ความลับกระจ่างแล้ว หลังจากซีเนอดีน ซีดาน อดีตยอดมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส เปิดใจให้สัมภาษณ์ทางทีวีเมืองน้ำหอมเกี่ยวกับการได้ใบแดงในนัดชิงชนะเลิศบอลโลก 2006 หลังจากเอาหัวโขกมาร์โก มาเตราซซี กองหลังอิตาลี
ซีดานเผยว่า เขาต้องขอโทษผู้ชมนับพันล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กๆ เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่ก็ไม่เสียใจที่ทำลงไป เพราะถ้าเสียใจก็เท่ากับว่า การยั่วยุของมาเตราซซีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
?เขาด่าแม่และน้องสาวผมด้วยถ้อยคำรุนแรง ถ้าพูดครั้งเดียวยังพอทนได้ แต่นี่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมทนไม่ไหว ลูกผู้ชายอย่างผม คำบางคำทนฟังไม่ได้ ถ้าให้เลือกผมขอชกหน้าคนพูดดีกว่า ผมยอมรับว่า ทำผิดและสมควรได้ใบแดง แต่อย่าลืมว่า ถ้าไม่มีการยั่วยุด่าทอ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ต้นเหตุมาจากคนยั่วยุต่างหาก ลองคิดดูผมคงไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นในช่วงเวลาที่เหลืออีก 10 นาที ในนัดชิงชนะเลิศบอลโลก ถ้าไม่ได้ยินคำพูดที่รับไม่ได้จริงๆ?
นอกจากนี้ ซีดานยังย้ำอีกว่า เขาพร้อมที่จะให้ฟีฟ่าสอบสวนกรณีนี้ และยืนยันแขวนสตั๊ดแน่นอน ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด
ด้าน มาเตราซซีให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เขาไม่ได้ด่าแม่ซีดาน ไม่ได้พูดเกี่ยวกับศาสนา, การเมือง หรือเรื่องเชื้อชาติ ?เรื่องแม่นี้ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่ได้พูด เพราะแม่ผมตายตั้งแต่ผมอายุ 15 ปี นึกถึงเรื่องนี้ทีไรยังเศร้าไม่หาย ส่วนแม่ซีดานนั้นผมก็ไม่รู้ด้วยว่ากำลังป่วยอยู่ ได้แต่หวังว่าเธอจะหายเร็วๆ สำหรับซีดานเขายังเป็นฮีโร่นักเตะในดวงใจของผมเสมอ?
ส่วนกรณีที่เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่าเผยว่า อาจมีการพิจารณาวินัยของซีดาน จากการได้ใบแดงดังกล่าว อาจส่งผลให้มีการยึดตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมคืนนั้น มาเตราซซีกล่าวว่า ซีดานสมควรได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากผลงานการเล่นในสนาม เขาเป็นสุดยอดเหนือกว่านักเตะคนอื่น
?ส่วนตัวแล้วผมยังนับถือเขาเหมือนเดิม ผมยังมีเสื้อบอลของซีดานเก็บไว้เลย เราแลกกันสมัยที่เขาเล่นให้ยูเวนตุส ส่วนผมเล่นให้เปรูจา ส่วนที่ผมยั่วยุเขาในเกมก็เพื่อให้เขาหยุดพูดเท่านั้น เพราะหลังจากผมดึงเสื้อเขา เขาก็เป็นคนเริ่มพูดก่อน ทำให้เรื่องบานปลายขึ้นมา? มาเตราซซีกล่าว
ขณะเดียวกันฟีฟ่าประกาศอันดับโลกล่าสุดเมื่อ 12 ก.ค. ปรากฏว่า ?แชมป์โลก? อิตาลีพุ่งขึ้นมา 11 อันดับ รั้งอันดับ 2 รองจากบราซิล ขณะที่ทีมชาติไทยร่วง 5 อันดับ อยู่ที่ 113 เป็นรองสิงคโปร์ที่อยู่อันดับ 111 หลังจากฟีฟ่าใช้วิธีคิดคะแนนใหม่ ให้น้ำหนักไปที่ความสำคัญของแมตช์, ความแข็งแกร่งของทีมในโซนต่างๆ รวมทั้งความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ ฯลฯ ทำให้อันดับตรงกับสภาพความเป็นจริงมากกว่าเดิม สรุป 10 อันดับแรกของโลก มีดังนี้
1. บราซิล 2. อิตาลี 3. อาร์เจนตินา 4. ฝรั่งเศส 5. อังกฤษ 6. ฮอลแลนด์ 7. สเปน 8. โปรตุเกส 9. เยอรมัน และ 10. สาธารณรัฐเช็ก
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์