได้ จากอาการบาดเจ็บที่หลังก่อนหน้านี้ ขณะที่ เวย์น บริดจ์ และ จอห์น โอบี มิเกล ได้รับโอกาสลงเล่นแทน แอชลี่ย์ โคล และ โคล้ด มาเกเลเล่ ทั้งคู่</dd>

<dd>เริ่มเกมขึ้นมา เชลซี ได้โอกาสทักทายก่อนจากลูกยิงไกลของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่บอลเหินข้ามคานออกไป</dd>

<dd>เลฟสกี้ ก็เปิดเกมสู้ได้ดีเช่นกัน และเกือบช็อกทีมเยือนตั้งแต่นาทีที่ 9 ฮริสโต้ โยวอฟ โถมเข้าโหม่งเต็มศีรษะ แต่ ปีเตอร์ เช็ก เซฟเอาไว้ได้</dd>

<dd>โอกาสทองของ เชลซี มาถึงในนาทีที่ 15 ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ลากบอลหาช่องในเขตโทษ ก่อนสับไกไปชนคานอย่างจัง</dd>

<dd>ทีมเยือนจากอังกฤษ พลาดโอกาสที่จะขึ้นนำอีกครั้งในอีก 6 นาทีต่อมา มิชาเอล บัลลัค ตั้งป้อมสับไกจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งติดไซด์ก้อย แต่ จอร์จี้ เพ็ตคอฟ พุ่งปัดได้ปลายนิ้ว ก่อนที่จะเด้งชนเสากระดอนออกมาอีกครั้ง</dd>

<dd>เจ้าบ้านได้โอกาสทองในนาทีที่ 31 จากลูกฟรีคิกระยะ 20 หลาหน้าเขตโทษที่ มิชาเอล เอสเซียง ไปทำฟาวล์ใส่ เซดริก บาร์กดง และเป็น ฮริสโต้ โยวอฟ รับหน้าที่ปั่นโค้งข้ามกำแพงจะเสียบมุมประตูอยู่แล้ว แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังเหินกายปัดออกหลังไปได้</dd>

<dd>ในที่สุดประตูแรกของเกมก็เกิดขึ้นจนได้ในนาทีที่ 39 และเป็นของ เชลซี ผู้มาเยือน จากจังหวะที่ จอห์น โอบี มิเกล กึ่งยิงกึ่งผ่านจากกราบขวาเข้ามา จอร์จี้ เพ็ตคอฟ พุ่งปัดเอาไว้ได้ แต่กลายเป็นเข้าทาง ดร็อกบา ซ้ำจ่อๆ แค่ 3 หลาไม่เหลือ ส่ง เชลซี ขึ้นนำ 1-0</dd>

<dd>แต่ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที เลฟสกี้ น่าจะตีเสมอได้อย่างที่สุด จากลูกโยนทางกราบขวามาให้ เซดริก บาร์กดง โหม่งเหน่งๆ ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก เชลซี นำ 1-0</dd>

<dd>ครึ่งหลัง เชลซี บุกก่อนและได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 เพียงแค่นาทีที่ 52 จากจังหวะเปิดบอลของ เวย์น บริดจ์ มาให้ ดร็อกบา คนเดิม ดึงบอลลงในเขตโทษได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม</dd>

<dd>หลังเสียประตูที่ 2 เกมของ เลฟสกี้ ก็แผ่วลงไป และแทบจะไม่มีจังหวะลุ้นทำประตูเลยด้วยซ้ำ ผิดกับ เชลซี ที่ยังเน้นเกมรุกอยู่ โดยส่ง ซาโลมง กาลู ลงมาแทน จอห์น โอบี มิเกล ในนาทีที่ 63
เจ้าบ้านแก้เกมด้วยเช่นกันในอีก 3 นาทีต่อมา โดยส่ง จอร์จี้ อิวานอฟ ลงมาเล่นเกมรุกแทน ดิมิตาร์ เทลคีย์สกี้</dd>

<dd>แต่เกมบุกของ เชลซี ยังคงโหมกระหน่ำเป็นพายุ กระทั่งนาทีที่ 68 ก็มาได้ประตูหนีห่างไปอีกเป็น 3-0 จากจังหวะที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลองส่องจากนอกเขตโทษฝั่งขวา ดร็อกบา แหย่เท้าจิ้มบอลเปลี่ยนทางเสียบเสาแรกเข้าไป หมดสิทธิ์ที่ เพ็ตคอฟ จะป้องกัน </dd>

