ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 6 พ.ค. 52 ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.3140/2551 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ฟ้องนางไข่ สุขสัมพันธ์ อายุ 52 ปี ที่1 , น.ส.อรนุช หรือนุช หล้าจันทร์ อายุ 28 ปี ที่2 , นายมาโนช หรือขาว ภูมิภาวร อายุ 37 ปี ที่3 , นายพงษ์ศักดิ์ หรือศักดิ์ หงษ์เงิน อายุ 34 ปีที่ 4 , นายกวี หรือตี๋ วัดเฉย อายุ 35 ปี ที่ 5 และนายแสวง หรือแดง ผาคำ อายุ 41 ปี ที่ 6 เป็นจำเลยที่ 1 – 6 ในความผิดฐาน ใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค.51 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า
เมื่อต้นเดือน เม.ย .51 จำเลยที่ 1 ได้ใช้ จ้างวาน ให้นายมาโนช จำเลยที่ 3 ฆ่านายแสวง บุญมี อายุ 56 ปี หัวหน้าคนงาน บริษัทชิโนไทย จำกัด อดีตสามีของจำเลยที่ 1 เพื่อหวังเงินประกันชีวิตของผู้ตายจำนวน 2 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 29 พ.ค. 51 เวลากลางคืน จำเลยที่ 2 - 6 ร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยให้จำเลยที่ 2 นัดแนะหลอกพา นายแสวง ผู้ตายให้ไปพบ ที่ร้านอาหารตะวันแดงสาดแสงเดือน ถ.พัฒนาการ เขตคลองตัน กทม. จากนั้นจำเลยที่3 - 6 ร่วมกันบังคับนำตัวผู้ตายขึ้นรถยนต์แท็กซี่ หมายเลขทะเบียน ทน-8915 กทม.ทำร้ายชกต่อย ใช้ถุงดำคลุมศีรษะ ก่อนที่จำเลยที่ 5 จะใช้มีดคัตเตอร์กรีดร่างกาย จากนั้นนำร่างของผู้ตายไปวางนอนไว้ที่ริมถนนโดยให้จำเลยที่ 4 ขับรถยนต์แท็กซี่ทับผู้ตายที่บริเวณลำตัวเพื่ออำพราง ถึงสาเหตุการตายว่าเป็นอุบัติเหตุ นอกจากนี้จำเลยที่3 , 5 และ6 ร่วมกันลักทรัพย์เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย ราคา 4,000 บาท และเงินสด 15,000 บาท ของผู้ตายไปโดยทุจริต เหตุเกิดภายใน ซ.รามคำแหง 32 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ติดตามจับกุมจำเลยทั้งหมดดำเนินคดีได้ โดยจำเลยที่ 1- 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 – 6 ให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 - 6 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพนักงานสอบสวนและพยานปากอื่นเบิกความทำนองเดียวกันว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทไทยประกันชีวิต จำนวน 2 ล้านบาท ให้ ผู้ตายโดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ได้รับประโยชน์ และเป็นผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 3 ให้ฆ่า ผู้ตาย เพื่อหวังรับเงินประกัน และวางแผน ให้จำเลยที่ 3 - 6 เช่ารถแท็กซี่รับผู้ตายไปฆ่า นอกจากนี้ยังมีคนขับรถพา ไปรับเงินว่าจ้างจากจำเลยที่ 1ที่ จ.สุโขทัย ประกอบคำรับรับสารภาพ จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 3 - 6 กระทำผิดตามฟ้อง
ส่วนจำเลยที่ 1 โจทก์มี นางละเอียด ภูมิถาวร ภรรยาจำเลยที่ 3 เบิกความว่า จำเลยที่ 1 ได้ไปหาจำเลยที่ 3 ที่บ้านพัก ให้ฆ่าผู้ตายราคา 3 แสนบาท และพยานที่เป็นพนักงานบริษัทประกันชีวิต ที่ระบุว่า จำเลยที่ 1 ได้พาผู้ตายไปทำประกันชีวิตก่อนเกิดเหตุ อันเป็นการเบิกความที่สอดคล้องกันในสาระสำคัญ เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางแผนและจ้างวาน ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าไม่เคยจ้างวาน และไม่รู้จักกับจำเลยที่ 3 นั้นเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ให้ตัวเองพ้นผิด เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1กระทำผิดตาม ฟ้องจริง
สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ไม่มีพยานมายืนยันได้ว่าเกี่ยวข้องกับการร่วมกันฆ่านายแสวง เพราะขณะกำลังจะขึ้นรถแท็กซี่ ก็ถูกจำเลยที่ 3 ดึงตัวไม่ไห้ขึ้นรถ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.289 อนุ ม. 4 ประกอบ ม. 84 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 , 5 , 6 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต และความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ลงโทษจำคุก 2 ปี คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานฆ่าผู้อื่นฯจำคุก 25 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์ให้จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 3, 5 และ 6 เป็นเวลา 26 ปี จำเลยที่ 4 มีความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นฯ ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 4 ไว้ 25 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ริบของกลาง .
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์