<dd>?ปีศาจแดง? แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมจากเกาะอังกฤษ ประเดิมสามคะแนนในรอบแบ่งกลุ่มแบบสุดหืด เมื่อเปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือนชนะ กลาสโกว์ เซลติก จากสกอตแลนด์ 3-2 ขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่มเอฟ ด้าน รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากลา ลีกา พลาดท่าโดน โอลิมปิก ลียง แชมป์ลีก เอิง 5 ปีซ้อน ต้อนยับ 2-0 ขณะที่ อาร์เซนอล สมศักดิ์ศรีรองแชมป์เก่า หลังเบียดชนะ ฮัมบูร์ก 2-1 ส่วน เอซี มิลาน ถล่ม เออีเค เอเธนส์ 3-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก </dd>
<dd><b>ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก</b></dd>
<dd><b>(รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก)</b></dd>
<dd><b>ฤดูกาล 2006/07 </b></dd>
<dd><b>วันพุธที่ 13 กันยายน 2549</b></dd>
<dd><b>(กลุ่ม เอฟ)</b></dd>
<dd><b>แมนฯ ยูไนเต็ด 3 - กลาสโกว์ เซลติก 2</b></dd>
<dd>แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ กลาสโกว์ เซลติก ทีมดังของสกอตแลนด์ โดยเกมนี้ ?ปีศาจแดง? ได้ พอล สโคลส์ กับ เวย์น รูนี่ย์ กลับคืนทีมอีกครั้ง หลังจากที่ติดโทษแบนจากเกมลีก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ติดโทษแบนมาจากฤดูกาลที่แล้ว</dd>
<dd>ส่วนทีมเยือนอัดแดนกลางแน่นถึง 5 คน และให้ ยาน เฟนเนกอร์ ออฟ เฮสเซลิงก์ ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า </dd>
<dd>เปิดฉากขึ้นมา แมนฯ ยูไนเต็ด เดินเกมรุกบุกเข้าใส่ก่อน และเกือบได้ประตูตั้งแต่นาทีที่ 5 เมื่อ แกรี่ เนวิลล์ เปิดบอลให้ หลุยส์ ซาฮา โหม่งเฉี่ยวเสาสองออกไปนิดเดียว </dd>
<dd>ถึงนาทีที่ 9 ซาฮา ก็ต้องเสียเลือดไปเป็นคนแรก เนื่องจากไปโดนศอกของ สตีเฟ่น แม็คมานัส ในจังหวะขึ้นโหม่ง </dd>
<dd>ปีศาจแดง ยังไม่เปิดโอกาสให้ทีมเยือนได้ตั้งหลัก โดยนาทีที่ 18 แกรี่ คัลด์เวลล์ กองหลังทีมเยือนโหม่งสกัดไม่ขาด ซาฮา เอี้ยวตัววอลเล่ย์ข้ามคานออกไปอย่างฉิวเฉียด </dd>
<dd>แต่สถานการณ์กลับพลิกผันในนาทีที่ 21 เมื่อ อาร์เทอร์ โบรุค เตะสาดยาวขึ้นมาจากหน้าประตูตัวเอง ริโอ เฟอร์ดินานด์ เข้าสกัดบอลพลาด ปล่อยให้ ยาน เฟนเนกอร์ ออฟ เฮสเซลิงก์ ซัดด้วยเท้าซ้ายผ่านมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปไม่เหลือ เซลติก ขึ้นนำ 1-0 </dd>
<dd>เจ้าถิ่นตั้งเกมลุยหนักทันที โดยอีก 4 นาทีต่อมา พอล สโคลล์ ได้ลากเข้ามากดด้วยเท้าขวาจากระยะ 25 หลา แต่บอลแฉลบเท้ากองหลังเซลติกออกไปอีกครั้ง </dd>
<dd>อย่างไรก็ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 30 เมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วถูก โบรุค สะกิดล้มลง เสียทั้งจุดโทษและใบเหลืองในจังหวะนี้ และเป็น หลุยส์ ซาฮา รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปไม่พลาด ตีเสมอให้ผีแดงเป็น 1-1 </dd>