<dd>ก่อนหมดเวลา1นาที เจ้าบ้านมาได้ประตูตีไข่แตก ปลอบใจจาก มาร์ยาน อ็อกยานอฟ แต่ก็ทำได้แค่นั้น หมดเวลา เชลซี จึงบุกมาเอาชนะไป 3-1 เก็บสามแต้ม นำเป็นจ่าฝูงเดียวแล้ว</dd>

<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </b></dd>
<dd><b>เลฟสกี้ โซเฟีย </b>: จอร์จี้ เพ็ตคอฟ, เซียฟโก้ มิลานอฟ, อิกอร์ โทมาซิช, เอลิน โทปูซาคอฟ, ลูซิโอ ว้ากเนอร์, ดาเนี่ยล โบริมิรอฟ, ริชาร์ด เอโรม็อกเบ้, ดิมิตาร์ เทลคีย์สกี้, เซดริก บาร์กดง, สตานิสลาฟ อังเจลอฟ, ฮริสโต้ โยวอฟ </dd>
<dd><b>สำรอง </b>: นิโคไล มิไฮลอฟ, โบริสลาฟ ฮริสตอฟ, เวเซลิน มิเนฟ, มิโรสลาฟ อิวานอฟ, มิลาน โคปริวารอฟ, มาร์ยาน อ็อกยานอฟ, จอร์จี้ อิวานอฟ </dd>
<dd><b>เชลซี </b>: ปีเตอร์ เช็ก, เปาโล แฟร์ไรร่า, ริคาร์โด คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, เวย์น บริดจ์, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, อังเดร เชฟเชนโก้ </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : ฮิลาริโอ, คาลิด บูลาห์รูซ, แอชลี่ย์ โคล, โคล้ด มาเกเลเล่, อาร์เย่น ร็อบเบน, ซาโลมง กาลู, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ </dd>

<dd><b>แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) 1 - บาร์เซโลน่า (สเปน) 1</b></dd>

<dd>?เจ้านกนางนวล? ของเยอรมัน เปิดสนาม เวเซอร์สตาดิโอน รับมือแชมป์เก่า บาร์เซโลน่า จากสเปน โดยเกมนี้เจ้าบ้านได้ข่าวดีเมื่อทั้ง ดิเอโก้ และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ผ่านความฟิตลงสนามได้ ขณะที่ อิวาน คลาสนิช ถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง และให้ อารอน ฮันท์ กองหน้าดาวรุ่ง รับโอกาสแทน</dd>

<dd>ด้าน ?เจ้าบุญทุ่ม? ถือว่าสมบูรณ์พร้อม อันเดรส อิเนียสต้า ซึ่งยิงประตูได้ในลีกเกมที่แล้ว เบียด ชาบี เอร์นานเดซ หลุดไปเป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับ ลูโดวิช ชูลี่ ที่เบียด ลิโอเนล เมสซี่ ลงยืนสามประสานในแดนหน้าร่วมกับ โรนัลดินโญ่ และ ซามูแอล เอโต้</dd>

<dd>เริ่มเกมขึ้นมา เบรเมน ครองเกมได้ไม่เป็นรองทีมเยือน และน่าจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 9 อีกด้วย จากจังหวะเปิดบอลจากกราบซ้ายของ อารอน ฮันท์ โอเลเกร์ เปรซาส สกัดบอลไม่ถึง ทอร์สเท่น ฟริงกส์ เลยตวัดวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายทันทีจากระยะ 15 หลา บอลเฉี่ยวโคนเสาออกไปหวุดหวิด</dd>

<dd>จากนั้น บาร์ซ่า เริ่มตั้งเกมบุกได้ และได้เสียวเช่นกันในนาทีที่ 18 ซามูแอล เอโต้ รับบอลจาก โรนัลดินโญ่ หลุดทะลุเข้าไปดวลกับ ทิม วีเซ่ แล้ว แต่จังหวะสุดท้ายดันเงื้อง่าราคาแพง ทำให้กองหลังเจ้าถิ่น ตามมาบังเอาไว้ได้ ก่อนจะพลิกวนไปวนมาและหมดโอกาสยิงไปในที่สุด</dd>

