วันที่ 6 พค. 52 พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. นำกำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ปปส.ไต้หวันและตำรวจสอบสวนกลางไต้หวัน สนธิกำลัง 80 คน นำหมายจับของศาล 3 ฉบับเข้าตรวจค้นจับกุมเครือข่ายผู้ค้าเฮโรอีนรายใหญ่ในพื้นที่ อ.สันกำแพง อ.ฝาง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน รวม 7 จุดทั้งนี้ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นเครือข่ายค้าเฮโรอีนรายใหญ่ได้ 3 ราย คือ นายจี้เม่า แซ่เจิง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ที่ 3 ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ กับนายจี้ฝัน แซ่เจิง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/2 หมู่ 9 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสองพี่น้องชาวจีนฮ่อ โดยจับกุมได้ที่บ้านตามที่อยู่ของนายจี้เม่า
ส่วนอีกราย คือ นายสิงหล แซ่อู๋ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150/2 หมู่ 5 ต.บ้านช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ถูกจับกุมที่บ้านพักในเขต อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ทั้งหมดเป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่มีชื่อติดอยู่ใน 1 ใน 30 เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ของปปส. และถูกออกหมายจับของศาล 3 ฉบับลงวันที่ 8 ธันวาคม 2551ในข้อหา "สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำผิดตามที่สมคบกันแล้ว"
พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รองผบช.ปส. เปิดเผยว่า การบุกค้นจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมาตำรวจไต้หวันได้ประสานข้อมูลมาว่าสามผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นเครือข่ายที่ขนเฮโรอีนรวม 3 ครั้งจำนวน 140 กิโลกรัมในช่วงปีที่ผ่านมาไปขายในไต้หวัน คิดเป็นมูลค่าที่สูงมากหากซื้อขายในไทยจะตกกิโลกรัมละ 300,000 บาท แต่หากส่งผ่านไปขายในไต้หวันมูลค่าการจำหน่ายจะพุ่งสูงขึ้นเป็น 100 เท่าตัว ซึ่งประเมินเป็นมูลค่ารวมถึง 4 พันกว่าล้านบาท โดยใช้วิธีซุกซ่อนเฮโรอีนไปกับสินค้ากระดาษปอสาและเฟอร์นิเจอร์ต้นทางจาก อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ส่งไปทางเรือ
กระทั่งทางการของไต้หวัน จับกุมได้ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ ปปส.ไต้หวันและตำรวจสืบสวนกลางพร้อมสื่อมวลชนต่างประเทศเดินทางเข้ามาร่วมกับตำรวจไทยในการจับกุม เบื้องต้นทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวนี้เป็นนักค้าเฮโรอีนรายใหญ่ที่สุดในรอบปีและเชื่อมโยงการทำงานกับแก๊งนักค้ายาเสพติดรายใหญ่รายเดียวของไต้หวัน
หลังเราสืบทราบและมีข้อมูลว่านายจี้เม่านั้นมีประวัติค้ายาเสพติดอยู่ในบัญชีรายชื่อมาตั้งแต่ปี 2544-2545 จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามเข้าตรวจค้นในหลายจุดพร้อมกันจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้ ซึ่งจะได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ บช.ปส.ส่วนกลางและยังได้ขยายผลในการยึดทรัพย์ของเครือข่ายดังกล่าวนี้ เบื้องต้นอยู่ระหว่างตรวจสอบเงินในบัญชีหลายธนาคารยังไม่ทราบจำนวน แต่เฉพาะบ้านจำนวน 3-4 หลังในเขต อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่มีมูลค่ารวมประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะได้ขยายผลในการติดตามไปถึงแหล่งผลิตยาเสพติดต้นตอที่ไปนำพามาต่อไป.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์