<b>ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก นัดเปิดสนามฤดูกาล 2006/07 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยคู่เปิดสนามอย่างเป็นทางการที่คิกออฟเร็วกว่าเพื่อน เป็นการพบกันระหว่าง ?หงส์แดง? ลิเวอร์พูล แชมป์เอฟเอคัพฤดูกาลที่แล้ว ที่เพิ่งประเดิมซิวแชมป์คอมมิวนิตี ชิลด์ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ยกพลบุกไปเยือน ?ดาบคู่? เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในฐานะรองแชมป์เดอะแชมเปียนชิพ ที่สนามบรามอลล์เลนของทีมดาบคู่</b>
เกมนี้ทีมเยือนหงส์แดงดร็อป ปีเตอร์ เคราช์ ศูนย์หน้าร่างโย่งเป็นตัวสำรอง พร้อมกับส่งร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ลงยืนเป็นหัวหอกตัวจริงคู่กับ เคร็ก เบลลามี เกมครึ่งแรกทั้งคู่ยังผลัดกันรุกและรับได้อย่างสูสี ก่อนจะยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอ 0-0
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดฉากครึ่งหลังได้เพียงนาทีเดียว กองเชียร์ทีมดาบคู่ก็ได้เฮกันสนั่น จากจังหวะที่แยน ครอมแคมป์ กองหลังดัตช์ของหงส์แดง ไปทำฟาวล์ผู้เล่นเชฟฯยู ทำให้ทีมเสียฟรีคิกในแดนตัวเอง และเป็นร็อบ ฮัลซี ศูนย์หน้าทีมดาบคู่ ได้โหม่งลูกฟรีคิกเหน่งๆชนิดไร้กองหลังลิเวอร์พูลตามประกบ ส่งบอลผ่านมือนายทวารเรนาตุงตาข่าย ให้เชฟฯยูนำก่อน 1-0 ในนาที 46
จากนั้นกว่าที่หงส์แดงจะตามตีเสมอได้ก็ต้องรอจนถึงช่วง 20 นาทีสุดท้าย เมื่อสตีเวน เจอร์ราร์ด กระชากบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษ หลังทำชิ่งหนึ่งสองกับฟาวเลอร์ ก่อนจะโดนกองหลังเจ้าถิ่นสกัดล้มในกรอบโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกจุดโทษของหงส์แดง ทั้งที่จากภาพช้าเห็นชัดเจนว่าเจอร์ราร์ดเสียหลักล้มเองโดยที่ไม่โดนสกัดจากกองหลังเชฟฯยูเลย ก่อนที่ฟาวเลอร์จะสังหารด้วยอีซ้ายตุงตาข่ายตีเสมอให้หงส์แดงเป็น 1-1 นาที 70 ส่วนช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายไหนพังประตูเพิ่มกันได้ จบเกมหงส์แดงชวดคว้าชัยนัดเปิดฤดูกาล ทำได้แค่เสมอเชฟฯยู 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน
สำหรับผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2006/07 เมื่อเสาร์ 19 ส.ค. คู่อื่นๆมีดังนี้ อาร์เซนอล เสมอ แอสตัน วิลลา 1-1, เอฟเวอร์ตัน ชนะ วัตฟอร์ด 2-1, เรดดิง ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2, พอร์ตสมัธ ชนะ แบล็กเบิร์น 3-0, นิวคาสเซิล ชนะ วีแกน 2-1, เวสต์แฮม ชนะ ชาร์ลตัน 3-1
สำหรับคืนนี้ (20 ส.ค.) ศึกพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2006/07 ยังมีเกมดวลแข้งอีก 2 คู่สุดท้าย โดยคู่แรก ?ปิศาจแดง? แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว จะเปิดรังโอลด์แทรฟเฟิร์ดรับการมาเยือนของ ?เจ้าสัวน้อย? ฟูแลม คู่นี้เริ่มเตะตรงกับเวลาไทย 19.30 น. และมีถ่ายทอดสดให้ชมทางยูบีซี 39 อีเอสพีเอ็น
ส่วนคู่ต่อมา ?สิงโตน้ำเงินคราม? เชลซี แชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 2 สมัยซ้อน จะปักหลักเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ของตัวเอง บดแข้งกับ ?เรือใบสีฟ้า? แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งคู่นี้ยูบีซี 39 อีเอสพีเอ็น และช่อง 7 สี จะถ่ายทอดสดให้ชมพร้อมกัน เริ่ม 4 ทุ่มตรง