<dd>เกมของทั้งสองทีมยังสูสี ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเหนือกว่า แต่โอกาสงามๆ ก็เป็นของ บาร์เซโลน่า อีกครั้งในนาทีที่ 34 ลูโดวิช ชูลี่ ไดจังหวะหลุดเข้าไปส่องด้วยเท้าขวาเต็มๆ บอลพุ่งไปตรงตัว ทิม วีเซ่ แต่ต้องชกทิ้งออกมา จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0</dd>

<dd>ครึ่งหลัง เบรเมน ทำเกมบุกได้ดีกว่า และน่าจะได้ประตูในนาทีที่ 50 ดิเอโก้ เปิดเตะมุมมาให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เทกตัวโหม่งตรงเสาสอง แต่บอลเด้งหลุดเสาแรกออกไป</dd>

<dd>เวลาผ่านมาถึงนาทีที่ 56 กองเชียร์นกนางนวลก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ อารอน ฮันท์ ตวัดบอลจากกราบซ้ายเข้าไปหน้าประตู คาร์เลส ปูโญล แหย่เท้าสกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป เบรเมน ขึ้นนำ 1-0</dd>

<dd>เจ้าบ้านยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ และเกือบจะได้ประตูที่ 2 หนีห่างด้วยซ้ำในนาทีที่ 65 ทิม โบรอฟสกี้ ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนตวัดยิงด้วยเท้าซ้ายหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว</dd>

<dd>นาทีต่อมา บาร์ซ่า ต้องแก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัว 2 คนรวด โดยส่ง ลิโอเนล เมสซี่ กับ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ลงมาเล่นแทน ลูโดวิช ชูลี่ กับ ซามูแอล เอโต้</dd>

<dd>ช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกม ไอ้หนูเมสซี่ ก็แผลงฤทธิ์เมื่อลากบอลหลบแผงหลังเจ้าถิ่นเข้าไปในเขตโทษแล้ว แต่ซัดด้วยเท้าซ้ายไปตรงตัว ทิม วีเซ่ ที่เซฟเอาไว้ได้</dd>

<dd>เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่น แต่แล้วเจ้าหนู ลิโอเนล เมสซี่ ก็สำแดงเดชซัดประตูตีเสมอได้สำเร็จนาทีที่89 และก็เป็นประตูต่อชีวิตให้บาร์ซ่า บุกมาเสมอ เบรเมนได้อย่างหวุดหวิด1-1 แบ่งไปทีมละแต้ม</dd>

<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </b></dd>
<dd><b>แวร์เดอร์ เบรเมน </b>: ทิม วีเซ่, คลีเมนต์ ฟริตซ์, เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์, นัลโด้, คริสเตียน ชูลซ์, แฟร้งค์ เบามันน์, ทิม โบรอฟสกี้, ทอร์สเท่น ฟริงก์ส, ดิเอโก้, มิโรสลาฟ โคลเซ่, อารอน ฮันท์ </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : อันเดรียส ไรน์เค่, แพทริค โอโวโมเยล่า, เปตรี้ ปาซาเน่น, ปิแอร์ โวเม่, ยูริก้า วรันเยส, โมฮาเหม็ด ซีดาน, อิวาน คลาสนิช </dd>
<dd><b>บาร์เซโลน่า </b>: บิคตอร์ บัลเดส, โอเลเกร์ เปรซาส, ลิลิยอง ตูราม, การ์เลส ปูโยล, ซิลวินโญ่, ติอาโก้ ม็อตต้า, อันเดรส อิเนียสต้า, เดโก้ ซูซ่า, ลูโดวิช ชูลี่, โรนัลดินโญ่, ซามูแอล เอโต้ </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : อัลเบิร์ต จอร์เกร่า, ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ, โฮเซ่ เอ็ดมิลสัน, จานลูก้า ซามบร็อตต้า, ชาบี เอร์นานเดซ, ลิโอเนล เมสซี่, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น </dd>

<dd><b>กลุ่มบี</b></dd>
<dd><b>อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 0 - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 2</b></dd>