<dd>ผ่านไปอีก 2 นาที เจ้าบ้านก็ต้องเปลี่ยนตัวคนแรก โดยส่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ลงมาแทน กิ๊กส์ ที่ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว </dd>
<dd>เกือบเป็นเซลติกที่ขึ้นนำได้อีกครั้งในนาทีที่ 37 จากลูกฟรีคิกของ ชุนซึเกะ นากามูระ แผงหลังแมนยูเช็กล้ำหน้าพลาด ปล่อยให้ เฮสเซลิงค์ โหม่งคนเดียวโล่งๆ แต่ไปตรงตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ อย่างน่าเสียดาย </dd>
<dd>และแล้วปีศาจแดงก็ฉวยโอกาสทำประตูขึ้นนำเป็น 2-1 ได้สำเร็จในนาทีที่ 40 จากจังหวะที่ ไมเคิ่ล คาร์ริค สกัดบอลได้กลางสนาม ก่อนจ่ายต่อให้ สโคลส์ แทงบอลทะลุช่องให้ ซาฮา คนเดิม ซัดลอดขา โบรุค เข้าไป </dd>
<dd>ทว่าก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที ทีมเยือนก็ตามตีเสมอเป็น 2-2 จนได้ เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกในระยะ 25 หลา ซึ่ง นากามูระ รับหน้าที่ปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายข้ามกำแพงเสียบตาข่ายเข้าไปนิ่มๆ ชนิดที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไม่ต้องขยับ จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอกับ เซลติก 2-2 </dd>
<dd>กลับมาเล่นครึ่งหลังได้เพียง 2 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ขึ้นนำได้อีกครั้งเป็น 3-2 จากความผิดพลาดของ โธมัส กราเวอเซ่น ที่จ่ายบอลไปเข้าทาง สโคลส์ ดื้อๆ ทำให้ สโคลส์ จ้ายต่อให้ ซาฮา หลุดเข้าไปซัดบอลเหน่งๆ ติดเซฟของ โบรุค เข้าทาง ซาฮา อีกครั้งซ้ำไม่ดี แต่ยังไปเข้าทาง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตัวสำรอง ตามเข้ามาซัดจ่อๆ เข้าไปไม่เหลือ </dd>
<dd>ถึงนาทีที่ 52 เซลติก ต้องเปลี่ยนเอา พอล เทลเฟอร์ ลงมาเล่นแบ็กขวาแทน มาร์ค วิลสัน </dd>
<dd>ถัดมา 3 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูหนีห่าง เมื่อ ซาฮา ลากหาช่องก่อนกดเต็มๆ ด้วยเท้าขวาจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปอย่างหวาดเสียว </dd>
<dd>นาทีที่ 69 ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังปีศาจแดง เติมขึ้นมาเปิดจากกราบขวาให้ เวย์น รูนี่ย์ พุ่งชาร์จจ่อๆ แต่โดนไม่เต็มเท้า บอลเลยหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย </dd>
<dd>ให้หลังไปอีก 2 นาที รูนี่ย์ แย่งบอลจากผู้เล่นทีมเยือนได้ ก่อนควบบอลหลุดเข้าเขตโทษอีกครั้ง แต่ซัดไม่ผ่านมือ โบรุค อีกเช่นเดิม </dd>
<dd>ช่วงท้าย ปีศาจแดง หาจังหวะหวาดเสียวได้พอสมควร แต่ไม่อาจเจาะประตูเพิ่มได้ จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ กลาสโกว์ เซลติก ไปหวุดหวิด 3-2 </dd>