ที่สนามโอลด์แทรฟเฟิร์ด ?ผีแดง? แมนฯยูไนเต็ด จะเฝ้าบ้านรอฟัดฟูแลม ทีมเยือนจากกรุงลอนดอน อย่างไร ก็ตาม เกมนี้เวย์น รูนีย์ ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ จะหมดสิทธิ์ลงล่าตาข่ายให้ทีมผีแดงอย่างแน่นอน เนื่องจากยังคงมีปัญหาบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ ส่วนรุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงชาวดัตช์ ก็อำลาแมนฯยู ย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดแล้วเมื่อช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้คาดว่าคู่หัวหอกในเกมนี้ของทีมปิศาจแดง จะเป็นหลุยส์ ซาฮา กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส จะได้ลงล่าประตูทีมเก่าของตัวเองอย่างฟูแลม จับคู่กับโอเล กุนนาร์ โซลชา ที่เพิ่งกลับมาลงบู๊ได้อีกครั้งในเกมปรีซีซั่น หลังจากเจ็บหนักจนพลาดลงสนามตลอดทั้งฤดูกาลที่แล้ว ส่วนแดนกลางจะได้พอล สโคลส์ ลงปั้นเกมแทน ไมเคิล คาร์ริก ที่บาดเจ็บ นอกจากนี้ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมสับขาทีมชาติโปรตุเกส เป็นโจทก์ของทีมชาติอังกฤษจากศึกบอลโลก 2006 ก็พร้อมลงป่วนริมเส้น
ด้านทีมเยือนฟูแลม ซึ่งจบด้วยอันดับ 12 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ฤดูกาลนี้พวกเขาต้องเสียสตีด มัลบรองก์ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส ที่ย้ายทีมไปแล้ว แต่ก็ได้จิมมี บูลลาร์ด มิดฟิลด์จากวีแกน มาคุมเกมในแดนกลางแทน เทียบฟอร์มกันแล้วยังต้องยกให้ผีแดงเหนือกว่า แถมฟูแลมยังมีฟอร์มการเล่นนอกบ้านไม่ดีนัก ดังนั้นแมนฯยูน่าจะถล่มชนะฟูแลมได้แน่
สำหรับเกมดวลแข้งที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ ?สิงห์บลู? เชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลซ้อน จะเปิดรังฟัดกับ ?เรือใบสีฟ้า? แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นัดนี้เชลซีหวังจะคว้าชัยเพื่อลบความผิดหวังที่พ่ายต่อลิเวอร์พูล 1-2 ในศึกชิงโล่คอมมิวนิตี ชิลด์ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม เกมนี้ทีมสิงห์บลูของกุนซือโจเซ มูรินโญ จะขาดนักเตะตัวหลักเพียบ ไม่ว่าจะเป็นมิชาเอล บัลลัค กองกลางจอมทัพทีมชาติเยอรมนี ที่เจ็บสะโพก, โจ โคล และ ปีเตอร์ เช็ก ที่ยังเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ส่วนโคลด มาเกเลเล มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ก็ไม่พร้อมลงเล่น เพราะยังไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้กุนซือมูรินโญต้องปรับทัพใหม่หลายตำแหน่ง โดยจะให้คูดิชินีเฝ้าเสาแทนเช็ก ขณะที่มิคาเอล เอสเซียง มิดฟิลด์ทีมชาติกานา หายเจ็บข้อมือแล้วและน่าสตาร์ตเป็นตัวจริง
อย่างไรก็ดี จอห์น เทอร์รี กองหลังกัปตันทีม จะยืนบัญชาการเกมรับ โดยมีริคาร์โด คาร์วัลโญ ที่จะได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 50 ให้เชลซี เป็นคู่หูในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ สำหรับแดนหน้า แน่นอนว่าจะมี ?เชว่า? อังเดร เชฟเชงโก ศูนย์หน้าทีมชาติยูเครน จะลงล่าตาข่ายเป็นตัวจริง หลังประเดิมยิงประตูแรกในการค้าแข้งที่อังกฤษได้แล้วในเกมคอมมิวนิตี ชิลด์ ขณะที่คู่หูของเชว่าน่าจะเป็นดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกทีมชาติไอวอรีโคสต์
ด้านทีมเยือนแมนฯซิตี้ของกุนซือจอมไซโค สจวร์ต เพียร์ซ นัดนี้จะไม่มีแอนดี โคล ลงล่าตาข่าย เนื่องจากอยู่ระหว่างรักษาอาการเจ็บเข่า ขณะที่นักเตะใหม่ ดีทมาร์ ฮามันน์ มิดฟิลด์ชาวเยอรมัน ที่เพิ่งย้ายมาจากลิเวอร์พูล ก็ยังไม่พร้อมลงสนาม เพราะมีปัญหาเจ็บเท้า แต่จะได้ ริชาร์ด ดันน์ กลับมาเป็นกำลังสำคัญในแดนกลาง วิเคราะห์ฟอร์มของทั้ง 2 ทีมแล้ว แม้สภาพทีม จะไม่สมบูรณ์แต่เชลซีก็ยังแกร่งทั่วแผ่น โดยเฉพาะแนวรุกที่มีเชฟเชงโกเป็นตัวอันตราย ซึ่งเชื่อว่าเชว่าจะยิงประตูแรกของตัวเองในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในเกมนี้ ก่อนช่วยให้แชมป์เก่าสิงห์บลูไล่ต้อนถล่มเรือใบไปอย่างสบายแข้ง ด้วยสกอร์เกิน 2 เม็ด
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์