<dd>?งูใหญ่? อินเตอร์ มิลาน จ่าฝูงกัลโช่ เซเรีย อา. ยามนี้ ต้องการสามคะแนนสถานเดียว ในการเปิดบ้านรับ บาเยิร์น มิวนิค จากเยอรมัน ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากเกมแรกไปพลาดท่าปราชัยให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน มา โดยนัดนี้เจ้าถิ่นไม่มี ปาทริค วิเอร่า ที่ติดโทษแบน ส่วนคู่หน้าให้ เฮอร์นัน เครสโป หัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่า ลงมาล่าตาข่ายร่วมกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ขณะที่ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ กัปตันทีมลงเล่นเป็นนัดที่ 500 ให้กับอินเตอร์ มิลาน ด้วย </dd>

<dd>ทางด้านของ?เสือใต้? บาเยิร์น มิวนิค ใช้งาน เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ดาวยิงทีมชาติเปรู ลงมายืนหัวหอกร่วมกับ รอย มาคาย กองหน้าชาวดัตซ์ ทำให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ต้องนั่งเป็นตัวสำรอง นอกนั้นเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ทั้งสิ้น </dd>

<dd>เปิดฉากครึ่งแรกมาได้ 8 นาที บาเยิร์น มิวนิค เล่นได้ดีกว่า รอย มาคาย เพชรฆาตสังหารประตูชาวดัตซ์ กดเต็มหลังเท้า แต่บอลไม่ตรงกรอบ</dd>

<dd>จากนั้น 4 นาที โอกาสของเจ้าบ้านบ้าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าชาวสวีดิช ตะบันตรงกรอบ แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ โอลิเวอร์ คาห์น นายทวารจอมเก๋าของบาเยิร์น มิวนิค นาทีต่อมา เดยัน สแตนโควิช มิดฟิลด์ตัวเก่ง ได้ลองปืนบ้าง แต่บอลหลุดกรอบออกไป </dd>

<dd>ถึงนาทีที่ 22 เกมพลิกกลับมาเป็น รอย มาคาย ได้สับไกบอลตรงกรอบเล่นเอา ชูลิโอ เซซ่าร์ นายทวารชาวบราซิเลี่ยนของ อินเตอร์ มิลาน ต้องปัดออกหลังไป </dd>

<dd>สองนาทีต่อมาโอกาสของเสือใต้อีกเมื่อ อันเดรียส์ อ็อตเทิล ได้ลองส่องด้วยขวา บอลไปตรงตัว ชูลิโอ เซซ่าร์ อีกครั้ง เกมสูสีกันมาก ผ่านมา 35 นาที อันเดรียส์ อ็อตเทิล ของพี่เสือโดนใบเหลืองไปเป็นคนแรก หลังจากไปทำฟาวล์ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ </dd>

<dd>นาทีที่ 39 อินเตอร์ มิลาน ได้ฟรีคิกระยะอันตราย ฟาบิโอ กรอสโซ่ รับหน้าที่สังหารยิงโค้งเข้ากรอบ แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ โอลิเวอร์ คาห์น นายทวารเสือเฒ่าของทีมเยือน </dd>

<dd>นาทีถัดมา วิลลี่ ซาญอล แบ็คขวาทีมชาติฝรั่งเศสของ บาเยิร์น มิวนิค ปะทะกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเน็ตต์ จากอังกฤษ ให้ใบเหลืองทั้งคู่ </dd>

<dd>ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เลื้อยเข้าไปยิงแต่บอลไม่ตรงกรอบ จนครบ 45 นาทีแรก เสมอกันไปก่อนแบบโนสกอร์ 0-0 </dd>

<dd>มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง ได้ 2 นาที บาเยิร์น ยังเล่นได้ดี อันเดรียส์ อ็อตเทิล ยิงไปติดบล็อคกองหลังของเจ้าบ้าน จากนั้นเกมแลกกันสนุก นาทีที่ 54 เดยัน สแตนโควิช ยิงไปโดนบล็อคกองหลังของทีมเยือนเช่นกัน </dd>

<dd>นาทีถัดมา เสือใต้ได้ลุ้นอีกครั้ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมันของบาเยิร์น ซัดตรงกรอบ เล่นเอา ชูลิโอ เซซ่าร์ นายทวารงูใหญ่ ต้องออกแรงเซฟ </dd>

<dd>ผ่านมาถึงนาทีที่ 58 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงชาวสวีเดนของอินเตอร์ มิลาน ไปย่ำใส่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กองกลางทีมเยือน ผู้ตัดสินไม่ลังเลชักใบเหลืองที่สองให้ ซลาตัน กลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไป ทำให้งูใหญ่เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 10 ราย เท่านั้น </dd>