<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม</b> </dd>
<dd><b>แมนฯ ยูไนเต็ด</b> : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เวส บราวน์, มิกาเอล ซิลแวสต์, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, พอล สโคลส์, เวย์น รูนี่ย์, หลุยส์ ซาฮา </dd>
<dd><b>สำรอง </b>: โทมาสซ์ คุสซัค, ปาทริค เอวร่า, อลัน สมิธ, เนมันย่า วิดิช, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, จอห์น โอเชีย, คีแรน ริชาร์ดสัน </dd>
<dd><b>กลาสโกว์ เซลติก </b>: อาเทอร์ โบรุค, ลี เนย์เลอร์, แกรี่ คัลด์เวลล์, มาร์ค วิลสัน, สตีเฟ่น แม็คมานัส, นีล เลนน่อน, ยิรี่ ยาโรชิค, โธมัส กราเวอเซ่น, ไอเดน แม็คเกรดี้, ชุนซึเกะ นากามูระ, ยาน เฟนเนกอร์ ออฟ ฮัสเซลลิงก์ </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : เดวิด มาร์แชลล์, พอล เทลเฟอร์, โบโบ้ บัลเด้, มาซีจ ซูราฟสกี้, เคนนี่ มิลเลอร์, ซาโน่ อีแวนเดอร์, ฌอน มาโลนี่ย์ </dd>
<dd><b>(กลุ่ม อี)</b></dd>
<dd><b>โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) 2 - รีล มาดริด (สเปน) 0</b></dd>
<dd><b>สนาม : สต๊าด เดอ แชร์กล็องด์</b> </dd>
<dd>โอลิมปิก ลียง แชมป์ลีก เอิง 5 ปีซ้อนเปิดบ้านปะทะ รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากลา ลีกา ในบิ๊กแมตช์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี. ซึ่งราชันชุดชาวหวังล้างแค้นให้ได้ เพราะเคยแพ้ลียงที่นี่ถึง 0-3 ในรอบแบ่งกลุ่มเมื่อฤดูกาลที่แล้ว </dd>
<dd>เชราร์ อุลลิเย่ร์ เทรนเนอร์ลียงส่ง จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลที่มีลูกยิงฟรีคิก เป็นอาวุธประจำตัวนำทีมแดนกลางเคียงข้าง ติอาโก้ เมนเดส, เฌเรมี่ ตูลาล็อง ขณะที่ เฟร็ด หัวหอกทีมชาติบราซิลลงตัวจริง หลังจากที่ ยอห์น คาริว สตาร์นอร์เวย์บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา ส่วนรีล มาดริดนำทีมโดย รุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงฮอลแลนด์ที่ทำแฮตทริคจัดการคนเดียว 3 ประตูในเกมที่บุกต้อน เลบานเต้ 4-1 ในลา ลีกา เมื่อสุดสัปดาห์ พร้อมกับมี เดวิด เบ๊คแฮม, ราอูล กอนซาเลซ กัปตันทีม นำเกมรุก และ มาอามาดู ดิยาร์ร่า มิดฟิลด์ทีมชาติมาลีเจอทีมเก่า ลียง หลังย้ายสโมสรในซัมเมอร์นี้ด้วยค่าตัวมหาศาล 26 ล้านยูโร </dd>
<dd>ครึ่งแรกนาทีที่ 6 เท่านั้น ลียง ทักทายก่อนทันที จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ กัปตันทีมยิงฟรีคิกระยะไกล อีเคร์ กาซิยาส นายทวารรีล มาดริดพุ่งตัวปัดออกไปอย่างหวุดหวิด </dd>
<dd>จนกระทั่งนาที 11 โอลิมปิก ลียงได้ประตูนำ 1-0 จูนินโญ่ จ่ายบอลอย่างแม่นยำจากตรงกลางสนามให้ เฟร็ด ชิพบอลข้ามตัว กาซิยาส เข้าประตูไป และอีกสามนาทีต่อมา เจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้ง จูนินโญ่ เปิดลูกเตะมุมให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า โหม่ง ทว่า กาซิยาส เซฟได้อย่างหวุดหวิด </dd>
<dd>รีล มาดริดมีลุ้นในจังหวะที่ เดวิด เบ็คแฮ่มเปิดฟรีคิกไปที่เสาสอง ในนาที 20 ซิซินโญ่ กำลังจะรับบอล แต่กองหลังลียงเตะทิ้งให้พ้นอันตรายออกไปก่อน</dd>
<dd>ลียงยังบุกน่ากลัว และมาได้ประตูนำห่าง 2-0 นาที 31 ฟลอร็องต์ มาลูด้า จ่ายบอลให้ เฟร็ด ชิ่งต่อไปให้ ซิดเน่ย์ โกวูไม่รอช้า ผ่านบอลให้ ติอาโก้ เมนเดส ยิงผ่านอีเคร์ กาซิยาส เข้าไป </dd>
<dd>เวลาที่เหลืออยู่ในครึ่งแรก เกมรุกของราชันชุดขาวยังแผลงฤทธิ์ไม่ออก เจอเจ้าถิ่นบุกกดดันอย่างหนัก นาที 40 เฟร็ด ฉีกตัวหนีกองหลังรีล มาดริด ก่อนเปิดให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ซัลโวชนคานอย่างจัง และนาที 46 จูนินโญ่ ยิงฟรีคิกมีลุ้นอีกแล้ว โดยกาซิยาส ต้องพุ่งตัวเซฟได้อย่างหวุดหวิด จบครึ่งแรกลียงนำ 2-0 </dd>
<dd>เข้าสู่ครึ่งหลัง รีล มาดริด ส่ง โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ลงมาเล่นแทน อันโตนิโอ คัสซาโน่ นาที 46 ก่อนที่ โฆเซ่ มาเรีย กูตี ลงสนามแทน เดวิด เบ็คแฮ่มนาที 54 </dd>
<dd>นาที 57 ลียงได้ฟรีคิก และก็เป็น จูนินโญ่ สังหารข้ามคานหวุดหวิด จากนั้น ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กองหลังราชันชุดขาวโดนใบเหลือง หลังจากเข้าเสียบ ฟลอร็องต์ มาลูด้า นาที 60 </dd>
<dd>รีล มาดริด แก้เกมอีกครั้ง ส่ง โรบินโญ่ ลงมาเล่นแทนราอูล นาที 68 ส่วนเชราร์ อุลลิเย่ร์ เทรนเนอร์เจ้าถิ่นเปลี่ยนเอา จูนินโญ่ ออก ส่ง คิม คัลล์สตรอม มิดฟิลด์สวีเดนลงสนามนาที 72</dd>
<dd>ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทีมแชมป์ลีก เอิง 5 ปีซ้อนสามารถรักษาสกอร์ที่นำอยู่ไว้ได้ จบเกม โอลิมปิก ลียง ชนะ รีล มาดริด 2-0 </dd>
<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม</b> </dd>
<dd><b>โอลิมปิก ลียง</b> : เกรกอรี่ กูเป้ต์, คริส, ปาทริค มูลแลร์, อองโตนี่ ราเวลแยร์, เอริค อบิดัล, เฌเรมี่ ตูลาลง, ติอาโก้ เมนเดส, จูนินโญ่ แปร์นัมบูร์กาโน่, ซิดนี่ย์ โกวู, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, เฟร็ด </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : เนมี่ แวร์กูต์, ฟร็องซัว แกลร์ก, คิม คัลล์สตรอม, อาลู ดิยาร์ร่า, คาริม เบนเซม่า, ซิลแว็ง วิลตอร์, เซบาสเตียน สกิลลาชี่ </dd>
<dd><b>รีล มาดริด</b> : อิเคร์ กาซิยาส, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ซิซินโญ่, เซร์คิโอ รามอส, ฟาบิโอ คันนาวาดร่, มาอามาดู ดิยาร์ร่า, เอเมอร์สัน, เดวิด เบ็คแฮม, อันโตนิโอ คาสซาโน่, ราอูล กอนซาเลซ, รุด ฟาน นิสเตลรอย </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : ดิเอโก้ โลเปซ, โรบินโญ่, กูตี, ราอูล บราโบ, โฮเซ่ อันโตนิโอ เรเยส, อัลบาโร่ เมฆิอา, ฆาบี การ์เซีย </dd>