<dd>จากนั้น 2 นาที อินเตอร์ ได้ลุ้นอีกครั้ง เฮอร์นัน เครสโป กองหน้าตัวเก่งยิงไปตรงตัว โอลิเวอร์ คาห์น นายทวารของบาเยิร์น มิวนิค </dd>

<dd>จวบจนนาทีที่ 63 รอย มาคาย กองหน้าชาวดัตซ์ของเสือใต้ หาเหลี่ยมกระหน่ำยิง ยังไม่ผ่านการเซฟของ เซซ่าร์ นายทวารอินเตอร์ มิลาน</dd>

<dd>เจ้าถิ่นขึ้นมาบ้าง ฟาบิโอ กรอสโซ่ แบ็คซ้ายเติมเข้ามายิง แต่ว่าติดการเซฟของ โอลิเวอร์ คาห์น นายทวารของบาเยิร์น ในนาทีที่ 69 </dd>

<dd>แต่แล้วเจ้าถิ่นก็เงียบกริบกันทั้งสนามเมื่อ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ยิงประตูให้ทีมเสือใต้ ขึ้นนำ 1-0 แถมเจ้าถิ่นยังออกอาการเป๋อีก เมื่อ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ไปชักศอกใส่ วิลลี่ ซาญอล ผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ออกไปอีกคน</dd>

<dd>นาทีสุดท้าย บาเยิร์น ได้ประตูตอกฝาโลง งูใหญ่ อีกหนึ่งลูกจากผลงานของ ลูคัส โพดอลสกี้ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ใช้โอกาสจากจังหวะที่ อิวาน คอร์โดบ้า ส่งคืนหลังพลาด หมดเวลา ทีมเสือใต้ จึงบุกมาอัด อินเตอร์ พังคาบ้าน 2-0 </dd>

<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </b></dd>
<dd><b>อินเตอร์ มิลาน</b> : ฮูลิโอ เซซ่าร์, ดั๊กลาส ไมค่อน, อิวาน คอร์โดบ้า, มาร์โก มาเตราซซี่, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เดยัน สแตนโควิช, โอลิวิเย่ร์ ดากูร์, หลุยส์ ฟิโก้, ฟาบิโอ กรอสโซ่, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, เอร์นาน เครสโป </dd>
<dd><b>สำรอง </b>: ฟรานเชสโก้ ตอลโด้, นิโกลาส บูร์ดิสโซ่, แม็กซ์เวลล์, ซานติอาโก้ โซลารี่, มาร์โก อันเดรโอลลี่, มาเรียโน่ กอนซาเลซ, อาเดรียโน่ </dd>
<dd><b>บาเยิร์น มิวนิค </b>: โอลิเวอร์ คาห์น, วิลลี่ ซาญอล, ลูซิโอ, ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, ฟิลิปป์ ลาห์ม, ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช, อันเดรียส อ็อตเทิ่ล, มาร์ค ฟาน บอมเมล, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, รอย มาคาย, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : มิชาเอล เรนซิ่ง, มาร์ติน เดมิเคลิส, เมห์เม็ต โชล, อาลี คาริมี่, ฮูลิโอ ดอส ซานโต๊ส, ลูคัส โพดอลสกี้, โรเก้ ซานตา ครูซ </dd>

<dd><b>สรุปผลการแข่งขัน</b></dd>
<dd><b>กลุ่มเอ </b></dd>
<dd>? แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) เสมอ บาร์เซโลน่า (สเปน) 1-1 </dd>
<dd>? เลฟสกี้ โซเฟีย (บัลแกเรีย) แพ้ เชลซี (อังกฤษ) 1-3 </dd>
<dd><b>กลุ่มบี</b></dd>
<dd>? สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย) เสมอ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส) 1-1 </dd>
<dd>? อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) แพ้ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 0-2 </dd>
<dd><b>กลุ่มซี </b></dd>
<dd>? บอร์กโดซ์ (ฝรั่งเศส) แพ้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (เนเธอร์แลนด์) 0-1 </dd>
<dd>? ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) ชนะ กาลาตาซาราย (ตุรกี) 3-2 </dd>
<dd><b>กลุ่มดี </b></dd>
<dd>? ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) เสมอ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 2-2 </dd>
<dd>? บาเลนเซีย (สเปน) ชนะ โรม่า (อิตาลี) 2-1 </dd>

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215