<dd><b>(กลุ่ม จี)</b></dd>
<dd><b>ฮัมบูร์ก(เยอรมัน) 1 - อาร์เซนอล (อังกฤษ) 2</b></dd>
<dd><b>สนาม- เอโอแอล อารีน่า </b></dd>
<dd>?สิงห์เหนือ? ฮัมบูร์ก ให้ ดานิเยล ลูโบย่า ดาวยิงตัวใหม่ที่ได้มาจากสตุ๊ตการ์ท ลงมาล่าตาข่ายเป็นตัวจริงร่วมกับ บูบาการ์ ซาโนโก้ โดยมี ดาวิด ยาโรลิม มิดฟิลด์ชาวเชก ลงมาปั้นเกมแดนกลางร่วมกับ ปิอ็อตร์ โตรชอฟสกี้ และ ไนเจล เดอ ยอง </dd>
<dd>ทางด้าน?ไอ้ปืนใหญ่? อาร์เซนอล ปราศจาก เธียร์รี่ อองรี กองหน้าตัวฉกาจทีมชาติฝรั่งเศส มีอาการบาดเจ็บเท้า ชวดลงสนาม ทำให้ต้องพึ่งฝีเท้าของ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงมาล่าตาข่ายร่วมกับ โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ แทน พร้อมให้ โทมัส โรซิคกี้ ร่ายเกมรุกในแดนกลาง</dd>
<dd>ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้ 2 นาที ฮัมบูร์ก ได้ลุ้นก่อนเมื่อ ราฟาเอล วิคกี้ ยิงฟรีคิกระยะ 30 หลา ไปชนกำแพงกระดอนออกมา </dd>
<dd>อาร์เซนอล พยายามเน้นการขึ้นเกมทาง เชสก์ ฟาเบรกาส และ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ก่อนจ่ายทะลุให้ วิลเลี่ยม กัลลาส ยิงสูงเกินไป </dd>
<dd>ผ่านมา 5 นาที เกมเปิดแลกกัน ทั้งสองทีมต้องการทำสกอร์กันให้ได้ จากนั้น สิงห์เหนือ มีลุ้นบ้างในนาทีที่ 7 เมื่อ ดานิเยล ลูโบย่า ยิงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น </dd>
<dd>นาทีที่ 8 ดาวิด ยาโรลิม มิดฟิลด์ชาวเชก มาโดน กิลแบร์โต้ ซิลวา กองกลางตัวรับทีมชาติบราซิล เข้าทำฟาวล์ทางกราบซ้าย ทำให้ ฮัมบูร์ก ได้เตะฟรีคิก แต่หวดไปติดกำแพง </dd>
<dd>ถัดมา 2 นาที สิงห์เหนือ ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 ราย หลังจาก ซาสช่า เคียร์ชสไตน์ นายทวารของฮัมบูร์ก ไปทำฟาวล์ โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ย์ กองหน้าชาวดัตซ์ ในจังหวะหลุดเข้าไปทำประตู ซึ่งผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษแล้วไล่ เคียร์ชสไตน์ ออกไปด้วย ทำให้ ฮัมบูร์ก ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นส่ง สเตฟาน วัคเตอร์ ลงไปเฝ้าเสาแทน จากลูกจุดโทษ กิลแบร์โต้ ซิลวา รับหน้าที่สังหารเข้าไปตุงตาข่ายให้ อาร์เซนอล บุกมานำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 12 </dd>
<dd>บรรดาผู้เล่นฮัมบูร์ก ต่างหัวเสียกันอย่างมาก ที่ ปีเตอร์ ฟรอดเฟลด์ท ผู้ตัดสินชาวสวีเดน มาไล่ ซาสช่า เคียร์ชสไตน์ ออกไป เพราะมองว่า โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ย์ ต้องการจะพุ่งล้มอยู่แล้ว </dd>
<dd>เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 19 อาร์เซนอล ยังเคลื่อนที่กันได้ดี สามารถคอนโทรลเกมได้หมด มีโอกาสยิงประตูอีกครั้ง จาก โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ย์ แต่ยิงผ่านเสาไปนิดเดียวเท่านั้น </dd>
<dd>สามนาทีต่อมา เจ้าบ้านมีลุ้นอีกครั้ง บูบาการ์ ซาโนโก้ กองหน้าตัวเก่งได้โหม่งลูกเตะมุมบอลข้ามคานไป จากนั้น ฮัมบูร์ก ขึ้นบอลมาทาง ไนเจล เดอ ยอง ยิงจากระยะ 20 หลา ข้ามคานไป </dd>
<dd>ไอ้ปืนใหญ่ ได้ลุ้นบ้าง ฟาน เปอร์ซี่ย์ ยิงจากระยะกลางด้วยเท้าขวา บอลออกข้างไป อย่างไรก็ตามผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อน ในนาทีที่ 31 </dd>
<dd>ทีมเยือนยิ่งเล่นยิ่งดี โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ย์ ลากหนี บาสเตียน ไรน์ฮาร์ดท์ เข้าไปยิงไกล แต่บอลข้ามคานไป ในนาทีที่ 36 </dd>
<dd>4 นาทีต่อมา ฟาน เปอร์ซี่ย์ ยังเล่นได้อันตรายยิงจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งตรงกรอบ ทว่า สเตฟาน วัคเตอร์ ยอดเยี่ยมกว่าป้องกันไว้ได้ หมดครึ่งแรก อาร์เซนอล ขึ้นนำก่อน 1-0 </dd>
<dd>เข้าสู่ครึ่งหลัง เกมยังเปิดแลกกัน แต่เป็น ไอ้ปืนใหญ่ ที่มาได้ประตูที่สองในนาทีที่ 53 จากจังหวะที่ โทมัส โรซิคกี้ เก็บบอลจากระยะ 30 หลา แล้วตัดสินใจยิงไกลจากระยะ 30 หลา บอลพุ่งเร็วปานจรวด โดยที่ สเตฟาน วัคเตอร์ นายทวารฮัมบูร์ก หมดสิทธิ์เซฟ ช่วยให้ อาร์เซนอล หนีไปเป็น 2-0 เข้าไปแล้ว </dd>
<dd>นาทีถัดมา อาร์เซนอล เกือบได้ประตูหนีห่างออกไปอีก เมื่อ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าชาวโตโก กระชากบอลจากระยะ 30 หลา เข้าไปยิงโค้งหลุดเสาออกไป</dd>
<dd>อาร์เซนอล ไม่ได้เร่งเกม แต่ยังมีโอกาสยิงมากกว่า นาทีที่ 59 เชสก์ ฟาเบรกาส มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ได้ตะบัน แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ สเตฟาน วัคเตอร์ นายทวารฮัมบูร์ก สองนาทีต่อมา ปืนใหญ่ขึ้นบอลมาทาง เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ แบ็คขวายิงออกข้างไปอีกครั้ง </dd>
<dd>เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 66 ไอ้ปืนใหญ่ได้ลุ้นอีก เมื่อ โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ย์ ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ ยิงโค้งจะให้เสียบมุมบน แต่ว่า วัคเตอร์ บินมาปัดออกไปได้ </dd>
<dd>อาร์เซนอล คุมเกมได้หมดและ ชูลิโอ บ๊าปติสต้า ดาวเตะชาวราซิล ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็เล่นได้ดีทีเดียวในเกมนี้ </dd>
<dd>เกมทำท่าว่าจะจบเพียงเท่านี้ แต่แล้วนาทีที่ 90 ฮัมบูร์ก ก็ตีไข่แตกจนได้จาก บูบาการ์ ซาโนโก้
ช่วงที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม 90 นาที ไอ้ปืนใหญ่ บุกมาต้อน ฮัมบูร์ก 2-1 เก็บสามแต้มได้สมศักดิ์ศรีรองแชมป์เก่า </dd>
<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม</b> </dd>
<dd><b>ฮัมบูร์ก</b> : ซาสช่า เคียร์ชสไตน์, กีย์ เดเแมล, บาสเตียน ไรน์ฮาร์ดท์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โยริส มาไธจ์เซ่น, ไนเจล เดอ ย็อง, ดาวิด ยาโรลิม, ราฟาแอล วิคกี้, ปิอ็อตร์ โตรชอฟสกี้, บูบาการ์ ซาโนโก้, ดานิเยล ลูโบย่า </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : สเตฟาน วัคเตอร์, เมห์ดี้ มาห์ดาวิเคีย, โฮเซ่ เปาโล เกร์เรโร่, มาริโอ ฟิลลิงเกอร์, เบซาร์ต เบริช่า, อเฃ็กซานเดอร์ ลาส, คอลลิน เบนจามิน </dd>
<dd><b>อาร์เซน่อล </b>: เยนส์ เลห์มันน์, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โคโล ตูเร่, โยฮัน ฌูรู, วิลเลี่ยม กัลลาส, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ, ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส, กิลแบร์โต้ ซิลวา, โทมัส โรซิคกี้, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรบิน ฟาน เปอร์ซี่ </dd>
<dd><b>สำรอง </b>: มานูเอล อัลมูเนีย, เฟรดริค ลุงเบิร์ก, ชูลิโอ บาปติสต้า, มาติเยอ ฟลามินี่, อเล็กซ์ ซง, จัสติน ฮอยต์, ธีโอ วัลค็อตต์ </dd>
<dd><b>(กลุ่ม เอช)</b></dd>
<dd><b>เอซี มิลาน 3 - เออีเค เอเธนส์ 0</b></dd>
<dd>ที่สนามซาน ซิโร่ เอซี มิลาน อดีตแชมป์ยุโรป 6 สมัยเปิดบ้านพบ เออีเค เอเธนส์ ทีมจากกรีซ โดยคาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือคนเก่งของทีมวางให้ ฟิลิปโป้ อินซากี้ กับ ริคาร์โด้ โอลิเวร่า หัวหอกตัวใหม่ชาวแซมบ้า เป็นคู่กองหน้า ส่วนอัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ที่ฟอร์มตก โดนดร็อปเป็นตัวสำรอง
เริ่มครึ่งแรกเจ้าถิ่นมิลานเปิดเกมรุกทันที นาทีที่ 12 ได้ลูกคอนเนอร์ โยฮัน กูร์กคุฟฟ์ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสชุดยู-21 เปิดมาให้ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ยิงตรงกรอบ แต่ซอร์เรนติโน่ โกล์อิตาเลี่ยนของเออีเค เอเธนส์ ยังป้องกันได้ </dd>
<dd>ทว่าอีกห้านาทีต่อมา มิลาน มาได้ประตูออกนำ 1-0 สมใจ จากจังหวะที่ เปาโล มัลดินี่ ปราการหลังกัปตันทีม ได้บอลทางกราบซ้ายก่อนเปิดบอลเข้ามากลางประตูเข้าหัว ฟิลิปโป้ อินซากี้ อย่างเหมาะเหม็ง โหม่งเสียบตาข่ายเข้าไปสวยงาม </dd>
<dd>มิลานยังได้บุกต่อเนื่องจนมาได้เม็ดสองในนาทีที่ 41 จากที่ กาก้า ยอดเพลย์เมคเกอร์บราซิลเลี่ยน พาบอลไปทางกราบขวาแล้วเปิดไปที่เสาสองให้ โยฮันน์ กูร์กคุฟฟ์ ที่ลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นนัดแรก โหม่งเต็มหัว ส่งบอลผ่านการป้องกันของ ซอร์เรนติโน่ โกล์ทีมเยือนและเป็นประตูแรกของดาวรุ่งวัย 20 ปีรายนี้ ในสีเสื้อรอสโซเนรี่ด้วย </dd>
<dd>จบ 45 นาทีแรก ปีศาจแดงดำ นำอยู่เบาะๆ 2-0</dd>
<dd>มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง มิลาน ยังบุกได้ดีกว่า นาทีที่ 57 กาก้า ได้วางเท้ายิงเต็มๆ แต่ไปตรงตัว ซอร์เรนติโน่ โกล์มือหนึ่งของเออีเค เอเธนส์</dd>
<dd>นาทีที่ 67 เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกครั้ง ฟิลิปโป้ อินซากี้ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติอิตาลี หลุดเข้าไปยิง แต่ยังไม่ผ่านมือ ซอร์เรนติโน่ นายทวารของเอเธนส์ </dd>
<dd>อย่างไรก็ตาม เจ้าถิ่นได้เม็ดสามสมใจ ในนาทีที่ 76 จากจังหวะที่ อินซากี้ โดน โมราส กองหลังทีมเยือนทำฟาวล์ในเขตโทษ และ ไมค์ ไรลี่ย์ เชิ้ตดำเมืองผู้ดี ชี้ให้เป็นจุดโทษทันที ซึ่ง ริคาร์โด้ กาก้า สังหารไม่พลาดช่วยให้ มิลาน หนีไปเป็น 3-0 </dd>
<dd>ท้ายเกมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม 90 นาที เอซี มิลาน ต้อนตือไป 3-0 เก็บสามคะแนนเต็ม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอช . </dd>
<dd><b>รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม</b> </dd>
<dd><b>เอซี มิลาน</b> : มาร์กอส ดิด้า, มาร์กอส คาฟู, ดาริโอ ซิมิช, เปาโล มัลดินี่, จูเซ็ปเป้ ฟาวัลลี่, ครืสเตียน บร็อคคี่, อิวาน เจนนาโร่ กัตตูโซ่, ริคาร์โด้ ซานโต๊ส กาก้า, โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์, ฟิลิปโป้ อินซากี้, ริคาร์โด้ โอลิเวร่า</dd>
<dd><b>สำรอง</b> : เซลจ์โก้ คาลัช, อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่, มาเร็ค ยานคูลอฟสกี้, มัสซิโม อัมโบรซินี่, ดานิเอเล่ โบเนร่า </dd>
<dd><b>เออีเค เอเธนส์ </b>: สเตฟาโน่ ซอร์เรนติโน่, มาร์ติน เปาตาสโซ่, ตรายานอส เดลลาส, บรูโน่ ชิริลโล่, สตาฟรอส ซิออร์ตซิโอปูลอส, ปันเตลิส คาเปตานอส, เอเมอร์สัน, เอวานเกลอส โมราส, ชูลิโอ เซซ่าร์, อันดริย่า เดลิบาซิช, นิคอส ลิเบโรปูลอส </dd>
<dd><b>สำรอง</b> : ดิโอนิซิส ชิโอติส, กุสตาโว มันดูก้า, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, วลาดิเมียร์ อิวิช, พานาจอติส ลากอส, วาสซิลิออส ลาคิส, ดาเนี่ยล ทอซเซอร์ </dd>
<b>ส่วนผลคู่อื่นมีดังนี้</b>
<dd><b>.กลุ่มอี </b></dd>
<dd>? ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) แพ้ สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 1-4 </dd>
<dd><b>กลุ่ม เอฟ </b></dd>
<dd>? เอฟซี โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) เสมอ เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 0-0 </dd>
<dd><b>กลุ่ม จี </b></dd>
<dd>? เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส) เสมอ ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย) 0-0 </dd>
<dd><b>กลุ่ม เอช </b></dd>
<dd>? อันเดอร์เลชท์ (เบลเยียม) เสมอ ลีลล์ (ฝรั่งเศส) 1-1 </dd>
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์